รฟฟท. จัดเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจลาดตระเวนเส้นทางเดินรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง

ป้องกันการลักลอบตัดสายอาณัติสัญญาณในระบบรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
สอดคล้องกับนโยบาย และข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ และเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยในระบบรถไฟฟ้า บริษัทจึงจัดเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจลาดตระเวนเส้นทางเดินรถไฟฟ้า ในบริเวณด้านนอกรั้วทางคู่ขนานแนวเส้นทางเดินรถ และบนรางรถไฟฟ้า 

ทั้งช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน เพื่อตรวจสอบ และป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาลักลอบตัดสายอาณัติสัญญาณในระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง โดยบริษัทได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย และข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการออกมาตรการกำกับ ควบคุม และดูแล ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักลอบตัดสายอาณัติสัญญาณขึ้น โดยระดมเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวน ทั้งช่วงกลางวัน และช่วงกลางคืน

รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตคนชานเมือง Call Center 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง

Share:

สังสรรค์วันคล้ายวันเกิด​ "เอิร์ธ สายสว่าง"

 เอิร์ธ สายสว่าง จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด 

โดยมีศิลปินดารานักแสดงและเซเลบริตี้ชื่อดัง อาทิ ดร. จินดารัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา, วิโรจน์ ควันธรรม, เพื่อนจากสถาบันวิทยาการธรรมศาสตร์เพื่อสังคม และเพื่อนผู้เข้าร่วมการอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงธรรมศาสตร์เพื่อสังคม ....

พร้อมทั้ง ดารานักร้องนักแสดงชื่อดัง ชรัส เฟื่องอารมย์, ชมพู ฟรุตตี้, แมน-วทัญญู มุ่งหมาย, บดินทร์ ดุ๊ก,  โจแอน บุญสูงเนิน มาสร้างสีสันให้ความบันเทิงอย่างสนุกสนาน และร่วมแสดงความยินดี ที่สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ (ส.น.อ.) 



Share:

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ชูเทรนด์นวัตกรรมทางการแพทย์ เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ แห่งแรกในประเทศไทย

ปัจจุบัน ประชากรผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้วงการสาธารณสุขทั่วโลกมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพโดยเฉพาะในผู้สูงวัย หนึ่งในโรคที่พบบ่อยที่สุดในชายสูงวัย คือ โรคต่อมลูกหมากโต ที่มีโอกาสพบได้ถึง 50% ในชายวัย 50 ปีขึ้นไป และ 70% ในวัย 60 ปีขึ้นไป ซึ่งหากมีอายุยืนยาวมากขึ้นถึง 85 ปีขึ้นไป ก็ยิ่งพบได้สูงขึ้นถึง 90% ซึ่งโรคนี้จะสัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่ผู้ป่วยชายที่มาพบแพทย์จะมีอายุ 50 ปีขึ้นไป มักจะมีอาการปัสสาวะไม่พุ่ง ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ตื่นปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ปัสสาวะเสร็จแล้วแต่รู้สึกไม่สุด เป็นต้น ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ อาการและความรุนแรงของโรคของแต่ละคนจะแตกต่างกัน โดยอาการจะเป็นมากหรือน้อยนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของต่อมลูกหมาก

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้นำเทคโนโลยีใหม่ในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำเข้ามาใช้เป็นแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นวิธีการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะลำบาก ที่เกิดจากโรคต่อมลูกหมากโต ซึ่งมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยเทคโนโลยีการรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ (Water Vapor Therapy) ได้มีผลงานวิจัยรองรับว่ามีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2558 และได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย ในช่วงต้นปี 2564 นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของบำรุงราษฎร์ในการยกระดับศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Center of Excellence) ของศูนย์ทางเดินปัสสาวะ และโรงพยาบาลฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบทางเลือกของการรักษาที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ และความปลอดภัย”

นพ. วิโรจน์ ชดช้อย หัวหน้าศูนย์ทางเดินปัสสาวะ และแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า การรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ เป็นเทคโนโลยีการรักษาใหม่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาให้กับผู้ป่วย โดยในขั้นตอนการรักษาใช้เวลาสั้น ๆ เรียบง่ายและปลอดภัย ซึ่งจะเหมาะกับผู้ป่วย 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ 

1.   ผู้ป่วยที่ใช้ยารักษาและไม่ได้รับผลที่น่าพอใจ หรือได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น ลุกขึ้นมาปัสสาวะกลางคืน มีอาการหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม หรืออาการปวดศีรษะ ซึ่งเป็นผลจากยาได้ หรือในผู้ป่วยที่ระยะแรกกินยาแล้วมีอาการดีขึ้น แต่ต่อมาเริ่มไม่ค่อยได้ผลเป็นที่พอใจเท่าที่ควร รวมถึงผู้ที่ไม่อยากกินยาไปตลอดชีวิต เป็นต้น

2.       ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่ยังมีความลังเล เนื่องจากการผ่าตัดส่วนใหญ่จะมีผลข้างเคียงในเรื่องสุขภาพทางเพศ คือ น้ำอสุจิจะไม่หลั่งออกมาเมื่อถึงจุดสุดยอด ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความพึงพอใจทางเพศ จากสถิติหลังการผ่าตัดจะพบปัญหานี้ ประมาณ 60 - 70% ของผู้ที่ได้รับการผ่าตัด ซึ่งหากเป็นแล้วจะไม่สามารถรักษากลับคืนมาได้ ในขณะที่การรักษาด้วยไอน้ำ แทบจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อสุขภาพทางเพศ เนื่องจากวิธีการรักษาแตกต่างกัน

ที่ผ่านมา การรักษาโรคต่อมลูกหมากโต จะมี 2 วิธีหลักๆ คือ 1. การรับประทานยา และ 2. การผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง ซึ่งเป็นมาตรฐานการผ่าตัด (Gold Standard) แต่ก็จะมีภาวะแทรกซ้อนได้ มีระดับเกลือแร่ผิดปกติ เสียเลือดมาก หรือต้องดมยาเป็นเวลานาน ซึ่งจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง  จึงมีการพัฒนาคิดค้นแนวทางการรักษาแบบใหม่ๆ เพื่อทำลายเซลล์ต่อมลูกหมาก ซึ่งก็มีหลายวิธีก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังมีข้อด้อยพอสมควร จนกระทั่งพัฒนาเป็นวิธีการรักษาต่อมลูกหมากด้วยไอน้ำ (Water Vapor Therapy) นับเป็นเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ที่มีความปลอดภัยสูง ความเสี่ยงต่ำ ภาวะแทรกซ้อนน้อย อวัยวะน้อยบอบช้ำน้อย ฟื้นตัวเร็ว ทำให้อวัยวะนั้นๆ กลับมาสู่สภาพทางสรีรวิทยาและสามารถกลับมาใช้งานได้เป็นปกติมากที่สุด (Organ Reserve) และไม่ต้องกินยาต่อ ที่สำคัญคือ ไม่ส่งผลต่อสุขภาพทางเพศหรือส่งผลน้อยมาก ส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น

นพ. จรัสพงศ์ ดิศรานันท์ แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “วิธีการรักษาด้วยเทคโนโลยีไอน้ำเหมาะกับผู้ป่วยในกลุ่มที่มีต่อมลูกหมากโต ขนาด 30 – 80 กรัม โดยใช้เวลารักษาเพียง 10 – 15 นาที และผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เนื่องจากการรักษาจะต้องฉีดไอน้ำที่อุณหภูมิ 103 องศาเซลเซียส เข้าไปในต่อมลูกหมากประมาณ 4-6 ครั้ง ขึ้นอยู่กับขนาดของต่อมลูกหมาก การฉีดแต่ละครั้งใช้เวลาเพียง 9 วินาที ซึ่งในระยะแรกหลังการรักษา ต่อมลูกหมากจะบวม ทำให้ปัสสาวะไม่ออก แพทย์จึงต้องใส่สายสวนปัสสาวะชั่วคราวให้กับผู้ป่วย โดยเฉลี่ยจะสามารถถอดสายสวนออกได้ภายใน 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับขนาดของต่อมลูกหมาก หากขนาดโตมาก แพทย์ก็จะฉีดไอน้ำหลายครั้ง ทำให้ต่อมลูกหมากบวมมากขึ้นและอาจต้องใส่สายสวนปัสสาวะนานขึ้น ซึ่งร่างกายจะค่อยๆ กำจัดเซลล์ที่ตายออกตามธรรมชาติ ซึ่งปกติใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน จะเห็นผลการรักษาที่ดีได้อย่างเต็มที่”


 ปัจจุบัน มีรายงานสหรัฐอเมริกาอ้างอิงถึงผลการรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำของผู้ป่วย ระบุว่าภายในระยะเวลา 5 ปี ผู้ป่วยจะมีโอกาสกลับมากินยาใหม่ 10% และมีโอกาสกลับมาผ่าตัดหรือรักษาด้วยไอน้ำอีกครั้ง 4% ซึ่งโดยรวมถือว่ามีความคุ้มค่า เนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่ายในการกินยาเป็นประจำ ค่าใช้จ่ายในการติดตามอาการทุกๆ 3 เดือน เช่น การตรวจอัลตราซาวน์ หรือการตรวจความแรงในการไหลของปัสสาวะ (Uroflowmetry) เป็นต้น แต่หัวใจสำคัญคือวิธีการรักษาด้วยไอน้ำ จะช่วยลดความกังวลใจให้กับเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพทางเพศที่อาจตามมาได้อย่างมาก   

ทั้งนี้ ศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มุ่งมั่นที่จะยกระดับและพัฒนาการรักษา โดยใช้ผลการรักษาที่ดีเป็นมาตรฐานชี้วัดและเป็นแบรนด์ของบำรุงราษฎร์ รวมถึงมีการติดตามและศึกษาเทรนด์การรักษาของโลกว่ามีนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือวิธีการรักษาใหม่ๆ เพื่อเข้ามาเสริมในเรื่องของประสิทธิภาพการรักษาเพื่อให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

Share:

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จับมือ ETDA และ นิตยสาร B+ จัดงาน “THAILAND DIGITAL TRANSFORMATION WEEK 2021” ดันธุรกิจไทย พร้อมทรานสฟอร์มสู่องค์กรดิจิทัล

กรุงเทพฯ 26 ตุลาคม 2564 – สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนิตยสาร Business+ ในเครือ บมจ.เออาร์ไอพี เปิดตัวงาน “THAILAND DIGITAL TRANSFORMATION WEEK 2021” ภายใต้แนวคิด “Transforming to the Digital Company Now ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่ดิจิทัล” อย่างเป็นทางการ ในรูปแบบ Virtual Event เพื่อขับเคลื่อนทั้งภาครัฐธุรกิจ ให้ก้าวผ่าน Digital Disruption สามารถทรานสฟอร์มองค์กรสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยได้รับเกียรติจาก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในพิธีเปิดและมอบรางวัล“THAILAND DIGITAL TRANSFORMATION AWARDS 2021”แก่องค์กรที่มีความเป็นเลิศด้านการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ดิจิทัล

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า “รัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ จึงได้มีการกำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้ดีขึ้น ซึ่งจากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของ IMD หรือ World Digital Competitiveness Ranking ที่ผ่านมา พบว่า ปี 2563 ไทยอยู่ในอันดับที่ 39 ดีขึ้นจากปี 2562 ที่อยู่ในอันดับที่ 40 สิ่งนี้สะท้อนถึงความสำเร็จที่รัฐบาลได้มุ่งส่งเสริมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีดิจิทัล 

พร้อมๆ กับสนับสนุนให้กลุ่มผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงาน สร้างโอกาสใหม่และลดต้นทุนทางธุรกิจ พร้อมๆ กับการยกระดับความรู้เพื่อให้เกิดความตระหนัก และรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการโดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs เอง ต่างก็ยังคงเผชิญกับอุปสรรคหลายประการทั้งข้อจำกัดทางความรู้ ความเข้าใจ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงปัญหาเรื่องแหล่งเงินทุนสำหรับการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง เป็นต้น ดังนั้น รัฐบาลจึงได้มีแนวทางการดำเนินงานเพื่อช่วย SMEs ในรูปแบบต่างๆ เพื่อช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน สู่การสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ ที่ผสานความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มุ่งกระตุ้นให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างโอกาส และเตรียมความพร้อมรับมือกับการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง โดยงาน THAILAND DIGITAL TRANSFORMATION WEEK 2021 ที่จัดขึ้นครั้งนี้ จึงเป็นอีกโอกาสสำคัญที่ทุกภาคส่วน จะมาร่วมช่วยกันขับเคลื่อน สร้างความตื่นตัวให้แก่ผู้ประกอบการได้เข้าใจถึงบทบาทและความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงสร้างโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่ผู้ประกอบการมากขึ้น ซึ่งในงานนี้ยังมีพิธีมอบรางวัล THAILAND DIGITAL TRANSFORMATION AWARDS 2021 ที่จะเชิดชูเกียรติองค์กรที่มีการทรานสฟอร์มเข้าสู่ดิจิทัลได้สำเร็จ เพื่อเป็นต้นแบบองค์กรที่สร้างแรงดาลใจให้กับองค์กรอื่นๆ ในการก้าวสู่องค์กรยุคใหม่ในระยะต่อไปด้วย”

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่มีบทบาทในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ จึงได้ริเริ่มหลายโครงการ เพื่อขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไปสู่ยุค 4.0 ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนสมาชิกในการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลไปประยุกต์ในหลายๆ ด้าน จึงได้ร่วมมือกับนิตยสาร BUSINESS+ โดยบริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA จัดงานนี้ขึ้น เพื่อขยายผลของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้เพื่อปรับเปลี่ยนองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ SMEs ที่ต้องประสบกับความท้าทายในโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจของไทย ร่วมกันสร้างความเข้มแข็งให้แก่ภาคอุตสาหกรรม และขับเคลื่อนประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 อย่างแท้จริง”

ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA กล่าวว่า “การยกระดับวิถีชีวิตของคนไทยด้วยดิจิทัล ให้ก้าวผ่านกระแสวิกฤต โดยเฉพาะช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 (COVID-19) คือ อีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ ETDA เร่งขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปลดล็อคข้อจำกัดของการทำงาน การทำธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น การสนับสนุนให้ภาครัฐเกิดการเปลี่ยนผ่านการทำงานไปสู่อิเล็กทรอนิกส์ ด้วยระบบ e-Saraban หรือระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์สำหรับหน่วยงานภาครัฐ ที่ได้เปลี่ยนผ่านงานด้านเอกสารจากกระดาษสู่อิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Document เพื่อให้สามารถรับ-ส่งเอกสารทางออนไลน์ และลงนามได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Signature รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดแนวทางสำหรับการประชุมออนไลน์ผ่านระบบ e-Meeting ที่น่าเชื่อถือ มีแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับมาตรฐาน กฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังร่วมกับพาทเนอร์บริษัทเทคโนโลยี Service provider จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ อย่าง SMEs สตาร์ทอัพ รวมถึงผู้ที่สนใจให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีมาสนับสนุนการดำเนินงานในรูปแบบ e-Office แนวทางในการเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อลดข้อจำกัด และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติงาน อีกทั้งในเร็วๆ นี้ ETDA จะมีการจัดกิจกรรม Hackathon ที่เปิดเวทีให้ Service Provider ได้นำโซลูชัน นวัตกรรม ด้าน e-Office มาประลองไอเดีย เพื่อหาสุดยอดโซลูชั่นและนวัตกรรมที่จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับ e-Solution ให้กับ SMEs ไทย และ ETDA ยังจะมีการต่อยอด เพื่อผลักดันให้ e-Solution ที่น่าสนใจเข้าสู่สนามทดสอบนวัตกรรม หรือ ETDA Sandbox ได้อีกด้วย ดังนั้น งาน “THAILAND DIGITAL TRANSFORMATION WEEK 2021” ภายใต้แนวคิด “Transforming to the Digital Company Now ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่ดิจิทัล” นี้ จึงเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่ ETDA มีความตั้งใจ ให้เป็นโอกาสในการต่อยอดการดำเนินงาน เพื่อช่วยในการยกระดับการดำเนินงานของภาคธุรกิจไทย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐให้มีการดำเนินงานที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้มากขึ้น ซึ่งในงานนี้ ผู้ประกอบการ รวมถึงผู้เข้าร่วมงาน ไม่เพียงได้รับความรู้จากเหล่าผู้เชี่ยวชาญในการทรานสฟอร์มองค์กรไปสู่ดิจิทัลทั้งจาก Speaker ของไทยและต่างประเทศที่ได้มาร่วมแบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์ผ่านเวทีเสวนาแล้ว ยังจะได้รับข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรทั้งจาก ETDA และหน่วยงานที่มาร่วมแสดงใน Virtual exhibition ตลอดจน Use case นวัตกรรมหรือบริการดิจิทัลจาก Service Provider ที่จะช่วยทำให้เห็นแนวคิดในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคตเพิ่มมากขึ้น และจะส่งผลต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคตด้วย”

นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กระแส Digital Disruption ที่มีมาอย่างต่อเนื่องได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตและธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจที่ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เมื่อกระแสดิจิทัลมากระทบกับธุรกิจ องค์กรก็ต้องปรับตัวโดยอาศัย Digital Transformation เพื่อก้าวข้ามกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้ ทางนิตยสาร BUSINESS+ มีโอกาสพบปะกับผู้บริหารองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งทุกท่านมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่องค์กรดิจิทัลให้เร็วที่สุด แต่องค์ความรู้ด้าน Digital Transformation ที่ไม่สมบูรณ์มากพอที่จะขับเคลื่อนองค์กรไปตามที่มุ่งหวังได้ จึงได้มีแนวคิดจัดงาน THAILAND DIGITAL TRANSFORMATION WEEK 2021 ขึ้น เพื่อหวังเป็นงานที่สามารถให้ความรู้ความเข้าใจด้าน Digital Transformation พร้อมกับจัดมอบรางวัล THAILAND DIGITAL TRANSFORMATION AWARDS 2021 ให้แก่องค์กรที่ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานสู่องค์กรสู่ดิจิทัลได้อย่างดีเลิศ เพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่องค์กรอื่น ๆ ต่อไป”

งาน “THAILAND DIGITAL TRANSFORMATION WEEK 2021” ครั้งนี้ภายใต้แนวคิด “Transforming to the Digital Company Now ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่ดิจิทัล” ระหว่างวันที่ 11 – 28 ตุลาคม 2564 ทาง www.ThailandDT.com ซึ่งจัดงานในรูปแบบ Virtual Event   ประกอบไปด้วย

-  กิจกรรม Virtual Conference งานสัมมนาออนไลน์จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ในด้านการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีจากหลากหลายอุตสาหกรรมที่จะมาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ แชร์มุมมองและประสบการณ์ร่วมกัน

-  กิจกรรม Virtual Exhibition การจัดแสดงนิทรรศการออนไลน์เสมือนจริงที่ไม่เพียงให้ความรู้ แต่ยังให้คำปรึกษา พร้อมกับ Use case ตัวอย่างในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในองค์กร จากหลากหลายหน่วยงานที่สนับสนุน อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ETDA, บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ฯลฯ รวมถึงผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีชั้นนำ อาทิ HPE, Dell EMC, Tableau Software, DataOne Asia, Nutanix รวมถึงบริษัทผู้ให้บริการ (Service Provider) ที่สนับสนุนโซลูชั่นด้าน e-Office เป็นต้น

-  พิธีมอบรางวัล “THAILAND DIGITAL TRANSFORMATION Awards 2021” แก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความเป็นเลิศในด้านการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิทัล โดยหน่วยงานหรือองค์กรที่ชนะการพิจารณาจะได้รับถ้วยรางวัลจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  

ติดตามรายละเอียดงาน THAILAND DIGITAL TRANSFORMATION WEEK 2021 เพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Business+ (https://www.facebook.com/businessplusonline)หรือETDA Thailand (https://www.facebook.com/ETDA.Thailand


Share:

วัดธรรมปัญญารามบางม่วงร่วมกับศาลเจ้าพ่อเสือบ้านหนองอาเสี่ย และมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์แจกถุงยังชีพให้กำลังใจชาวบ้านในอ.บางเลน จ.นครปฐม

 
องพจนกรโกศล เจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามบางม่วง ประธานมูลนิธิพระยูไลไภษัชย์สงเคราะห์ ร่วมกับ ศาลเจ้าพ่อเสือ บ้านหนองอาเสี่ย พระประโทน อ.เมือง จ นครปฐม และมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ จ นครปฐม ลงพื้นที่ให้กำลังใจและแจกถุงยังชีพให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในเขตพื้นที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม  ถึงแม้ว่าน้ำจะปริ่มแนวคันกั้นน้ำเข้าท่วมวัด แต่ก็ยังมีความเมตตาต่อผู้ประสพภัยที่ได้รับความเดือดร้อน ด้วยมหาปณิธานที่ตั้งมั่นในการที่จะเดินตามรอยพระโพธิสัตว์และพระพุทธองค์ ที่จะช่วยผู้คนให้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์  

ทางองพจนกรโกศล จึงได้มีการรับบิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อส่งต่อให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อน โดยการนำถุงยังชีพไปแจกในครั้งนี้ได้มีการลงพื้นที่ไปกับทางมูลนิธิด้วย เพื่อเป็นขัวญและกำลังใจให้กับชาวบ้าน ได้อดทนและสู้ต่อไป 

Share:

เอ็นบีเอ จับมือ ฟอร์มูล่าวัน เฉลิมฉลองฤดูกาลครบรอบ 75 ปีของเอ็นบีเอและการแข่งรถกรังด์ปรีซ์ในสหรัฐอเมริกา

สมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติ (NBA) และฟอร์มูล่าวัน ® (F1) ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรกันเป็นครั้งแรกทางด้านเนื้อหาและการส่งเสริมการขาย  เพื่อรวบรวมฐานแฟนๆ ทั่วโลกของ NBA และ F1 ในโอกาสเฉลิมฉลองฤดูกาลครบรอบ 75 ปีของเอ็นบีเอ และต้อนรับการกลับมา ของ F1 “2021 FORMULA 1 UNITED STATES GRAND  PRIX™” ในวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคมนี้ ณ เมืองออสติน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา 

ในวันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม 2564 อีเอสพีเอ็นจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันชู้ตจุดโทษ โดยมีนักแข่งจากทีม F1 เข้าแข็งขันนอกสนามแข่งรถ ประลองความแม่นชู้ตจุดโทษแบบครึ่งสนามบาสเก็ตบอล ในธีมครบรอบ 75 ปีของเอ็นบีเอ ณ สนามแข่งม้าอเมริกัน แพดด๊อก ในงานนี้ตำนานผู้เล่นของเอ็นบีเอตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง เพื่อพบปะกับนักแข่งและให้คำแนะนำในการชู้ตจุดโทษ โดยผู้ที่ชู้ตลงมากที่สุดจากการชู้ต 10 ครั้ง จะได้รับเงินรางวัล 20,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปบริจาคให้กับองค์กรการกุศลที่ผู้ชนะเลือก

และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองยูเอส กรังด์ปรีซ์ และฤดูกาลครบรอบ 75 ปีของเอ็นบีเอ ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมรถยนต์ F1® ในชุดแต่งคัสตอมแบบพิเศษที่เป็นตัวแทนของทีม NBA ทั้ง 30 ทีม บนช่องทางโซเชียลมีเดียของเอ็นบีเอและ F1 ทั่วโลก โดยรถยนต์ 10 คันแรกจะจัดแสดงที่เซ็นทรัลและแปซิฟิกดิวิชั่นที่จะเปิดตัวในวันนี้

 “FORMULA 1 UNITED STATES GRAND PRIX™” ประจำปี 2564 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม ที่สนาม Circuit of the Americas ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การแข่งขันหยุดไปเป็นเวลา 2  ปี และจะกลับสู่สนามแข่งอีกครั้งในปีนี้ ในวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม ถ่ายทอดสดเริ่มเวลา 01.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

NBA ได้สร้างชื่อเสียงในระดับสากลด้วยเกมที่มีอยู่ใน 215 ประเทศและ 50 ภาษา และมีสินค้าลิขสิทธิ์จำหน่ายในร้านค้ามากกว่า 100,000 แห่ง ใน 100ประเทศ ครอบคลุม 6 ทวีปทั่วโลก โดยรายชื่อผู้เล่น NBA เมื่อเริ่มต้นฤดูกาล 2021-2022 มีผู้เล่นต่างชาติทั้งหมด 121 คนจาก 40 ประเทศ

ฤดูกาลครบรอบ 75 ปีของ NBA สิ้นสุดลงในวันอังคารที่ 19 ตุลาคม และดำเนินต่อไปในคืนนี้ด้วยเกมดับเบิ้ล เฮดเดอร์ของ Kia NBA Tip-Off ใน ESPN เนื่องจากนิวยอร์ก นิกส์ เป็นเจ้าภาพบอสตัน เซลติกส์ (19:30 น. ET) และทีมเดนเวอร์นักเก็ตเยี่ยมชมฟีนิกซ์ ซันส์ (10:30 น. ET). TNT จะมี doubleheader ในวันพฤหัสบดีที่ 21 ต.ค. (Dallas Mavericks ที่ Atlanta Hawks, 19:30 น. ET; Los Angeles Clippers ที่ Golden State Warriors, 22.00 น. ET) และ ESPN จะมี doubleheader ในวันศุกร์ที่ 22 ต.ค. ( Nets ที่ Philadelphia 76ers, 19:30 น. ET; Suns at Los Angeles Lakers, 22.00 น. ET) *เวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา*


Share:

TTA ร่วมกับโฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จัดโครงการเพื่อสังคม “TTA Group ตุ๊กตุ๊ก...บรรทุกอิ่ม” คาราวานสร้างความสุข และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ร่วมกับ บริษัท โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด นำโดยคุณเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร พนักงาน และศิลปินจากค่ายเพลง โฟร์วันวัน มิวสิค ‘แอลลี่’ (ALLY) อชิรญา นิติพน และวงเกิร์ลกรุ๊ป AR3NA (อารีน่า) ได้แก่ เชอแตม (Je t'aime) ณมน สวาทยานนท์ พริม (Prim) ดิศรา ดิศกุล ณ อยุธยา และมินซอ (Min Seo) โกมินซอ (Ko Min Seo) ร่วมทำพิธีเปิดโครงการเพื่อสังคม “TTA Group ตุ๊กตุ๊ก...บรรทุกอิ่ม” ที่บริเวณอาคารอรกานต์ ซอยชิดลม 

ด้วยการปล่อยขบวนรถตุ๊กตุ๊กบรรทุกถุงยังชีพเพื่อสร้างความสุขและบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน โครงการนี้จะใช้รถตุ๊กตุ๊ก จำนวน 65 คัน ในการขนส่งถุงยังชีพ มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท มอบให้แก่ประชาชน 1,500 ครอบครัวที่อาศัยอยู่ตามชุมชนแออัดทั้งในกรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ ทั้งนี้ TTA ยังตั้งใจช่วยสร้างรายได้ให้แก่คนขับรถตุ๊กตุ๊กและกระจายความช่วยเหลือให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจของบริษัทฯ ในการตอบแทนคืนสู่สังคม

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวว่า “วิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นแรมปี ทำให้รถบริการสาธารณะอย่างรถตุ๊กตุ๊กเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวและได้รับผลกระทบจากนโยบายล็อกดาวน์ ดังนั้น TTA จึงตั้งใจที่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ขับรถตุ๊กตุ๊กสาธารณะ 

พร้อมกับช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในชุมชนแออัดที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วยการมอบถุงยังชีพ ซึ่งประกอบด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง แอลกอฮอล์ น้ำดื่ม สบู่ ยาสีฟัน ของใช้ในครัวเรือนที่จำเป็น รวมทั้งสเปรย์พ่นปากและลำคอจากสารสกัดลำไย “P80 PLUS SPRAY เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี TTA ขอส่งพลังใจให้ทุกคนมีแรงสู้เพื่อผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน”

Share:

Gen Z ชาวไทยพร้อมใช้ ‘ทินเดอร์’ เชื่อมต่อความสัมพันธ์หลังล็อกดาวน์ Gen Z เผยช่วงโควิด-19 แอปหาคู่ช่วยเชื่อมต่อความสัมพันธ์ พบปะเพื่อนใหม่ได้หลากหลายจากทั่วโลก

 
แม้สถานการณ์โควิด-19 จะเริ่มคลี่คลายแต่ทั้งนี้ทุกคนยังคงต้องรักษาระยะห่างและมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตอยู่บ้าง โดย Gen Z ชาวไทย ยังคงรอคอยการได้พบเจอเพื่อนทั้งเก่า และใหม่อย่างมีความหวัง ซึ่งการสำรวจของ ทินเดอร์เกี่ยวกับ Gen Z ชาวไทย พบว่า กลุ่มวัยรุ่น Gen Z กำลังมองหาความสัมพันธ์ใหม่ๆ เพื่อทดแทนช่วงเวลาและโอกาสต่างๆ ที่สูญเสียไปในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

ช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว Gen Z ชาวไทย รู้สึกขาดการเชื่อมต่อกับผู้คนเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การทำกิจกรรมหรือสร้างความสัมพันธ์เป็นเรื่องยาก ส่งผลให้การได้ไปดูหนัง ออกเดต ไปกินข้าวนอกบ้าน หรือแม้แต่การออกไปซื้อชานมไข่มุกที่ร้านประจำ กลายมาเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไปในทันที ทินเดอร์พบว่าในช่วงของการเว้นระยะห่างทางสังคม Gen Z ราว 32% บอกว่าพวกเขาไม่สามารถพบปะกับผู้คนหน้าใหม่ๆ ได้ ในขณะที่มากกว่า 1 ใน 3 (37%) บอกว่า คิดถึงการเจอหน้ากันแบบตัวต่อตัว และ 32% บอกว่าพวกเขารู้สึกว่าชีวิตของตัวเองเหมือนถูกกดปุ่ม “หยุด” เอาไว้

ถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมาจะมีความท้าทายมากแค่ไหนก็ตาม  91% ของ Gen Z ระบุว่า แอปหาคู่ช่วยให้พวกเขาสามารถเชื่อมต่อและพบคนใหม่ๆ ได้แม้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ไปทั่วโลกและหากสถานการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ คนไทยวัย Gen Z จะรู้สึกว่า:

36% มองในแง่บวก โดยอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี
31% อยากไปสถานที่ที่ไม่เคยไป ได้สนุกไปกับประสบการณ์ใหม่ๆ และพบกับผู้คนใหม่ๆ
33% วางแผนออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากขึ้น

ตลอดระยะเวลาของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ชาว Gen Z มองว่าแพลตฟอร์มหาคู่ออนไลน์เป็นอีกหนึ่งวิธีในการเชื่อมต่อกับคนอื่นๆ โดยรายงานเรื่อง อนาคตของการออกเดต ของทินเดอร์พบว่า Gen Z ใช้งานบนทินเดอร์เพิ่มมากขึ้นใน

ช่วงโควิด-19 และการคุยกันผ่านทางวิดีโอคอลได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เพราะวิดีโอเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการค้นหาคู่แมตช์ใหม่ๆ การได้พูดคุยแบบเห็นหน้ากันจริงๆ ทำให้คน Gen Z จำนวนกว่า 40% คิดว่าจะยังคงใช้การวิดีโอคอลในการทำความรู้จักกับคู่แมตช์ต่อไป แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะจบลงแล้วเมื่อมีการคลายล็อกข้อจำกัดต่างๆ การกระจายวัคซีนไปอย่างทั่วถึง และจะเริ่มเปิดการเดินทางเข้า - ออกระหว่างประเทศขึ้นอีกครั้ง คนไทยวัย Gen Z เตรียมพร้อมที่จะออกเดตกันแบบตัวต่อตัว ซึ่งจำนวนกว่า 47% ต้องการไปเดตแรก

หลังโควิด-19 และไปเที่ยวสถานที่ธรรมชาติต่างๆ เช่น การไปเดตริมทะเล หรือไปปีนเขาผจญภัยด้วยกัน ขณะที่ 32% อยากไปเดตที่คาเฟ่ถ่ายรูปสวยๆ แต่ถ้าหากใครที่กำลังหาคู่เล่นเกมก็ยังมีคน Gen Z จำนวน 1 ใน 3 หรือ 33% ที่อยากจะเล่นเกมในเดตแรกคนไทยวัย Gen Z พร้อมเปิดใจรับการผจญภัยในความรักครั้งใหม่อีกครั้ง

51% เปิดกว้างที่จะทำความรู้จักกับทุกคน แล้วค่อยดูว่า “ความสัมพันธ์” จะเป็นไปในรูปแบบไหน
47% อยากมีใครสักคนที่จะออกไปผจญภัยด้วยกันได้
32% อยากพบคนใหม่ๆ ที่แตกต่าง
27% อยากหาคนที่จะมาเป็นคนรักและคบกันในระยะยาว

อย่าปล่อยให้เวลาของคุณผ่านไปแบบเสียเปล่า! ลองโหลดทินเดอร์ แล้วปัดขวา (Swipe Right) หาเพื่อนใหม่เพื่อพูดคุยสร้างสัมพันธ์รู้จักกับคู่แมชจากวิดีโอแชทบนทินเดอร์ให้มากขึ้นกว่าเดิม หลังจากนั้นค่อยลองตัดสินใจดูว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้จะสร้างความรู้สึกดีและน่าสนใจแค่ไหนก่อนออกเดตกันในชีวิตจริง

เกี่ยวกับ Tinder (ทินเดอร์)ทินเดอร์เปิดตัวในแคมปัสของวิทยาลัยในปี 2012 และกลายมาเป็นแอปพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกในการพบปะผู้คนใหม่ๆ ปัจจุบันให้บริการมากกว่า 40 ภาษาในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ทินเดอร์นับว่าเป็นแอปพลิเคชั่นในหมวด non-gaming ที่สร้างรายได้สูงสุดของโลก มีการดาวน์โหลดมากกว่า 450 ล้านครั้งและมีการจับคู่กว่า 6 หมื่นห้าพันล้านคู่

Share:

กรุ่นกลิ่นกายหอม พร้อมช่วยบำรุง เติมความรื่นรมย์ให้ทุกการอาบน้ำ กับ ไวต้า ชาวเวอร์ ฟิลเตอร์ จาก สตีเบล เอลทรอน


จะดีเพียงใดหากทุกครั้งที่ได้อาบน้ำเป็นอีกช่วงเวลาแห่งความรื่นรมย์ที่นอกจากจะได้ชำระล้างทำความสะอาดร่างกายแล้ว ยังได้ผ่อนคลายร่างกายและผิวพรรณด้วยกลิ่นหอม ๆ พร้อมกับบำรุงผิวไปพร้อมกัน โดย สตีเบล เอลทรอน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำในประเทศไทย ขอแนะนำ ตัวกรองอาบน้ำรุ่น ไวต้า (VITA Shower Filter) ตัวช่วยดี ๆ ที่จะเพิ่มความสุนทรีย์ให้ทุกครั้งที่ได้อาบน้ำ ที่มาพร้อมห้ากลิ่นหอมสดชื่น พร้อมสารบำรุงสกัดจากธรรมชาติ ปลอดภัยแม้แต่ผู้ที่มีผิวพรรณอ่อนบาง

ตัวกรองอาบน้ำไวต้า ของสตีเบล เอลทรอน ผลิตมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเติมเต็มประสบการณ์จากการอาบน้ำฝักบัว ที่ไม่เพียงจะได้ชำระทำความสะอาดร่างกายผ่านสายน้ำที่แรงสม่ำเสมอแล้ว ยังได้ผ่อนคลายไปกับกรุ่นกลิ่นหอมหวลชวนสดชื่น พร้อมบำรุงผิวพรรณและเส้นผมด้วยสารสกัดธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน  ที่สำคัญคือตัวกรองอาบน้ำไวต้าโดดเด่นในเรื่องการกรองสิ่งเจือปนในน้ำ เสริมด้วยสารสกัดแอนตี้แบคทีเรียตามธรรมชาติ ที่ช่วยลดความเสี่ยงที่ทำให้ผิวพรรณระคายเคืองหรือเกิดอาการแพ้ได้  จึงเหมาะทั้งสำหรับผู้ที่ต้องการเติมความพิเศษให้กับการอาบน้ำ และผู้ที่มีผิวพรรณบอบบางต้องการการดูแลเป็นพิเศษ  นอกจากตัวกรองอาบน้ำไวต้าจะสามารถกรองคลอรีนในน้ำเพื่อช่วยให้ขณะอาบน้ำสามารถเลี่ยงการสูดดมสารคลอรีนได้แล้ว ยังง่ายต่อการติดตั้งอีกด้วยมาเติมเต็มความสุนทรีย์พร้อมเสริมการบำรุงด้วยสารสกัดจากธรรมชาติในเวลาอาบน้ำกับตัวกรองอาบน้ำ ไวต้า (VITA Shower Filter) ของสตีเบล เอลทรอน ที่มีให้เลือกสรรถึง 5 กลิ่น ได้แก่

  • กลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ – กลิ่นหอมหวานจากสตรอว์เบอร์รี่แท้ ๆ เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย
  • กลิ่นชาเขียว – กลิ่นหอมสะอาด ช่วยผ่อนคลายระหว่างอาบน้ำ พร้อมส่วนผสมจากน้ำมันมะกอก พร้อมสารสกัดจาก Saururus Chinensis ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียในน้ำ
  • กลิ่นกุหลาบ – กลิ่นหอมเย้ายวน พร้อมส่วนผสมน้ำมันอัลมอนด์ช่วยบำรุงผิวและเก็บกักความชุ่มชื้น  พร้อมสารสกัดจาก Saururus Chinensis ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียในน้ำ
  • กลิ่นดอกลาเวนเดอร์ – สารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์ 100% ให้กลิ่นหอมที่ช่วยผ่อนคลายและหลับสบาย พร้อมส่วนผสมน้ำมันอัลมอนด์และสารสกัดจาก Saururus Chinensis ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียในน้ำ
  • กลิ่นดอกอะคาเซีย – ให้กลิ่นหอมสดชื่น พร้อมส่วนผสมจากน้ำมันมะกอกช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และสารสกัดจาก Saururus Chinensis ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียในน้ำ

ตัวกรองอาบน้ำไวต้า (VITA Shower Filter)
 มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศไทย ร้านบุญถาวร และที่ร้านค้าออนไลน์ของช้อปปี้ ลาซาด้า และ เจดี เซ็นทรัล ในราคาเพียง 990 บาท

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวกรองอาบน้ำไวต้า (VITA Shower Filter) และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ สามารถเข้าชมได้ที่เว็บไซต์หลักของสตีเบล เอลทรอน หรือ คลิกที่นี่ เพื่อรับส่วนลด 100 บาท ในการซื้อสินค้าผ่านช้อปปี้ และ คลิกที่นี่ เพื่อรับคูปองส่วนลด 100 บาท ในการซื้อผลิตภัณฑ์ของ สตีเบล เอลทรอน ผ่านลาซาด้า

Share:

นิตยสาร Kitchen&Home ชวนร่วมสนุกกับแรลลี่วิถีใหม่ “@Kitchen Rally ปีที่ 9” เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน

Kitchen&Home นิตยสารเพื่อคนรักครัว ขอเชิญร่วมสนุกกับทริปแรลลี่วิถีใหม่ (New Normal) “@Kitchen Rally ปีที่ 9” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Happy Distance เว้นระยะอย่างมีสุข” สนุก ปลอดภัย ตลอดการเดินทาง เส้นทางกรุงเทพฯ – หัวหิน วันที่ 20-21 พฤศจิกายน 2564  ณ อวานี พลัส หัวหิน รีสอร์ต ที่พักสุดหรูระดับ 5 ดาวริมชายหาดท่ามกลางบรรยากาศแบบทรอปิคอล
ภริตา วิริยะรังสฤษฎ์ บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร Kitchen&Home เปิดเผยว่า กิจกรรม “@Kitchen Rally ปีที่ 9” จัดขึ้นเพื่อเอาใจผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมเอาต์ติงท่องเที่ยวอย่างมีสีสัน และโดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “Happy Distance เว้นระยะอย่างมีสุข” เพื่อให้สอดรับกับชีวิตวิถีใหม่ พร้อมมาผ่อนคลายจากมาตรการคลายล็อกดาวน์  ซึ่งจะเป็นการมอบความสุขให้แก่ผู้อ่าน สมาชิก พันธมิตรและประชาชนที่สนใจได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมสุดสนุกและปลอดภัยในบรรยากาศสุดชิลตลอดเส้นทาง
กิจกรรมที่คัดสรรมาให้ผู้ร่วมทริปได้เอนจอยตลอดเส้นทาง อาทิ กิจกรรมถ่ายรูปในคอนเซ็ปต์ “Happy Distance - เว้นระยะอย่างมีความสุข”  ณ อุทยานเขาหินงู พร้อมรับประทานมื้อเที่ยงที่ร้านหลงรักนา กิจกรรม CSR ในโครงการ “อิ่มท้อง น้องอิ่มด้วย ปีที่ 9” เพื่อแบ่งปันน้ำใจให้น้องๆ โดยการบริจาคเครื่องครัว อาหารแห้ง และอุปกรณ์การเรียน ณ โรงเรียนสหกรณ์บำรุงวิทย์ จ.เพชรบุรี ต่อด้วยกิจกรรม Workshop แสนสนุกริมชายหาด และรับประทานมื้อค่ำสุดพิเศษในบรรยากาศปาร์ตี้เอาต์ดอร์สุดเก๋ริมชายหาด ในธีม Under The Sea  ณ อวานี บีช  พร้อมลุ้นรางวัลประกวดการแต่งกายและรางวัล (Lucky Draw) อีกมากมาย ซึ่งผู้เข้าแข่งขันทุกคนมีสิทธิ์ร่วมลุ้นของรางวัลมูลค่ารวมกว่า 3 แสนบาท
ทั้งนี้ กิจกรรม “@Kitchen Rally ปีที่ 9” จัดขึ้นภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยผู้ร่วมกิจกรรมทุกคนต้องผ่านการคัดกรอง ดังนี้ 
1.ลงทะเบียนยืนยันตัวตนและตอบแบบสอบถามคัดกรองก่อนเข้าร่วมกิจกรรม 
2.แสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” 
3.ผู้เข้าร่วมงานทุกคนจะต้องส่งผลตรวจ ATK ล่วงหน้าไม่เกิน 24 ชั่วโมง 
4.ตรวจวัดอุณหภูมิไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส 
5.สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่ทำกิจกรรม 
6.รักษาระยะห่าง Social Distancing 1-2 เมตร  
7.ทางผู้จัดงานได้มีบริการเจลแอลกอฮอล์ในทุกจุดที่ทำกิจกรรม 
จึงมั่นใจได้ว่าผู้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จะได้รับความเพลิดเพลินและปลอดภัยกับแรลลี่วิถีใหม่ (New Normal) ครั้งนี้อย่างแน่นอน
ผู้สนใจสมัครและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.atkitchenmag.com และ FB: Kitchen&Home

• สมัครร่วมกิจกรรมตั้งแต่วันนี้ - 15 พฤศจิกายน 2564  
กรอกแบบฟอร์มเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ https://forms.gle/7upkyikhZB42Haej8
หรือดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ https://bit.ly/3DaDFHa
ผู้ร่วมแข่งขัน 2 ท่าน ต่อรถ 1 คัน ราคา 6,900 บาท
พิเศษ! สำหรับสมาชิกนิตยสาร Kitchen&Home และ Gourmet&Cuisine ราคา 6,500 บาท
(อัตรานี้รวมค่าที่พัก 1 คืน, ค่าอาหาร พร้อมรับเสื้อกิจกรรมแรลลี่ จำนวน 2 ตัว)
หมายเหตุ
  • เด็กอายุ  6-11 ปี  มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 1,500 บาท/คน (อาหารทุกมื้อ+เสื้อ)
  • เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป มีเตียงเสริมเพิ่ม 3,500 บาท/คน (เตียงเสริม+อาหารทุกมื้อ+เสื้อ)


Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก