สิงห์บุรี ชวนคนรักสุขภาพสั่งเครื่องดื่มอ่อนหวาน ปักหมุดร้านกาแฟเข้าร่วม “โครงการร้านกาแฟหวานน้อยสั่งได้”

วันนี้ (17 พ.ย. 2562) Insight Out Story
มาปักหมุด​ ชิมเมนู​ กาแฟหวานน้อยกัน

" โครงการ​สิงห์บุรีอ่อนหวาน"​
หวานน้อยสั่งได้อร่อยด้วย
“ร้านกาแฟอ่อนหวาน” กำลังมา สิงห์บุรีเดินหน้าขยายฐาน เพิ่มพิกัดร้านกาแฟหวานน้อยสั่งได้ หรือ ร้านกาแฟอ่อนหวาน รองรับเทรนด์สุขภาพและป้องกันโรคร้ายที่ตามมาจากกาทานหวานเกินพิกัด สิงห์บุรี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดให้ที่ความสำคัญกับเรื่องการทานหวานเกินพิกัด ซึ่งก่อให้เกิดโรคร้าย NCDs ตามมาในอนาคต เพื่อเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุ จึงได้มีการขับเคลื่อนเพื่อให้คนในพื้นที่ทานหวานในปริมาณที่เหมาะสม โดยการชวนชวนโรงเรียนและร้านกาแฟในพื้นที่มาเข้าร่วมโครงการ
ร้านกาแฟในสิงห์บุรีประกาศเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 10 แห่ง และมีแนวโน้มที่จะมีเพิ่มขึ้น ตามความต้องการของผู้บริโภค เพราะส่วนใหญ่เมื่อเข้าร้านกาแฟมักจะสั่งหวานน้อย  และทางสำนักงานสาธารณสุข​ และกรมอนามัยจัดเยี่ยมชมร้าน และมอบกระเช้า ป้ายร้านในเครือข่าย​ โดยวันนี้เราไป ปักหมุดกัน 4 ร้าน ใน “โครงการร้านกาแฟหวานน้อยสั่งได้”   กันค่ะ

เริ่มต้นร้านแรก  

ร้านสิงห์กาแฟ 

ร้านกาแฟหวานน้อยรุ่นแรกที่ยังยึดมั่นในความตั้งใจที่จะให้ลูกค้าสุขภาพดี​  ทางร้านจะมีป้ายอธิบายให้ความรู้และเชิญชวนลูกค้าให้ลดความหวานจากเครื่องดื่มให้ลดลง กว่าแต่ก่อน
และยิ่งถ้าลูกค้าได้เห็นป้ายก็คงจะได้มีความเข้าใจและได้พูดคุยซักถามกันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะทางร้านเองก็สนับสนุนเรื่องของการรักสุขภาพอยู่แล้ว
#จากเมนูหวานน้อยสั่งได้​

ร้าน ชาพยอม 

ร้านน้องใหม่ที่อยากมีส่วนร่วมในการรณรงค์ลดการบริโภคน้ำตาล เพื่อป้องกันโรคต่างๆ และสุขภาพที่ดีของลูกค้า

ร้านกาแฟหวานน้อย 

ณ บ้านควายอาร์ต

#เสฟศิลป์กินกาแฟ​ 
#ลดการบริโภคเครื่องดื่มรสหวาน 
ส่วนเรื่องการเข้าร่วม “โครงการร้านกาแฟหวานน้อยสั่งได้” เมื่อได้รับการชักชวนสนใจและตอบรับทั้งนี้อยากให้ลูกค้ามีสุขภาพที่ดีด้วย 

ร้าน Billion 

ร้านที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการร้านกาแฟหวานน้อยสั่งได้ มาก่อน เปิดเผยว่า หลังจากทราบว่ามีโครงการนี้ก็รีบตอบรับการเข้าร่วมโครงการทันที เพราะอยากร่วมรณรงค์กับโครงการนี้ด้วย และร้านสุดท้าย 

ร้านกาแฟรีแลกซ์รูม 

ซิกเนเจอร์ของร้าน คือ กาแฟมะพร้าวน้ำหอม เป็นการเอาน้ำมะพร้าวมาแทนความหวาน ผสมลงในกาแฟพร้อมกับเนื้อมะพร้าว ทำให้เกิดรสชาติกลมกล่อม ไม่หวานมากและไม่เสียรสชาติของกาแฟ เรียกได้ว่าเป็นความหวานแบบธรรมชาติ ที่ยังรักษาสุขภาพได้ดีอีกด้วย
และมีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณสุธาทิพย์ จันสถาพร เจ้าของร้านกาแฟ Relax Room เล่าว่า เปิดร้านกาแฟมาหลายปีแล้ว และความตั้งใจคือ อยากเปิดร้านกาแฟแบบไม่ทำลายสุขภาพ จึงได้คิดเมนูกาแฟน้ำมะพร้าวขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องรับความหวานจากน้ำตาล แต่เป็นความหวานจากน้ำมะพร้าว เพราะ เป็นความหวานจากธรรมชาติ และใช้มะพร้าวหนึ่งลูกต่อกาแฟหนึ่งแก้วเลย ซึ่งโดยสรรพคุณของน้ำมะพร้าวก็มีประโยชน์อยู่แล้ว เมื่อนำมามิกกับกาแฟ เมื่อลูกค้าได้ชิมก็ติดใจจึงเป็นเมนูที่ลูกค้ามาที่ร้านแล้วต้องไม่พลาด
ส่วนเรื่องการเข้าร่วม “โครงการร้านกาแฟหวานน้อยสั่งได้” เมื่อได้รับการชักชวนก็ตอบรับทันทีเพราะร้านกาแฟที่เปิดมานี้ก็เพื่อให้ลูกค้ามีสุขภาพที่ดีด้วย ซึ่งนอกจากเมนูดังที่ลูกค้าต้องลองแล้ว เมื่อลูกค้าเข้ามาก็จะมีอีกหลายเมนูเพื่อสุขภาพที่ใส่หวานน้อย
โดยจะมีการแนะนำให้ลูกค้าทราบด้วย พร้อมกับมีแผ่นป้ายระดับความหวานของน้ำตาลให้ลูกค้าได้ดู แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าและมาอีกจะกลายเป็นลูกค้าประจำก็จะเข้าใจทันทีว่า ที่ร้านนี้เป็นร้านกาแฟอ่อนหวาน ถ้าอยากดื่มกาแฟแล้วสุขภาพดีก็มาที่ร้านได้
หลังจากนั้น รับฟังแนวคิดจาก ทต.สุธา เจียรมณีโชติชัย อดีตรองอธิบดีกรมอนามัย และที่ปรึกษาเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ในการสร้างสภาพแวดล้อมลดการบริโภคเครื่องดื่มรสหวาน และทันตแพทย์หญิงปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย ประธานเครือข่าวเด็กไทยไม่กินหวาน  ให้พูดคุยให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับโครงการนี้
โดยทพ.สุธา เจียรมณีโชติชัย อดีตรองอธิบดีกรมอนามัย และที่ปรึกษาเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน เปิดเผยว่า ปัญหาด้านสุขภาพที่มาจากโรค NCDs ในปัจจุบันส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการทานหวานจัด จนส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาและปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทานหวานกันมาก็มาจากอาหารสตีทฟู้ด และ กาแฟพร้อมชงดื่มเอง ซึ่งปัจจุบันมีร้านกาแฟเกิดขึ้นจำนวนมาก และผู้ที่เข้าไปซื้อเครื่องดื่มทานก็ชอบรสหวาน จนนำพามาสู่โรคต่างๆ ตามมา
จากการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับน้ำตาลจากอาหารที่ทานและเครื่องดื่ม โดยได้ความหวานของน้ำตาลประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ที่ร่างกายได้รับ มาจากเครื่องดื่ม ซึ่งเครื่องดื่มจะแยกเป็น เครื่องดื่มจากภาคอุตสาหกรรม ปัจจุบันมีมาตรการภาษีได้คลอคลุมไว้แล้วเรื่องความหวาน กับ เครื่องดื่มจากร้านกาแฟ หรือ ร้านต่าง ๆ ที่ไม่มีการใช้เรื่องภาษี (Non Tax) ตัวนี้น่าเป็นห่วง เพราะไม่มีภาษีควบคุม จึงทำให้ผู้บริโภคที่ซื้อไปได้รับความหวานเกินกำหนด ซึ่งตามมาตรฐานที่กำหนดอยู่ที่ 5 เปอร์เซ็นต์
สิ่งที่ทางหน่วยงานพยายามทำคือ เข้าไปโน้มน้าวหรือชักชวนกลุ่มร้านกาแฟเหล่านี้ให้เข้าใจและทราบถึงพิษภัยของการทานหวานจัด ด้วยการให้ลดความหวานลงจากที่เคยชงประมาณ 25-50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นปริมาณที่ลูกค้ารับได้ เพราะจะให้ลดลงแต่ขายไม่ได้ก็คงไม่ใช่
ดังนั้นจึงอาจจะเป็นลักษณะการค่อยๆ ปรับ เพื่อให้ลูกค้าได้ชินกับรสชาติความหวานที่ลดลง หรือ อีกทางหนึ่ง คือ เปิดสูตรใหม่ เป็นสูตรหวานน้อย กับ ไม่หวาน โดยให้ลองตลาดดูก่อนว่าขายได้ไหม ถ้ามีผู้บริโภคหรือลูกค้าสนใจซื้อหรือทานได้ก็รับได้เลย เพื่อยอดขายไม่ตกและชาวบ้านที่ชอบกินกาแฟได้ปรับลิ้นลดความหวานลงเรื่อย ๆ ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ก็คือ สิ่งที่เรารณรงค์กันอยู่
“เป็นการชักชวนและชี้ให้เห็นว่าการให้ลูกค้าได้ทานกาแฟอ่อนหวานนั้นดีต่อสุขภาพของผู้ดื่ม ดีที่ช่วยทำให้ต้นทุนในการใช้น้ำตาลลดลง ซึ่งดีทั้งคนขายและคนซื้อและช่วยทางด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ ให้ดีขึ้นด้วย เราพยายามแก้ไขที่ต้นน้ำซึ่งก็คือผู้ผลิต แต่ก็เป็นผู้ผลิตรายย่อย เช่น จังหวัดสิงห์บุรี เป็นต้น สำหรับชักชวนผู้ผลิตกาแฟแบรนด์ใหญ่ก็พยายามดำเนินการอยู่ ถ้าได้เข้ามาเข้าโครงการด้วยก็น่าจะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้นมากกว่านี้ไปอีก” ทพ.สุธา กล่าว 
ทางด้าน ทพญ.วังจันทร์ กิตติภาดากุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี หัวหน้ากลุ่มงานทันตสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันกระแสคนชอบดื่มกาแฟมีสูงมาก ร้านกาแฟก็มีทั่วทุกพื้นที่ เราจึงไปชักชวนขอความร่วมมือให้ร้านกาแฟและเครื่องดื่มเข้าร่วมโครงการ “ร้านกาแฟ/น้ำผลไม้ อ่อนหวาน” ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการรณรงค์ของเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน โดยให้ร้านกาแฟและเครื่องดื่มมีเมนูทางเลือกเพื่อสุขภาพ พร้อมทั้งสามารถปรับสูตรลดน้ำตาลในเครื่องดื่ม กาแฟ ให้ลูกค้าได้มีสิทธิ์เลือกมากขึ้น ปัจจุบัน จ.สิงห์บุรี มี 16 ร้านที่เข้าร่วมโครงการ
ร้านที่เข้าร่วมโครงการจะมีป้ายประชาสัมพันธ์หน้าเคาน์เตอร์ร้าน เพื่อให้ความรู้กับลูกค้าถึงผลเสียของการรับประทานหวานมากเกินไป รวมถึงป้าย “หวานน้อย สั่งได้ อร่อยด้วย” ซึ่งเป็นป้ายบอกเปอร์เซ็นต์ระดับความหวานตั้งแต่ 100-75-50-25 และ 0 หรือ 5-4-3-2-1 ตามลำดับ เพื่อให้ง่ายต่อการสั่งความหวานในเครื่องดื่มนั้นๆ
โดยเราได้ไปวัดค่ากาแฟหวานน้อย กับร้านที่เราไปปักหมุดกัน โดยเมนูหวานทั่วไป ค่าของการวัดจะอยู่ที่ระดับ 10 เมนูที่ร่วมรายการหวานน้อย เมื่อวัดแล้ว ค่าความหวาน จะอยู่ในระดับที่ 5-6  เท่านั้นค่ะ 
“ลูกค้าสามารถสั่งเมนูอะไรก็ได้ ไม่ได้ห้ามไม่ให้ทานหวาน แต่ให้หวานน้อยลงจะหวาน 75% หรือ 50% ก็ได้ อย่างน้อยให้ลูกค้าเข้าใจแนวคิดและตระหนักการไม่ทานหวาน ขณะเดียวกันร้านก็ไม่เสียฐานลูกค้าอะไร เพราะยังมีเมนูเดิมอยู่ ความหวานยังมีอยู่ เพียงแต่สามารถทำหวานน้อยลงให้ลูกค้าได้เท่านั้น” ทพญ.วังจันทร์ กล่าว

Share:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก