สอบถามและสมัครได้ที่
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 02 590 8411, 02 590 8188
บริษัท อะเบาท์ ไอเดีย อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด โทรศัพท์ 089 060 2966 02 731 1110
สอบถามและสมัครได้ที่
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 02 590 8411, 02 590 8188
บริษัท อะเบาท์ ไอเดีย อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด โทรศัพท์ 089 060 2966 02 731 1110
สำนักงานสถิติแห่งชาติ มุ่งมั่นส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนดิจิทัลในระดับจังหวัดและอำเภอทั่วประเทศ ผ่านกิจกรรมภายใต้แนวคิด “A Good Digital Citizen” โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนใช้ดิจิทัลอย่างมีวิจารณญาณ ป้องกันการหลงเชื่อข่าวปลอม และเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัว สู่การเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพและความรับผิดชอบต่อสังคม
ผลจากการจัดกิจกรรมเป็นไปในทิศทางที่ดี สะท้อนถึงสังคมไทยพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยของเราก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในด้านดิจิทัล สามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในระดับโลกได้อย่างภาคภูมิใจ
มาร่วมกันสร้างสังคมดิจิทัลที่มีคุณภาพไปด้วยกัน
#AGoodDigitalCitizen #DigitalCommunities #DigitalSafety #NSOThailand #สังคมดิจิทัล #ปลอดภัยในยุคดิจิทัล
GIT x พันธมิตร จัดงาน BANGKOK JEWELRY WEEK 2024 ครั้งแรกของเมืองไทย ปักหมุด 3 แหล่งการท่องเที่ยวบนถนนสายอัญมณีและเครื่องประดับในชุมชนเก่าแก่ บางรัก สัมพันธวงศ์ และพระนคร
“เส้นทางสายอัญมณีและเครื่องประดับ” ในความทรงจำของคนไทย ก็คงเป็น 3 แหล่งเก่าแก่ของกรุงเทพมหานคร ที่เต็มไปด้วยแหล่งการค้าปลีกและค้าส่งอัญมณีและเครื่องประดับ มีร้านค้ามากมาย เริ่มตั้งแต่ถนนสายเครื่องเงินและอัญมณี ในบางรัก ถนนสายทองคำ ในเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ ถนนสายเครื่องเพชร ใจกลางกรุงเทพในเขตพระนคร สถานที่เหล่านี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นแหล่งการค้าที่เฟื่องฟู และปัจจุบันยังเป็นสถานที่รวมเอาแหล่งท่องเที่ยวสุดชิค ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงนักท่องเที่ยวไทย
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT จึงได้ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จัดงาน BANGKOK JEWELRY WEEK 2024 เพื่อร่วมกันมา “ปลุกยักษ์” ทั้ง 3 เขตการค้านี้ให้กลับมาคึกคัก และเป็น Landmark ให้กับที่ผู้รักอัญมณีและเครื่องประดับจะต้องแวะมาเยี่ยมชม และเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ และผลักดันให้ประเทศก้าวสู่การเป็น Thailand Land of Jewel ผ่านการผนึกกำลังกับภาคเอกชนในแหล่งการค้าทั้ง 3 แหล่ง และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ผู้ประกอบในภูมิภาคต่างๆ มาร่วมจัดแสดงสินค้าและจัดจำหน่ายผลงานการออกแบบเครื่องประดับไทยที่มีคุณภาพ และมีอัตลักษณ์ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก พร้อมการปักหมุดกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย ระหว่างวันที่ 19-25 ตุลาคม 2567 อาทิ
• Check in พิพิธภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับและนิทรรศการออกแบบเครื่องประดับ ธีม “ประดับ” Culture Identity and Powerful Visual Storytelling ที่พร้อมให้คุณได้เห็นอัตลักษณ์ของความเป็นไทยผ่านชิ้นงานเครื่องประดับที่มั่นใจได้เลยว่าไม่เคยได้เห็นมาก่อน
• Check in ศูนย์การค้า ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า โครงการมิกซ์ยูสแห่งแรก บนเกาะรัตนโกสินทร์ มีสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ สร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ประกอบการมาอย่างยาวนาน มีร้านเพชร ร้านทอง ร้านเครื่องประดับ เรียงรายอยู่ภายในมากมาย
• Check in โรงงานผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับ Ten Finger Studio ที่บอกได้เลยว่าใครอยากมีแบรนด์ของตัวเองต้องมา พร้อมชม Sadhu Exhibition ที่ดึงเอาความเก๋ของ Symbolic ของความเป็นไทย มาจัดแสดง และ TRIMODE x Ten Finger ที่เป็นผลงาน Solo เดี่ยวของ คุณภิรดา เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา พร้อมมุมถ่ายภาพเช็คอินแบบไม่มาไม่ได้
• และเต็มที่กับ GEMS & JEWELRY TALKS จากวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย อาทิ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับ (องค์การมหาชน) บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบจากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และ ซินแส เป็นหนึ่ง วงษ์ภูดร เป็นต้น
• ที่สำคัญในทุกวันเรามี WORKSHOP ให้คุณได้ทำเครื่องประดับด้วยตนเอง และติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย อย่างเช่น Workshop : สร้างลวดลายกำไลเงินตาไม้ของตนเอง โดย PONK SMITHI และ เครื่องประดับ ENAMEL โดย IMODE PLUS Co.,Ltd.
ห้ามพลาด กับกิจกรรมดีๆ ใน Bangkok Jewelry Week 2024 ตลอด 7 วันเต็ม ตั้งแต่วันที่ 19 – 25 ตุลาคม 2567 เวลา 09.00 - 18.00 น.
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Fan Page : Bangkok Jewelry Week
#เที่ยวบางรัก #เที่ยวสัมพันธวงศ์ #เที่ยวพระนคร
#thailandlandofjewel #bangkokjewelryweek2024 #GIT
งานนี้จัดเต็ม! เรารวบรวมศิลปินชั้นนำระดับประเทศที่จะมาเพิ่มความสนุกและตื่นเต้นให้กับคุณในเทศกาลวันลอยกระทง ไม่ว่าจะเป็น ปาล์มมี่, วงค็อกเทล, เจ้านาย, ก้อง ห้วยไร่, เปเปอร์ เพลนส์, และ วงเยส อินดีส พร้อมด้วยดีเจสุดมันส์จากทั่วประเทศ มาระเบิดความสนุกแบบจัดเต็ม รับประกันความสนุกและความตื่นเต้นจะเต็มพื้นที่ตลอดทั้งงาน! 🎶🎸
🗓 พบกันวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ณ สนามกอล์ฟเบสโอเชี่ยน จ.สมุทรสาคร
💥 บัตร Early Bird ราคาเพียง 299 บาท (จากราคาปกติ 599 บาท) ให้คุณได้สนุกสุดเหวี่ยงแบบสบายกระเป๋า! สำหรับใครที่อยากได้ความพิเศษสุดๆ เรามี บัตร VIP ราคา 8,000 บาท (สำหรับ 4 ท่าน) มาพร้อมกับสิทธิพิเศษสุดพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งโซน VIP, ที่จอดรถ VIP, ห้องน้ำติดแอร์เฉพาะโซน VIP และถ้าใครอยากฟินขั้นสุด เรามีโซน VVIP ราคา 20,000 บาท (สำหรับ 4 ท่าน) พร้อมที่นั่งโซฟาสุดหรูและสิทธิพิเศษแบบลูกคุณ ให้คุณรู้สึกพิเศษกว่าที่เคย!
🍽 อาหารจัดเต็มกว่า 60 ร้าน ให้คุณอิ่มจุใจ และที่จอดรถรองรับได้ถึง 5,000 คัน สะดวกสบายไปสุดๆ 🚗
🌕 นอกจากดนตรีสุดมันส์แล้วและร้านอาหารแบบจัดเต็ม งานนี้ยังเป็นเทศกาลลอยกระทงที่คุณจะได้ลอยกระทงไปพร้อมกับเพื่อนและคนรู้ใจแบบสุดพิเศษไม่เหมือนใคร!
✨พิเศษสุดๆ! สำหรับใครที่อยากปลดปล่อยจินตนาการและแต่งตัวเป็นฮีโร่ในแบบฉบับของคุณเอง เตรียมตัวให้พร้อม เพราะงานนี้ ไฮคิก มีรางวัลสุดเซอร์ไพรส์รอคุณอยู่! 🎁 แต่ขออุ๊ป! ไว้ก่อนนะ บอกได้แค่ว่าของรางวัลนี้พิเศษเกินบรรยาย! 💥
🌟 เปิดขายบัตรแล้ววันนี้! พลาดแล้วจะเสียใจ รีบซื้อบัตรแล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในครั้งนี้!
งานนี้ได้รับการสนับสนุนจาก เครื่องดื่มไฮคิก, ลีโอ, ข้าวกินรี, ยาดมพาสเทล, และ น้ำดื่ม Co2 ที่จะทำให้งานนี้กลายเป็นประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืม!
เตรียมชุดฮีโร่ของคุณให้พร้อม แล้วมาปลดปล่อยพลังกัน! ยกย่องฮีโร่ในชีวิตจริง พร้อมสนุกไปกับดนตรีสุดมันส์ใน Hidden Hero Festival by High Kick! 🎤
แล้วเจอกันในงาน! 🎉
เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการกลุ่มไมซ์ สมัครเข้าร่วมบัญชีธุรกิจผ่านแพลตฟอร์ม Thai MICE Connect ซึ่งเป็นเครือข่ายศูนย์รวมผู้ประกอบการของอุตสาหกรรมไมซ์ทั่วประเทศ
แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยรวบรวมข้อมูลผู้ประกอบการในแต่ละภูมิภาค แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงอุปสงค์และอุปทานของธุรกิจไมซ์ให้มีการเติบโตที่สอดคล้องกันในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำธุรกิจ โดย สสปน. มุ่งหวังที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไมซ์สามารถใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการขยายตลาด เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ สมัครเข้าร่วมบัญชีธุรกิจ Thai MICE Connect ได้ที่ https://www.thaimiceconnect.com/member/loginกิจกรรม “จุดประกายธุรกิจไมซ์ ติดอาวุธธุรกิจอย่างยั่งยืน”
กิจกรรมการสรรหาและเสริมทักษะยกระดับผู้ประกอบการกลุ่มไมซ์ ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน จะเน้นไปที่การสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการไมซ์ในระดับภูมิภาค
โดยกิจกรรมนี้จะจัดขึ้นใน 4 ภูมิภาคของประเทศไทย ได้แก่:
ภาคใต้ ที่จังหวัดสงขลา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดนครราชสีมา
ภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงราย
ภาคกลางและภาคตะวันออก ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สิทธิพิเศษจากการเข้าร่วมโครงการ ฯ
Upskill กับประเด็น 2 หัวข้อสำคัญที่รู้ก่อนได้เปรียบ!!
ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาศักยภาพในการบริหารธุรกิจในยุคใหม่ให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไมซ์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและแนวทางการจัดการที่ยั่งยืนในธุรกิจ
การบริหารจัดการอย่างยั่งยืนเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ MICE (Sustainable Landscape for MICE industry) : เรียนรู้วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืนที่กำลังเป็นกระแสหลักในอุตสาหกรรมไมซ์ทั่วโลก เพื่อปรับตัวและพร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคใหม่
การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) : มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มยอดขาย และสร้างการจดจำแบรนด์ในโลกออนไลน์
โดยทั้งสองหัวข้อนี้จะช่วยเสริมสร้างองค์ความรู้และเครื่องมือทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการไมซ์สามารถเติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูง อีกทั้งยังสามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนาธุรกิจภายใต้แนวคิดการจัดการอย่างยั่งยืนและตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มองค์กรได้ดียิ่งขึ้น
โอกาสเป็น 1 ใน 16 เส้นทางสายไมซ์
ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจะมีโอกาสได้รับเลือกเป็น 1 ใน 16 จุดหมายปลายทางสายไมซ์ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการประชาสัมพันธ์ธุรกิจของตนในระดับประเทศ ผู้ประกอบการที่ได้รับการคัดเลือกจะได้ประชาสัมพันธ์และโปรโมตธุรกิจผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายไปยังองค์กรชั้นนำกว่า 30 องค์กรทั่วประเทศ มีโอกาสสร้างชื่อเสียงและขยายเครือข่ายธุรกิจในตลาดไมซ์ที่กำลังเติบโตในประเทศไทยและต่างประเทศ
ได้สิทธิ์รับดิจิทัลคูปองส่งเสริมตลาด มูลค่ารวม 600,000 บาท
ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมในรูปแบบดิจิทัลคูปอง เพื่อส่งเสริมกระตุ้นให้เกิดการจัดงานบนเส้นทางสายไมซ์ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น
สสปน. มุ่งหวังว่าโครงการ IGNITE MICE GREEN VIBE JOURNEY จะเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์ทั่วประเทศมีความพร้อมในการปรับตัวและเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคที่เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจไมซ์ โครงการนี้ยังถือเป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมและโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมไมซ์ในภูมิภาคและระดับโลก
ดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thaimiceconnect.com/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) โทร: 02 694 6000 อีเมล: supporttmc@tcep.or.th Facebook : Thai MICE Connect
#TCEB #MICE #IgniteMICEGreenVibeJourney #ThaiMICEConnect #SustainableMICE #DigitalMarketing #GreenMICE #UpskillMICE #MICEทั่วไทย
ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา และรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา ด้านมาตรฐานการศึกษา ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ประธานในงานแถลงข่าว โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” เผยว่า “กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายการจัดการศึกษา ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ในประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ได้แก่ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์การพัฒนาเด็กตั้งแต่ช่วงการตั้งครรภ์จนถึงปฐมวัย รวมทั้งการพัฒนาช่วงวัยเรียน วัยรุ่น ตลอดจนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และการพัฒนาพหุปัญญาของมนุษย์ โดยเชื่อมั่นว่า “การอ่าน” จะเป็นจุดเริ่มต้นของ การพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลต่างๆ สู่การพัฒนาการคิดวิเคราะห์ การสร้างสรรค์ต่างๆ ก่อให้เกิดการขับเคลื่อนการศึกษานำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในทุกระดับการศึกษาของประเทศ
โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ที่ดำเนินโครงการโดยอมรินทร์กรุ๊ป จากการสนับสนุนของบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ทางกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ภายใต้แนวคิด “เด็กไทยอ่านออก เขียนได้...คุณครูก้าวไกล...ชาติไทยพัฒนา” ซึ่งไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยการพัฒนาทักษะ การอ่านของผู้เรียนให้เป็นผู้รู้หนังสือ สามารถอ่านออกเขียนได้ ผ่านกิจกรรมอ่านกัน วันละ 15 นาที แต่ยังช่วยพัฒนาคุณครูผู้รับผิดชอบโครงการ สามารถรวบรวมและเก็บชิ้นงานที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่านที่ทำร่วมกับผู้เรียน นำไปประกอบเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานจริงในการขอเลื่อนวิทยฐานะต่อได้ไม่เพียงเท่านี้ยังได้มีการสั่งการให้สถานศึกษาในสังกัด ส่งเสริมการอ่านอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับการศึกษาให้เป็นเลิศ เพื่อความมั่นคงในชีวิต ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ภายใต้แนวทางการทำงาน “จับมือกันไว้ แล้วไปด้วยกัน” เพื่อนำไปสู่การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต”
หม่อมหลวงลือศักดิ์ จักรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวถึงการดำเนินโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” ว่า “โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” เกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้แก่นักเรียนในโรงเรียนเป้าหมาย โดยสนับสนุนให้เป็นผู้รู้หนังสือ อ่านออกเขียนได้ และมีผลสัมฤทธิ์ในรายวิชาโดยเฉพาะวิชาภาษาไทยสูงขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้ครูผู้รับผิดชอบโครงการเพิ่มวิทยฐานะของตนเองจากการลงมือปฏิบัติงานจริงกับผู้เรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม และยังพัฒนาให้โครงการส่งความรู้ สร้างความสุข เป็นต้นแบบโครงการที่สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ในการพัฒนาคุณภาพการรู้หนังสือของเด็กไทยอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” ยังคงสานต่อความมุ่งมั่นผ่านการดำเนินงานโครงการ โดยจัดให้มีกิจกรรมการอ่าน วันละ 15 นาที, ก่อตั้งชมรมรักการอ่าน, การลงบันทึกรักการอ่านอย่างสม่ำเสมอ, ต่อยอดกิจกรรม “อ่านดัง ฟังเพลิน” ให้นักอ่านรุ่นใหม่อ่านแล้วบันทึกคลิปเสียงเพื่อส่งต่อสู่ผู้พิการทางสายตา เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนที่เข้าร่วมชมรมรักการอ่านมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น ปีนี้ โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” มีพันธกิจในการขยายโครงการสู่โรงเรียน 51 แห่งจาก 22 จังหวัด และมีสมาชิกเข้าชมรมรักการอ่านกว่า 5,000 คน และได้เริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวไปแล้วในหลายโรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัด มัชฌันติการาม กทม., โรงเรียนทุ่งสองห้อง (คุปตัษเฐียรอุทิศ) กทม., โรงเรียนเสนานิคม กทม., โรงเรียนวัดหนองใหญ่ กทม., โรงเรียนวัด คู้บอน (วัฒนานันท์อุทิศ) กทม., โรงเรียนบ้านบางน้ำจืด จ.สมุทรสาคร, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนากระเสริม จ.นครพนม, โรงเรียนบ้านเขวา “รัฐประชาวิทยากร” จ.มหาสารคาม, โรงเรียนเทศบาลวัดดอนไก่ดี (สังวรจันทสรราษฎรวิทยา) จ.สมุทรสาคร เป็นต้น ส่งผลให้การดำเนินโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน จะมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 261 แห่งจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ ส่งมอบชั้นวางพร้อมหนังสือ 10 หมวดความรู้ให้แก่โรงเรียนต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 285,000 เล่ม และมีนักเรียนที่เข้าชมรมรักการอ่านกว่า 29,000 คนจากการดำเนินโครงการตลอด 4 ปีที่ผ่านมา พบว่านักเรียนที่เข้าร่วมโครงการมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดีขึ้น โดยในปีที่ 1 มีผลการเรียนดีขึ้น 64% ปีที่ 2 เพิ่มขึ้นเป็น 72% ปีที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็น 75% และปีที่ 4 เพิ่มขึ้นเป็น 77% จากจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 23,324 คน ถือเป็นการเติบโตด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างต่อเนื่องจากการดำเนินโครงการ
โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” นี้ ได้วางเป้าหมายความสำเร็จของโครงการคือ นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่ดีขึ้น ด้านผู้บริหารและคุณครูให้ความสำคัญเรื่องการอ่าน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการรู้หนังสือของนักเรียน คุณครูเองยังได้พัฒนาด้านการเรียนการสอน และมีโอกาสพัฒนาความก้าวหน้าในวิชาชีพ ส่งเสริมให้โรงเรียนเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นสื่อประเภทหนังสือ คลิปวิดีโอการเรียนรู้ต่างๆ ที่มีคุณภาพ หลากหลาย เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของผู้เรียน”
ด้าน คุณโสภณ ราชรักษา ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคล และสมรรถนะองค์กร ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร (ประเทศไทย) ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ไทยเบฟยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอ่านหนังสือ เพราะการอ่านคือรากฐานสำคัญของการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของเยาวชนในการใช้ชีวิต เป็นการเปิดโลกทัศน์ สร้างจินตนาการ อีกทั้งทำให้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลและแนวคิดใหม่ ๆ ที่ช่วยต่อยอดทั้งในด้านความรู้ ความคิด และก้าวทันสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เราได้มีการสร้างสรรค์กิจกรรมมากมายไปยังโรงเรียนเป้าหมายกว่า 210 แห่ง ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ และยังคงเดินหน้าร่วมกันสานต่อความสำคัญของการอ่านอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดหาหนังสือที่มีประโยชน์นำไปมอบให้ห้องสมุดใน 51 โรงเรียน พร้อมกับ ชั้นวางหนังสือที่มีคุณภาพ ทั้งยังร่วมกับคุณครูบรรณารักษ์จัดตั้งชมรมรักการอ่าน สร้างบรรยากาศภายในห้องสมุดให้เป็นห้องสมุดในฝันสำหรับเด็กๆ และคุณครู ในการพัฒนาทักษะให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้ และรู้สึกสนุกกับการอ่านหนังสือ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” จะช่วยปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อให้เยาวชนไทยเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพและสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม และเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับอนาคตของชาติ”
โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” ยังเดินหน้าสานต่อความสำคัญของการอ่านอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดหาหนังสือที่มีประโยชน์มอบให้แก่ห้องสมุด 51 โรงเรียน พร้อมชั้นวางหนังสือที่มีคุณภาพ และยังร่วมกับครูบรรณารักษ์จัดตั้งชมรมรักการอ่าน พร้อมสร้างบรรยากาศภายในห้องสมุดให้เป็นห้องสมุดในฝันสำหรับเด็กๆ และคุณครู เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้และสนุกไปกับการอ่านหนังสือ โครงการนี้จึงจะช่วยปลูกฝังและสร้างนิสัยรักการอ่านตั้งแต่วัยเยาว์ ที่จะส่งผลให้เติบโตไปเป็นพลเมืองที่ดีมีคุณภาพและมีส่วนในการพัฒนาสังคม เป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับอนาคตของชาติ”
ภายในงานมีการจัดแสดงตัวอย่างหนังสือที่มอบให้โรงเรียนในโครงการ ซึ่งประกอบไปด้วยหนังสือต่างๆ เช่น พระราชนิพนธ์ สื่อการเรียนการสอน หนังสือนิทาน หนังสือความรู้ทั่วไป การ์ตูนเสริมความรู้ การ์ตูนประวัติศาสตร์ ฯลฯ รวมไปถึงหนังสือสองภาษา และนิทรรศการผลงานที่ต่อยอดจากหนังสือในโครงการปี 4 โดยมอบให้ห้องสมุดโรงเรียนของนักเรียนโรงเรียนกลุ่มจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สามารถติดตามรายละเอียดของโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” รวมทั้งภาพกิจกรรมจากโครงการ บทความและเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับการอ่าน ได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ : The Happy Readร้านน้ำแข็งใส "อายอ้าย" เป็นร้านที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมในหมู่นักทาน ที่นี่มีเมนูน้ำแข็งใสที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะการเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่และคุณภาพดี ทำให้น้ำแข็งใสมีรสชาติอร่อยและมีความสดชื่น
ถ้าพูดถึงการตกแต่งร้าน มักจะมีบรรยากาศที่น่ารักและเป็นกันเอง ทำให้เหมาะสำหรับการนั่งชิล ทานน้ำแข็งใสในวันอากาศร้อนๆ หรือจะไปกับเพื่อนก็ได้เช่นกัน
ร้านน้ำแข็งใสอ่ายอ๊าย ในซอยลาดพร้าว 87 แนะนำแวะมาชิม ราคาน่าทัก พิถีพิถันเรื่องการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี ท็อปิ้งที่เลือกใช้ก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล
ร้าน อ่ายอ๊าย – โอ้เอ๋ว หวานเย็น ทับทิมกรอบ
บ๊าวซ์ สาขาใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การกระโดดและลอยตัวแบบไร้ขีดจำกัด ผ่านโซนกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากสาขาอื่น อาทิ โซนแทรมโพลีน (Trampoline Zone) ซึ่งรองรับผู้เล่นทุกวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ โดยแบ่งเป็นโซนย่อย ๆ เช่น โซน Free Jump สำหรับการกระโดดอิสระ ฟรีสไตล์ ปลดปล่อยความสนุก และความเป็นตัวเอง โซน The Wall เป็นแทรมโพลีนแบบ High performance ท้าทายทักษะเป็นการกระโดดแทรมโพลีนต้านแรงโน้มถ่วง ด้วยแทรมโพลีนที่มีความยืดหยุ่นสูง ไม่บาดผิว ทำให้ผู้เล่นสามารถกระโดดได้สูงกว่า ช่วยฝึกสมดุลของร่างกาย ใช้ฝึก Skill เล่นท่าต่างๆได้ เช่น Wall Runing ที่เป็นซิกเนเจอร์ของบ๊าวซ์เป็นต้น และ โซน Big Bag การฝึกกระโดดตีลังกาเบื้องต้น ออกแบบแทรมโพลีนรูปทรงยาวเหมือนลู่ยิมนาสติก เพื่อใช้ในการวิ่งเพื่อเทคตัวในการกระโดด เชื่อมต่อกับBig Bag ที่มีขนาดใหญ่ สามารถรองรับแรงกระแทก ทำให้ผู้เล่นสามารถกระโดด ตีลังกา ทำท่าต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัย พิเศษเพิ่มเติมสำหรับสาขาแห่งใหม่นี้ ยังมีโซน Air Arena สนามกีฬาที่ออกแบบมาเป็นโซนอเนกประสงค์ ที่ให้ผู้เล่นได้เป็นพื้นที่ไว้ฝึกทักษะความสามารถพิเศษต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มยิมนาสติก นักเต้น เชียร์ลีดดิ้ง หรือกีฬาปากัวร์ นอกจากนั้นผู้เล่นจะได้สนุกไปกับแข่งขันกีฬาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล และกีฬาท้าทายอื่น ๆ พร้อมระบบแสดงผลการแข่งขันแบบเรียลไทม์ และอีกโซนที่มีความตื่นเต้นไม่แพ้กัน Net Courses (เกมผจญภัยฐานเชือก) พบกับด่านผจญภัย จำนวน 22 ฐาน แบ่งเป็น 2 ระดับความสูง คือ Lower Net Courses ความสูงกว่า 8 เมตร อาทิ X-Cross, Web Bridge และ Hanging Balls และ Upper Net Courses ความสูงกว่า 11 เมตร ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือ Spiral Tube Slide ฝึกความกล้าหาญ เอาชนะความกลัวด้วยความสูง ทดสอบตัวเองเมื่อเผชิญหน้ากับการตัดสินใจ
นางสาวกนกพร อรุณรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบ๊าซ์อิงค์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า "หลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมานั้น ทำให้หลายคน โดยเฉพาะเด็ก ๆ ไม่ได้มีโอกาสเข้าสังคมหรือพบเจอเพื่อนใหม่ บ๊าวซ์จึงเป็นสถานที่ที่นอกจากจะช่วยส่งเสริมการออกกำลังกายและสุขภาพแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเชื่อมโยงกันได้อีกครั้ง การออกกำลังกายกับบ๊าวซ์ไม่เพียงแต่ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง แต่ยังเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองและทำให้เกิดความก้าวหน้าในสิ่งที่ทำ บ๊าวซ์เป็นวิธีการออกกำลังกายที่มีความแปลกใหม่ ไม่น่าเบื่อ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบความท้าทาย และต้องการสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย”
การออกกำลังกายแบบ low impact ที่ไม่ทำให้เกิดแรงกระแทกกับข้อต่อมากเกินไป ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่ผู้เล่นทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะเด็กๆ หรือกลุ่มที่ชอบออกกำลังกายสามารถทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ที่จะกลายมาเป็น BOUNCE TRIBE ในอนาคต
นานา ไรบีนา นักแสดงชื่อดัง หนึ่งในผู้ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมกับบ๊าวซ์ ประเทศไทย กล่าวว่า "นานาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายและสุขภาพอย่างมาก การมาที่บ๊าวซ์ ทำให้นานารู้สึกได้ใช้เวลาร่วมกับลูก ๆ และได้ทำกิจกรรมที่ทั้งสนุกและท้าทาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบเอ็กซ์ตรีมที่ช่วยให้ลูกๆ ของนานา
ทั้งบีน่ากับบรู๊คลินเป็นเด็กกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก นอกจากนี้ นานายังรู้สึกประทับใจในการบริการและความเป็นกันเองของพนักงานที่ดูแลและแนะนำการเล่นให้กับเด็กๆ ซึ่งทำให้แตกต่างจากสนามเด็กเล่นที่อื่นๆ เป็นอย่างมาก" สำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายหรือมองหากิจกรรมใหม่ๆ ในการดูแลสุขภาพให้กับตัวเองและครอบครัว กิจกรรมกีฬาแนวสปอร์ตเทนเม้นจาก บ๊าวซ์ ประเทศไทยจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกายทุกท่าน รวมทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องการส่งเสริมให้บุตรหลานออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ”
ภายในอาณาจักรแทมโพลีนที่ชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล สาขาแจ้งวัฒนะนี้ มีโซนกิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมาย นอกจากโซนแทรมโพลีนขนาดใหญ่ ที่มีกิจกรรมปลดปล่อยพลังถึง 5 ประเภท ยังมีโซนปาร์ตี้และห้องจัดเลี้ยงที่รองรับได้ 10 - 20 คน มีพนักงานที่เป็นกันเองคอยให้บริการ สังสรรค์ พื้นที่สำหรับกิจกรรม Team Building ที่ผสมผสานระหว่างการพัฒนาทีม การวางแผน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี รวมถึงคลาสเรียนต่างๆ อาทิ “Kinder Gym” คินเดอร์ จิม คลาสยิมนาสติกสำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี “ไฟลท์ อะคาเดมี” (Flight Academy) คลาสเรียนสำหรับเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป ที่ออกแบบมาสำหรับทุกทักษะ หรือ บ๊าวซ์ฟิต (BOUNCE FIT) เป็นการออกกำลังกายบนแทรมโพลีนรูปแบบใหม่ ที่ผสมผสานคาร์ดิโอกับเพลงสุดมันส์เข้ากับการออกกำลังกาย เบิร์นได้มากกว่าการเล่นกีฬาประเภทอื่น เช่น การวิ่งในระยะเวลาที่เท่ากัน พร้อมโซนอาหารและเครื่องดื่ม สำหรับผู้ใช้บริการทุกท่านเพื่อฉลองการเปิดตัวสาขาใหม่ บ๊าวซ์ ประเทศไทย ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ โดยตั้งแต่วันที่ 4-6 ตุลาคม 2567 ลูกค้าที่มาซื้อบัตรจะได้รับส่วนลด 25% สำหรับตั๋ว Single Ticket และตั้งแต่วันที่ 7-31 ตุลาคม 2567 ยังมีส่วนลด 10% ให้กับลูกค้าที่มาซื้อตั๋วประเภทเดียวกัน นอกจากนี้ บ๊าวซ์ยังได้เตรียมของขวัญพิเศษสำหรับลูกค้า 50 ท่านแรกในแต่ละวัน โดยผู้ที่เข้าเล่นในวันที่ 4-6 ตุลาคม จะได้รับ Limited PIN Collection เข็มกลัดลายพิเศษที่ผลิตมาเฉพาะสำหรับการเปิดสาขานี้เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ที่อื่น
สำหรับอัตราค่าบริการ ตั๋ว Single Ticket สำหรับนักเรียนในวันธรรมดาเริ่มต้นที่ 310 บาท และสำหรับผู้ใหญ่เริ่มต้นที่ 410 บาท นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกบัตร 2 ชั่วโมง รวมถึงบัตรเข้าร่วมเป็นกลุ่ม 4 คนในราคาพิเศษอีกด้วย
บ๊าวซ์ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เปิดให้บริการทุกวันและเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู
ลงสถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 ทางออก 4 และห่างจากทางด่วนแจ้งวัฒนะเพียง 5 นาที นอกจากนี้ยังสามารถจองบัตรล่วงหน้าและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.bounceinc.co.th หรือโทร 02-0791146