องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก จัดโรดโชว์ “ถ้าคุณเป็นเสือ…ชีวิตคุณจะอยู่อย่างไร” ชวนคนรุ่นใหม่ร่วมยุติการทรมานเสือเพื่อความบันเทิง

 องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย (World Animal Protection) จัดกิจกรรมโรดโชว์เพื่อการรณรงค์ภายใต้โครงการ “ถ้าคุณเป็นเสือ…ชีวิตคุณจะอยู่อย่างไร” (Save Breeding Tiger) เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการขยายพันธุ์เสือโคร่งในอุตสาหกรรมเพื่อความบันเทิงแก่คนรุ่นใหม่ โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากนิสิตและนักศึกษาสถาบันฯ ต่างๆ จำนวนหลายพันคน ร่วมลงชื่อยุติการขยายพันธุ์เสือในกรงขัง พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวไทยที่มีอายุ 18 ปี    ขึ้นไป สามารถร่วมลงชื่อให้การสนับสนุน เพื่อเสนอร่างกฎหมาย ยุติการขยายพันธุ์เสือโคร่งในกรงเลี้ยง ต่อรัฐสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอนาคต โดยล่าสุดจัดกิจกรรมรณรงค์พร้อมการบรรยายความรู้ให้แก่นักศึกษาที่สนใจ    กว่า 1,000 คน ณ วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี จังหวัดชลบุรี เมื่อวันก่อน
สมศักดิ์ สุนทรนวภัทร หัวหน้าฝ่ายโครงการ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าวถึงที่มาของกิจกรรมนี้ว่า "ทุกวันนี้มีเสือถูกขังและใช้ประโยชน์ในทางที่ผิดอยู่ในสวนเสือทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับผลงานวิจัยเรื่อง Trading cruelty – how captive big cat farming fuels the traditional Asian medicine industry  ที่ชี้ให้เห็นถึงเบื้องหลังการเพาะพันธุ์สิงโตในทวีฟแอฟริกาและการเพาะพันธุ์เสือในทวีปเอเชียที่มุ่งตอบสนองต่ออุปสงค์ความต้องการของตลาดค้าเสือทั่วโลก
โดยที่เสือและสิงโตเหล่านั้นต่างถูกเลี้ยงอย่างไร้สวัสดิภาพและตกเป็นเหยื่อเพื่อความบันเทิงของมนุษย์ หากแต่เราเชื่อมั่นว่า “เสือควรอยู่อย่างเสือ ไม่ควรเป็นจำอวดของมนุษย์” นั่นคือเสือควรอยู่ในผืนป่ากว้างใหญ่อันเป็นแหล่งอาศัยตามธรรมชาติของมันมากกว่าอยู่ในกรงขัง ดังนั้นเราจึงอยากเชิญชวนประชาชนและผู้ที่สนใจร่วมผลักดันผ่านร่างกฎหมาย รวมถึงหยุดการสนับสนุนสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสือในกรงเลี้ยงที่ใช้เพื่อความบันเทิง และไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเสือ เช่น ยาสมุนไพร เครื่องประดับ วัตถุมงคลและเครื่องรางต่างๆ เพื่อตัดวงจรทรมานเสือในอนาคต”

ปัญจเดช สิงห์โท ที่ปรึกษาด้านนโยบาย องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าวว่า
“ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่วันนี้เราได้มาเป็นตัวแทนสัตว์ป่าพูดคุยกับน้องๆนักศึกษาคนรุ่นใหม่ เพื่อการร่วมลงชื่อสนับสนุนการร่างกฎหมายให้มีการยุติการขยายพันธุ์เสือโคร่งในกรงเลี้ยงเพื่อยุติการผสมพันธุ์เสือเพื่อความบันเทิงของมนุษย์      เพราะเสือเหล่านี้ต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสในกรงเลี้ยงตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งสอดคล้องกับหลายประเทศทั่วโลกที่มีนโยบายและกฏหมายเพื่อยุติการนำสัตว์ป่ามาแสดง รวมไปถึงยุติการผสมพันธุ์เสือเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการเพื่อความบันเทิง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจของประเทศไทยที่ธุรกิจดังกล่าวกลับเติบโตสวนทางกับกระแสอนุรักษ์ทั่วโลก

เห็นได้จากการประชุมภาคีสมาชิกอนุสัญญาไซเตส (COP-18) เมื่อเดือนที่ผ่านมา ที่ประชุมได้หารือในเรื่องการพยายามลดจำนวนเสือในกรงเลี้ยงและห้ามผสมพันธุ์เสือเพื่อนำไปใช้ในธุรกิจเพื่อความบันเทิง พร้อมย้ำให้ประเทศสมาชิกทำการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังอีกด้วย ดังนั้นผมมองว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องแสดงพลังและความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เพื่อร่วมกันแก้ไขนโยบายและผลักดันร่างกฏหมาย ตลอดจนเป็นกระบอกเสียงแทนพวกมันเพื่อให้เสือเหล่านี้เป็นรุ่นสุดท้ายที่ต้องทุกข์ทรมานในกรงเลี้ยงของมนุษย์”  ที่ผ่านมาองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก​กฎทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนในการป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ผ่านการประสานขอความร่วมมือจากองค์กรพันธมิตรต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงทำการรณรงค์ให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงปัญหาและภัยคุกคาม พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์เสืออย่างแท้จริง

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกได้ที่ www.worldanimalprotection.or.th หรือร่วมลงชื่อสนับสนุนเพื่อยุติการผสมพันธุ์เสือในกรงที่ไม่ใช่จุดประสงค์เพื่อการอนุรักษ์ได้ที่ http://bit.ly/2L8Faia

ข้อมูลทั่วไป - ทำไมต้องมีการยุติการผสมพันธุ์เสือในฟาร์มเสือ​  ประเทศไทย เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกของภาคีสมาชิกอนุสัญญาไซเตส (CITES) ภายใต้ประเด็นการค้าสัตว์ดังกล่าวส่งผลให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการผสมพันธุ์เสือที่ไม่เป็นไปตามอนุญาสัญญาไซเตส ที่ระบุว่าการขออนุญาตดังกล่าวจะออกให้กับการแลกเปลี่ยนที่ไม่เป็นไปในเชิงการค้าระหว่างสถาบันทางด้านวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับเพื่อเป้าหมายด้านการอนุรักษณ์เท่านั้น หากแต่ฟาร์มเสือในประเทศไทยกลับใช้เพื่อการแสดงหรือกิจกรรมที่ตอบสนองความต้องการและสร้างความสุขให้แก่มนุษย์ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้เบื้องหลังแฝงไปด้วยความทุกข์ทรมาณของสัตว์ทั้งจากการฝึกและการบีบบังคับเพื่อการแสดง
เกี่ยวกับองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก หรือ World Animal Protection เป็นองค์กรเพื่อคุ้มครองปกป้องสวัสดิภาพสัตว์ และยุติการทารุณกรรมสัตว์อย่างถาวร โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 มีบทบาทในการให้คำปรึกษากับองค์การสหประชาชาติและสภายุโรป ทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ สร้างความแตกต่างให้สัตว์ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ถูกทารุณกรรมทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยดำเนินงานครอบคลุมทั้งสัตว์ในชุมชน – สุนัข , สัตว์ป่า, สัตว์ประสบภัยพิบัติ - ช่วยเหลือสัตว์ในภาวะภัยพิบัติ การจัดหาอาหาร ที่อยู่และยารักษาโรคให้กับสัตว์, สัตว์ในฟาร์ม รวมถึงการให้ความรู้ด้านปศุสัตว์ที่มีมนุษยธรรมอันส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนและสัตว์ ข้อมูลเพิ่มเติม www.worldanimalprotection.or.th /
Share:

ร้านมณี ตำแซ่บ..ซี้ด..นัวทุกจานเด็ด....พิกัดร้านที่ชลบุรี

มื้อบ่ายๆวันนี้ Insight Out Story.com มีนัดกับเจ้าของร้านส้มตำสาวสวย พิกัดที่ชลบุรี กันค่ะ  ส้มตำที่นี่เจ้าของร้านเคลมว่า แซ่บ...ซี้ดแบบครบรส  นัวกลิ่นปลาร้าหอม ๆ  แน่นอน   “แค่คิดถึงก็เปรี้ยวปากแล้ว “ และยังรวมอีกหลากหลายเมนูส้มตำ อาทิ ตำไทย ตำลาว ตำปูม้า ตำปูปลาร้า ที่คัดสรรมาให้ตามไปกินกันแบบ นอน-สต๊อป!  เราต้องมาลองกันค่ะ
ร้านมณี ตำแซ่บ มีวิวสวยอากาศดี แถมใกล้สะพานใหม่ที่วิ่งเรียบชายทะเล เป็นจุดที่ใครๆมาเช็คอินกันเยอะมาก   นั่งทานอาหารกันได้ชิลล์ๆ และยังมีจอดรถ กว้างขวาง จอดได้มากกว่า 50 คัน
อาหารที่นี่อร่อย แซ่บ ซี้ด นัวๆ ทุกจานแน่นอนค่ะ   วัตถุดิบที่นี่นำเข้าจากท้องถิ่น ส่งตรงมาจากสะพานปลาทุกเมนูอาหารทะเลสดๆ ทุกวันแม้กระทั่งอาหารไทยอีสานและอาหารทะเลเธอเลือกคัดสรรมาอย่างดี

เมนูเด็ดของร้านมณีตำแซ่บ 

แกงผักหวานไข่มดแดง
สามชั้นผัดกะปิ
ตำเกาเหลากุ้งสด ไข่แดงเค็ม
มณี ตำแซ่บ
ไส้ย่างกรอบ
ส้มตำปูปลาร้า

หลังจาก ได้ทานเมนูแซ่บ ซี้ดกันไปแล้ว เรามาทำความรู้จักกับเจ้าของกันเลยนะค่ะ

คุณปุ๊ก เจ้าของ ร้านมณี ตำแซ่บ

เธอเล่าถึงแรงบันดาลใจในการทำร้านอาหารส้มตำนี้ว่า
" เริ่มจากลาออกจากงาน บริษัท ก็เริ่มคิดว่าควรจะทำอะไรสักอย่าง เลยตกลงมาที่ร้านส้มตำ เป็นอะไรที่ทานได้ง่าย มีครบทุกรสชาติ และเป็นอาหารแนวอาหารที่ชอบ แต่ทั้งที่ตนเองก็ ไม่มีพื้นฐานในการทำอาหาร ครอบครัวไม่เคยมีร้านอาหาร  แต่ชอบดูครอบครัวทำ ชอบการปรุง เลยมาหัดทำทานเอง ปรุงรส ลองทำด้วยตำเองทุกขั้นตอน " 
ในส่วนของอุปสรรค์ และความท้าทายตอนเริ่มทำกิจการคือ  การเข้าถึงลูกค้า และการเลือกวัตถุดิบ การดูแล  การเก็บรักษา วัตถุดิบ  เพื่อให้มีคุณภาพ รสชาติอาหาร และการเก็บรักษาเพื่อให้เสียหายน้อยที่สุด

ร้านมณี ตำแซ่บ  เริ่มก่อตั้งร้านเมื่อปี 2017 เสร็จปี 2018 แล้วเริ่มเปิดร้านตั้งแต่ 29 มิถุนายน 2018 โดย ชื่อร้านมาจาก  เพื่อนๆชอบเรียก ว่า "แม่มณี"  เพราะชอบใส่ชุดไทย ไม่ว่าจะไปไหนๆ ต่างประเทศ ต่างจังหวัด  มีความรู้สึกว่า ชุดของคนไทย สวยงามที่สุด อยากอนุรักษ์ไว้

คุณปุกกล่าวว่า
" แค่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ลูกค้าถูกใจรสชาติ  ได้พูดคุย เปลี่ยนมุมมอง กับลูกค้า ก็พึงพอใจแล้ว "

ลูกค้าส่วนใหญ่ ประเภทครอบครัว กลุ่มเพื่อน ส่วนใหญ่คนไทยน่าจะ 99% คนต่างชาติน้อยมาก เนื่องจากร้านคงไม่ได้อยู่ใกล้ แหล่งอุตสาหกรรม หรือสถานที่ท่องเที่ยว ทำเลของร้านนี้ จะอยู่ใกล้
-โรงพยาบาล
- สถานที่ข้าราชการของชลบุรี
- ตลาดการคืน
- สะพานเปิดใหม่ของชลบุรี
- อยู่ใกล้อ่างศิลา
- แยกตลาดนินจา
- อยู่ติดทะเลห่างแค่ 100 เมตรสะพานใหม่

การเดินทาง หากมาจากพัทยาขากลับกรุงเทพฯ  ขับเลี้ยวเข้าเมืองชลบุรีนิดเดียว มาไม่ยากนะค่ะ

ร้านมณี ตำแซ่บ 

119/17 ถ.พระยาสัจจา
ซอย ธนาคารไทยพานิชย์
ม.1  ต.เสม็ด อ.เมือง
ชลบุรี 20000
โทรศัพท์ .0822144421
เปิดบริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น.

หากผ่านมาพิกัดนี้อย่าลิมฝากท้อง กับอาหารไทย-อีสาน แสนอร่อย แซ่บ ซี้ด...ที่ร้านแม่มณีกันนะค่ะ...

Share:

วช. ยกระดับนวัตกรรมหนุนอาชีวะสร้างงานด้วยวิจัยและนวัตกรรม

รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ในการพัฒนาประเทศ 
โดยส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำและความยากจน ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมเชิงสังคมและนวัตกรรมเชิงพื้นที่ ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำควบคู่ไปกับการพัฒนาทุนมนุษย์ให้พร้อมสำหรับโลกยุคดิจิทัลและอุตสาหกรรม ๔.๐ ตามความเหมาะสมอย่างเป็นรูปธรรม 
ดังนั้น ทรัพยากรมนุษย์ จึงเป็นทุนสังคมที่สำคัญ ที่จะต้องพัฒนาศักยภาพในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้มีความรู้ ทักษะ ความชำนาญ และประสบการณ์ สามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพและหลากหลายรูปแบบ โดยการศึกษา วิจัย ตลอดจนการฝึกอบรม เพื่อผลิตและพัฒนาบุคลากรของประเทศให้มีความสามารถและใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันประเทศไปสู่ระบบเศรษฐกิจฐานความรู้และการพัฒนาที่ยั่งยืน
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะดำเนินการเร่งรัดพัฒนาการวิจัย นวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ ให้มีคุณภาพ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม 
โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านอาชีวศึกษาให้เข้มแข็งบนพื้นฐานสติปัญญา ความรู้ ฐานเทคโนโลยี และคุณธรรม จริยธรรม พร้อมทั้งกระตุ้นและส่งเสริมนักวิจัยในสายอาชีวศึกษาให้มีการวิจัยพัฒนาต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่มุ่งหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมด้วยการวิจัยและนวัตกรรม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการจัดระบบและกลไกความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการพัฒนากำลังคนให้สามารถนำความรู้และทักษะมาใช้ในการแก้ไขปัญหา รวมถึงการสร้างและพัฒนานวัตกรรม เพื่อเตรียมการสำหรับผลิตกำลังคนในสาขาที่ขาดแคลน รองรับอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในอนาคต สามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงและสร้างความเป็นเลิศของประเทศไทย
ดังนั้น เพื่อเป็นการพัฒนากำลังคนสายอาชีวศึกษาให้เป็นทรัพยากรบุคคลคุณภาพด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในอนาคต วช. จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติ เรื่อง “Meet the Trainers : Invention & Innovation สายอาชีวศึกษา” ขึ้น ภายใต้แนวคิด Change for the Future อาชีวะก้าวไกล ด้วยวิจัยและนวัตกรรม ระหว่างวันที่ 29 – 30 กันยายน 2562 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมมารวย การ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร 
โดยศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดและบรรยายพิเศษ เรื่อง “อาชีวะพันธุ์ใหม่ ก้าวสู่ Thailand 4.0” 
ทั้งนี้เพื่อระดมสมองแลกเปลี่ยนเรียนรู้
รวมถึงการพัฒนารูปแบบและเนื้อหาการบ่มเพาะนักประดิษฐ์สายอาชีวศึกษาให้สอดคล้องตามทิศทางการพัฒนากำลังคนด้านอาชีวศึกษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ และเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีบุคลากรระดับผู้บริหาร อาจารย์ สายอาชีวศึกษา ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เข้าร่วมประชุม จำนวน ๓๕๐ คน


Share:

ททท. ภาคกลาง ร่วมกับ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เปิดตัวชุมชนท่องเที่ยววัฒนธรรม สำหรับเยาวชนต่างชาติ โครงการ Thailand Village Academy เปิดตลาดท่องเที่ยวเยาวชนทั่วโลก



ททท. ภาคกลาง ร่วมกับ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และ เว็บไซต์ Hello local   จัดกิจกรรม Thailand Village Academy Showcase  ทริปท่องเที่ยวชุมชนวัฒนธรรมในภาคกลาง  เชิญบริษัททัวร์เยาวชนต่างชาติ มหาวิทยาลัยนานาชาติ  บล็อกเกอร์และ สื่อมวลชน ร่วมทริปเปิดประสบการณ์ ตะลุยดินแดนมหัศจรรย์แห่งการเรียนรู้วัฒนธรรมไทยสำหรับเยาวชน  ณ  ชุมชนตำบลบ้านแหลม  จ.สุพรรณบุรี โชว์ศักยภาพชุมชนวัฒนธรรมในภาคกลางของไทยที่พร้อมเปิดตลาดท่องเที่ยวเยาวชนทั่วโลก   

ผอ. อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ  ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า  “จากการจัดทริปพา เยาวชน สื่อและ บล็อกเกอร์ ร่วมเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยววัฒนธรรมเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก เพราะนอกจากที่ทุกคนได้เรียนรู้วิถีชีวิตผ่านกิจกรรมชุมชนอย่างสนุกสนานแล้ว ยังได้เรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งที่ถูกถ่ายทอดจาก Local Masters  ปราชญ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชุมชน  และเพื่อเป็นการต่อยอดในการส่งเสริมการตลาดอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ททท. ภาคกลาง  ร่วมกับทางโครงการฯ ได้มีกำหนด จัดกิจกรรม Thailand Village Academy Showcase  อย่างต่อเนื่อง โดย เชิญ บริษัททัวร์ท่องเที่ยวเยาวชน,สถาบันการศึกษานานาชาติ  ตัวแทนขายท่องเที่ยวออนไลน์   สื่อและบล็อกเกอร์  ให้มาร่วมกิจกรรมทริปต้นแบบท่องเที่ยววัฒนธรรมสำหรับเยาวชนต่างชาติ  ชุมชนตำบลบ้านแหลม  จ.สุพรรณบุรี วันที่ 17 -18 กันยายน 2562  เยาวชนที่มานี่จะได้เรียนรู้วิถีชีวิต ภูมิปัญญาของชุมชน  เช่น เรียนรู้วิถีชีวิตริมน้ำของชุมชน  เรียนรู้การทำขนมเจ้าบ้านเจ้าเรือน ขนมไทยโบราณ  เรียนรู้การทำน้ำพริกเผาโบราณพื้นถิ่น  และ ได้เรียนรู้การสานปลาตะเพียนด้วยผักตบชวา เป็นต้น

ขอเชิญ สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยนานาชาติ หรือองค์กร Corporate ต่างๆ  จัดทริปพาเยาวชนมาเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยววัฒนธรรมที่ชุมชนภาคกลางทั้ง 7 ชุมชน ที่ได้รับคัดเลือกเป็นชุมชนต้นแบบวัฒนธรรมสำหรับเยาวชนต่างชาติใน โครงการ Thailand Village Academy  ที่สร้างสรรค์โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม   ได้แก่ 

1. หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โฮมสเตย์ไทรน้อย จ. พระนครศรีอยุธยา 
2. ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไทยพวน จ. นครนายก  
3. วิสาหกิจท่องเที่ยวโดยชุมชน ตำบลถ้ำรงค์ จ. เพชรบุรี 
4. ชุมชนบ้านบางพลับ จ. สมุทรสงคราม 
5. ชุมชนตำบลบ้านแหลม  จ. สุพรรณบุรี 
6. ชุมชนตำบลหนองโรง จ. กาญจนบุรี 
7. ชุมชนตลาดโรงพักเก่าสรรพยา  จ. ชัยนาท 

รับรองได้ว่าจะเป็นกิจกรรมที่เปิดโลกการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่สนุกและประทับใจที่สุด

ติดตามข้อมูลโปรแกรมเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandvillagacademy.com
Share:

Pullman launches most generous all-inclusive resort in the Maldives

Endless culinary, sporting and wellness adventures await in pristine marine oasis – plus two exclusive Aqua Villas with underwater bedrooms.


Set amidst 18 hectares of lush tropical flora and fauna on the Gafu Alifu Atoll, Pullman Maldives Maamutaa Resort will open its doors today. The all-inclusive resort boasts 122 decadent villas, including two exclusive Aqua Villas featuring bedrooms submerged beneath the turquoise waters for a truly memorable experience of the region’s marine life up close. The Royal Suite is a resort within a resort and provides complete privacy and indulgence including a high degree of personalized services.

“We are delighted to be shining the spotlight on the Maldives once again with the launch of our fifth Accor property. Pullman Maldives Maamutaa Resort is a stunning addition to the premium segment and we look forward to welcoming global nomads to explore the spectacular marine life of Gafu Alifu Atoll and its surrounding diving sites,” said Patrick Basset, Chief Operating Officer of Accor, Upper Southeast & Northeast Asia and the Maldives.

Featuring a range of over-water and beachside villas, Pullman Maldives Maamutaa is surrounded by lush vegetation, a natural lake and sun-kissed beaches, plus one of the region’s largest and deepest lagoons. With water temperatures slightly colder than many other islands, the richness of the marine life and the colours of the coral are unparalleled. For example, this is the only place where divers can spot up to 13 species of sharks in the water.
Guests will never go hungry, as the resort boasts one of the most generous, all-inclusive offers in the Maldives, complete with a variety of culinary delights available at six outlets across the island. Options include Mélange, an all-day dining restaurant; The Hub, a sunken pool bar offering signature drinks and delicious sharing plates; Saffron Affair for a sophisticated evening of tapas and crafted cocktails; Souq Oven for Middle Eastern dishes featuring a list of over 80 wines from around the world. For something more casual, guests can enjoy healthy café treats and alchemy experiences at Sol Rising; or one of the region’s first organic, vegetarian and vegan restaurants, Phat Chameleon, set amidst a vegetable and herb garden. For those on the go, the playful Bites on Wheels food cart, offers refreshing sorbets and light snacks throughout the day.

Children and teens are well catered for at Playground and Skillz Sports Centre, with a range of entertaining and educational activities including snooker, table tennis, various board games and a golf stimulator. Nature walks, treasure hunts, and outdoor sports are also available for the adventurers at heart to enjoy the natural beauty of the island.
Pullman’s well-being approach focuses around the four pillars of Sleep; Sport; Food; and Spa and here it’s all about bringing guests as close to nature and the outdoors as you can get. Fitness enthusiasts can start at the resort’s Fit Trail island jogging track with five fitness stations offering a variety of physical trails; or level up with a complete boot-camp Raaveriya Workout experience that kick starts with calisthenics followed by an invigorating run on the beach and a refreshing swim in the lagoon. For complete restoration of the body, mind and soul, choose from a selection of signature facials, body treatments and massage therapies available at the resort’s Spa by Phytomer, which features eight treatment rooms perched over a shallow, white sand lagoon.

Sign up for a local arts and crafts class, marine conservation talk, or enjoy nature trail walks around the island with the resort’s resident marine biologist, or scuba dive and snorkel in one of the Maldives’ largest blue lagoons covering a total area of 1,700 hectares. The surrounding coral gardens feature a diverse variety of reef fish, dolphins, turtles and sharks around the resort’s 26 dive sites.
 

“With our generous all-inclusive offering, we look forward to welcoming guests to the Pullman Maldives Maamutaa Resort where they can explore the island’s sandy beaches, nature trails and renowned diving sites while enjoying a full wellness and culinary journey,” said John Bendtsen, General Manager of Pullman Maldives Maamutaa Resort.

As a special opening offer, enjoy complimentary return transfers valued at $360 USD per person when booking a stay of five-nights or more, valid from 25th September 2019 until 23rd December 2019.

Pullman Maldives Maamutaa is located at Gafu Alifu Atoll, 20219 Maamutaa Island, Republic of Maldives.  The resort is accessible by domestic flight 55 minutes from Male International Airport followed by a 15-minute speedboat ride from Kooddoo Airport. 

For more information, please visit www.accorhotels.com. For reservations and general enquiries, email H9924@accor.com or H9924-RE@accor.com.
Share:

“Dive Bahrain” สวนสนุกใต้น้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมเปิดให้บริการแล้วที่บาห์เรน

Dive Bahrain สวนสนุกใต้น้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ 100,000 ตารางเมตร พร้อมเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวผู้รักการดำน้ำจากทั่วโลกแล้ว หลังจากที่ทางสวนสนุกได้เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยการจมเครื่องบินโบอิ้ง 747 ลงสู่ใต้ทะเล

สวนสนุกแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติบาห์เรน และมีผลงานชิ้นเอกเป็นเครื่องบินโบอื้ง 747 ขนาดความยาว 70 เมตรที่ปลดประจำการแล้ว ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดที่ถูกจมลงสู่ก้นทะเลโดยตั้งใจ โครงการพัฒนาระดับโลกโครงการนี้เกิดจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว Bahrain Tourism and Exhibitions Authority (BTEA) และหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม Supreme Council for Environment (SCE)

สวนสนุก Dive Bahrain มุ่งหวังให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์การดำน้ำภายในพื้นที่ขนาดใหญ่แบบไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน นอกจากเครื่องบินโบอิ้ง 747 แล้ว สวนสนุกใต้น้ำเปิดใหม่แห่งนี้ยังประกอบไปด้วยบ้านพ่อค้าไข่มุกบาห์เรนแบบดั้งเดิมที่จำลองมาจากของจริง ซึ่งควบคุมดูแลการก่อสร้างโดย Diyar Al Muharraq ขณะเดียวกันยังมีปะการังเทียมและงานประติมากรรมอื่น ๆ ที่วางประดับไว้ใต้ทะเลเพื่อเป็นแหล่งพักพิงที่ปลอดภัยสำหรับแนวปะการังที่จะเติบโตต่อไป และเป็นที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืนสำหรับชีวิตใต้ท้องทะเล

สวนสนุกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแห่งนี้ยังช่วยให้นักวิจัยมีแหล่งข้อมูลอันสมบูรณ์ด้านนิเวศวิทยาทางทะเล และจะเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์ชีวิตใต้ท้องทะเล
สวนสนุก Dive Bahrain เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของ BTEA ที่ต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวและส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญนี้ด้วยการใช้ทรัพย์สินทางธรรมชาติของประเทศให้เกิดประโยชน์มากขึ้น คาดว่าสวนสนุกจะดึงดูดความสนใจจากทั่วโลกและกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับนานาชาติ เนื่องจากขนาดและที่ตั้ง ตลอดจนประสบการณ์แสนพิเศษที่สวนสนุกจะมอบให้แก่ทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ที่รักการดำน้ำ

หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการนำเครื่องบินจมลงสู่ใต้น้ำ เหล่านักดำน้ำมืออาชีพจากศูนย์ดำน้ำที่จดทะเบียนก็ได้ทำการตรวจสอบเครื่องบินอยู่เป็นระยะเพื่อสร้างความมั่นใจว่าสวนสนุกจะปลอดภัยสำหรับทั้งนักดำน้ำมืออาชีพและนักดำน้ำทั่วไป

โครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนี้จะทำให้บาห์เรนก้าวขึ้นเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการอนุรักษ์ชีวิตใต้ท้องทะเล ด้วยมาตรฐานสิ่งแวดล้อมในระดับสากล

รับชมข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองตั๋วเพื่อสัมผัสประสบการณ์ดำน้ำใต้ทะเลครั้งต่อไปของคุณได้ที่ www.divebahrain.com เว็บไซต์นี้มีรายชื่อศูนย์ดำน้ำที่จดทะเบียน และถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่ผู้เข้าชมสวนสนุกใต้น้ำแห่งนี้


World's Largest Underwater Theme Park Dive Bahrain Opens in the Kingdom of Bahrain

MANAMA, Bahrain, Sept. 24, 2019  -- Dive Bahrain, the world's largest underwater theme park spanning an area of 100,000m2, complete with a sunken Boeing 747, is now open to diving enthusiasts.

The site, in close proximity to Bahrain International Airport, has a 70m-long decommissioned Boeing 747 as its centerpiece, the largest aircraft ever to be intentionally submerged. The world-class project was developed in close cooperation between the Bahrain Tourism and Exhibitions Authority (BTEA) and the Supreme Council for Environment (SCE).

Dive Bahrain aims to provide visitors with the opportunity to enjoy a unique diving experience within a large area. In addition to the Boeing 747, the newly opened underwater theme park will feature a replica of a traditional Bahraini pearl merchant's house, which is being overseen by Diyar Al Muharraq, artificial coral reefs and other sculptures that will be fabricated and submerged to provide a safe haven for coral reef growth and to ensure a sustainable habitat for marine life.
The eco-friendly park will also provide researchers a rich source of information on marine ecologies, and will enhance environmental awareness on the importance of preserving marine life.

The theme park forms part of the BTEA's strategy of boosting tourism and further promoting this vital sector by making greater use of the Kingdom's natural assets. The park is expected to attract global recognition and become an international tourist attraction, given its size and location as well as the unique experience it will offer to both tourists and diving enthusiasts.

Since its successful submersion, professional divers from registered dive centers have conducted intermittent inspections of the aircraft to ensure the park's safety to both professional and leisure divers.
The eco-friendly project will see Bahrain emerge as a key player in the field of eco-tourism and marine wildlife preservation by incorporating international environmental standards.

For more information or to book your next underwater dive experience please visitwww.divebahrain.com. The website includes a list of registered dive centers, and has been developed to provide visitors with a guide to the underwater theme park.

Share:

ททท. เดินหน้ายกระดับคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวผ่านสัญลักษณ์กินรี จัดพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 12 ในวันท่องเที่ยวโลก

ค่ำวันนี้ (27 กันยายน 2562) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 12 ประจำปี 2562 หรือรางวัล Thailand Tourism Awards โดยมี นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยผู้บริหาร ททท. หน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ มิตรทาวน์ฮอลล์ 1 ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าว พิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจัดขึ้นทุก 2 ปี      ในวันที่ 27 กันยายน 2562 ตรงกับวันท่องเที่ยวโลก (World Tourism Day) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนหน่วยงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ให้ยังคงรักษามาตรฐานสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพในสากล นำไปสู่การสร้างกระแสการเลือกใช้สินค้าท่องเที่ยวคุณภาพ และผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างยั่งยืน (Preferred Destination) ตามวิสัยทัศน์ของ ททท. ซึ่งในครั้งนี้ได้มีการพัฒนากระบวนการตัดสินให้ได้มาตรฐานและตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการพัฒนาและปรับปรุงสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ให้มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ สามารถเชื่อถือและไว้วางใจได้
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวในรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือ รางวัลกินรี จะต้องผ่านเกณฑ์การคัดเลือก ภายใต้กรอบแนวคิด 3 ประเด็นหลัก คือ การท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืน (Sustainability and Responsibility) เสียงสะท้อนจากนักท่องเที่ยว (Voice of Customer: VOC) และความสนใจของกลุ่มนักท่องเที่ยว (Customers Interest) โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาและตัดสินรางวัลเพื่อให้การคัดสรรในทุกสาขาครบทุกมิติและย้ำถึงจุดยืนของรางวัลที่เปรียบเสมือนเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของเมืองไทย
สำหรับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 12 ประจำปี 2562 มีทั้งหมด 3 ประเภทรางวัล ซึ่งมีผลงานที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมและดีเด่น รวมทั้งสิ้น 88 ผลงาน ดังนี้ ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว 25 ผลงาน ประเภทแหล่งท่องเที่ยว 44 ผลงาน ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 19 ผลงาน และมีผลงานที่ได้รับรางวัลเกียรติยศ Hall of Fame ที่มอบให้แก่ผู้ที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในประเภทเดิม 3 ครั้งติดต่อกัน จำนวน 6 รางวัล ได้แก่ ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว 1 ผลงาน คือ โรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ ประเภทแหล่งท่องเที่ยว 1 ผลงาน คือ เทศบาลเมืองน่าน จังหวัดน่าน
ประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4 ผลงาน คือ ดิ โอเอซิส สปา ลานนา จังหวัดเชียงใหม่ และบันยันทรี สปา กรุงเทพฯ กรุงเทพมหานคร  บางกอกโอเอซิสสปา กรุงเทพมหานคร  ศูนย์ฝึกอบรมอภัยภูเบศร เดย์ สปา จังหวัดปราจีนบุรี
 ภายในงานพิธีมอบรางวัลฯ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Thailand Tourism Walk to The Future ที่เสริมสร้างภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัย แต่ยังคงกลิ่นอายของความเป็นไทย ด้วย 2 ไฮไลท์พิเศษการแสดงเปิดงาน ในชุด มิติใหม่ของกินรีไทย โดยศิลปินนายกันต์ธีร์ ปิติธัญ (ซีดี) ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่จะพาผู้ร่วมงานท่องเที่ยวทั่วไทย ผ่านการแสดงที่ผสมผสานระหว่างเพลงไทยเดิมและดนตรีแรปร่วมสมัย เปรียบเสมือน “กินรี” ตัวแทนความเป็นไทยที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับคนยุคใหม่ได้ และการแสดงพิเศษจากนางสาวมารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์ส  ไทยแลนด์ 2017 ในชุดกินรี เริงระบำ มุ่งสู่มิติใหม่ ย้ำจุดยืนในการมุ่งยกระดับมาตรฐานแห่งการท่องเที่ยวและ  บริการเพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการฯ ที่ได้รับรางวัล ได้แก่ การสัมมนา        ในหัวข้อ “สองทศวรรษรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย : จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน” โดยผู้ว่าการและรองผู้ว่าการ ททท. ทั้ง 8 ด้าน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้ได้รับรางวัลกินรีและรับทราบแนวทางการส่งเสริม  ด้านการตลาดท่องเที่ยวจาก ททท. สำหรับปีนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม Speed Dating ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยให้สถานประกอบการที่ได้รับรางวัลกินรี มาเป็นผู้ขาย (Sellers) จำนวน 62 ราย ได้พบกับผู้ประกอบการต่างๆ ที่ ททท. เชิญมาเป็นผู้ซื้อ (Buyers) อาทิ สมาคมด้านการท่องเที่ยว บริษัทนำเที่ยว ผู้ประกอบการ Startup  ททท. ด้านตลาดในประเทศ-ต่างประเทศ รวมถึงสื่อมวลชน ซึ่งกิจกรรม Speed Dating นี้ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ได้รับรางวัลกินรีได้แสดงผลงานและพบปะกับหน่วยงานต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง และ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ แก่กันอีกด้วย
ร่วมสัมผัสกับมาตรฐานใหม่ของการท่องเที่ยวและบริการ ภายใต้สัญลักษณ์กินรี เครื่องหมายรับรองคุณภาพ พร้อมข้อมูลด้านการท่องเที่ยว และผลรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 12 ประจำปี 2562 เพิ่มเติมได้ที่ www.tourismthailand.org/tourismawards และขอเชิญร่วมช้อป ชิม ชิล สินค้าทางการท่องเที่ยวได้ภายในงานกินรี Showcase 2019 ที่รวบรวมผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลมาไว้ในงานเดียว ระหว่างวันที่ 28 – 29 กันยายน 2562 ณ มิตรทาวน์ฮอลล์ 2 ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์  



Share:

งานแถลงข่าว และพิธีมอบสายสะพายเกียรติยศยุวทูตสัมพันธ์วัฒนธรรมไทยอินเดีย ประจำจังหวัด ปีที่ 2

ดร.ศรีสุริยะ  จารุกรตรีภพ นายกสมาคมพัฒนาผู้ประกอบการวัยรุ่นไทยและวัยทำงาน จัดงานและเป็นประธานในงานแถลงข่าวและพิธีมอบสายสะพายเกียรติยศยุวทูตสัมพันธ์วัฒนธรรมไทยอินเดีย ประจำจังหวัด   
เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยสู่การท่องเที่ยวเศรษฐกิจ ความมั่นคง ตามนโยบายรัฐบาลว่าด้วยเรื่องการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เวที boy and girl siam Bharata kids 2019 พร้อมยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยว นักลงทุนจากอินเดีย ผ่านการประกวดวัฒนธรรมการแต่งกายชุดอินเดีย เป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมแลกเปลี่ยน
สร้างจิตสำนึกให้เด็กๆรู้ว่า อยู่ในโลกนี้ไม่ได้อยู่คนเดียว เราจึงเรียกทุกคนว่า ประชากรโลก ที่ต้องมีสังคมต้องกระชับมิตรสร้างสัมพันธ์ การประชาสัมพันธ์ประเทศไทย เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกวัย ทุกอายุ ไม่ใช่หน้าที่เพียงแค่ของรัฐบาลเท่านั้น แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยที่จะช่วยกันขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์เชิญชวนชนจากทั่วโลกให้มายลโฉมประเทศไทย
โดยการประกวดรอบตัดสิน จะจัดขึ้นในวันที่ 20 ตุลาคม 2562 ณ  เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ฮอล์
ศูนย์การค้า เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ










Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก