นายกรัฐมนตรี-ครม. เยี่ยมชมกิจกรรม “ประทีปแห่งพระธรรม นำศรัทธา บูชาเพ็ญเดือน 3” ประชาสัมพันธ์งานวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2566 วธ.จัดกิจกรรม 4-6 มีนาคมนี้ เชิญชวนพุทธศาสนิกชนสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุประจำปีเกิด และทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 66 รูปที่ลานคนเมือง Walk Rally 9 มงคล สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเวียนเทียนที่วัดสุทัศนเทพวราราม และลานคนเมือง


วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรมร่วมให้การต้อนรับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและสื่อมวลชน พร้อมทั้งนำชมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ “ประทีปแห่งพระธรรม นำศรัทธา บูชาเพ็ญเดือน 3” งานส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2566 โดยนายกรัฐมนตรีและครม.เยี่ยมชมนิทรรศการองค์ความรู้วันมาฆบูชา ร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุจากวัดบวรนิเวศวิหาร และรับชมการสาธิตการไหว้พระในบ้านในวันพระใหญ่เพื่อเสริมสิริมงคล และการสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะของคณะนักเรียนระดับประถมศึกษา ประเภททีมหญิงล้วน ชนะเลิศ ระดับส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) ประจำปี พุทธศักราช 2566 โรงเรียนวัดกระทุ่มเสือปลา พร้อมพูดคุยและนำเสนอองค์ความรู้วันมาฆบูชา การสาธิตส่งบัตรอวยพรวันมาฆบูชาออนไลน์ (E-Card) การตอบปัญหาธรรมะออนไลน์ กับตัวแทนนักเรียนโรงเรียนวัดสุทัศน์ ผ่านโทรศัพท์มือถือและตู้คีออส และรับมอบสื่อประชาสัมพันธ์เทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2566 


นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ มีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันมาฆบูชา เป็นวันที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงพระธรรมโอวาทปาติโมกข์ อันเป็นหลักการที่สำคัญยิ่ง เรียกว่าเป็นหัวใจของพุทธศาสนาที่สอนให้ละเว้นความชั่ว หมั่นทำความดี และทำใจให้บริสุทธิ์ วันมาฆบูชาในปีนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา กำหนดจัดกิจกรรม “ประทีปแห่งพระธรรม นำศรัทธา บูชาเพ็ญเดือน 3” 

ในงานส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2566 ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ โดยในส่วนกลาง ร่วมกับวัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร และองค์กรเครือข่ายทางพระพุทธศาสนา จัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 4 – 6 มีนาคม 2566 ประกอบด้วย พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ สักการะพระธาตุประจำปีเกิด 12 ปีนักษัตร พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 66 รูป จัดแสดงนิทรรศการวันมาฆบูชา กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน ได้แก่ การประกวดบรรยายธรรม การประกวดสุนทรพจน์ การประกวดอาราธนาศาสนพิธี และกิจกรรม “มีเทศน์ มี talk” จากพระธรรมวิทยากรเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี เกมคุณธรรม และตอบปัญหาธรรมะ การแสดงทางศิลปวัฒนธรรม จากศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ชมภาพยนตร์ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม การสาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชุมชน ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และในวันที่ 6 มีนาคม 2566 จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เวียนเทียน และกิจกรรม Walk Rally 9 มงคล สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดสุทัศนเทพวราราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจัดทำบัตรอวยพรวันมาฆบูชาออนไลน์ (E-Card) และเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมตอบปัญหาธรรมะออนไลน์ ผ่านทาง www.dra.go.th อีกด้วย


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวต่อว่า ในส่วนภูมิภาค ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด องค์กรเครือข่ายทางพระพุทธศาสนา และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ บูรณาการการจัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา ระหว่างวันที่ 1 – 6 มีนาคม 2566 ตามบริบทของแต่ละจังหวัด ได้แก่ กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในมิติศาสนา ในรูปแบบสื่อสร้างสรรค์ กิจกรรมสืบสานเทศกาล ประเพณี และวัฒนธรรม นำวิถีถิ่น วิถีไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่นของแต่ละภูมิภาค และส่งเสริมต่อยอดผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญา ความเชื่อ เคารพศรัทธาเชิงสร้างสรรค์ กระทรวงวัฒนธรรมขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เนื่องในวันมาฆบูชา ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ นำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนามาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระพุทธคุณขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า


ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนวัฒนธรรม 1765

Share:

รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ประจำปี 2566เปิดวิสัยทัศน์สู่ยุค Low Carbon ททท. ยกระดับเติบโตอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน(High Value and Sustainability)

ททท. เปิดตัวโครงการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 เพิ่มประเภทรางวัล Low Carbon & Sustainability โดยมีผู้ประกอบการ...
จิตติมา มะรังศรี (Iris)Spa Operations Support Manager (OasisSpa Thailand) มุ่งสู่เป้าหมาย การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำพร้อมยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (High Value and Sustainability)

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เชิญชวนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวส่งผลงานเข้าร่วมประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย Thailand Tourism Awards นับเป็นรางวัลที่ทรงเกียรติ ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ซึ่ง ททท. จัดประกวดอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 2 ปี และในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 14 โดยเปิดรับสมัครทั้งหมด 5 ประเภท คือ 

1.แหล่งท่องเที่ยว (Attraction) 

2.ที่พักนักท่องเที่ยว (Accommodation) 

3.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health and Wellness Tourism) 

4.รายการนำเที่ยว (Tour Programmes) และ 

5.การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน (Low Carbon & Sustainability) เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมตามยุทธศาสตร์ STGs (Sustainable Tourism Goals) 

ซึ่งรางวัลประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืนนั้น จะช่วยเพิ่มมูลค่า สร้างจุดเด่น และเพิ่มโอกาสทางการท่องเที่ยวในการเข้าถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นการสร้างความตระหนักรู้และคุณค่าในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างคุณค่า และมูลค่าของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทยสู่สากล เป็นการยกระดับภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวได้ว่า เมื่อเลือกใช้สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย Thailand Tourism Awards ที่มีสัญลักษณ์เป็นกินรี มั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการจากผู้ประกอบการที่มีการการันตีมาตรฐานและคุณภาพ ทั้งในด้านการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน (Safe and Sustainable Tourism) รวมทั้งการรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism)

โดยกรอบแนวคิดในการพิจารณาตัดสินรางวัล ครั้งที่ 14 ในปี 2566 นี้ อยู่บนพื้นฐานของ 3 แนวคิดหลัก คือ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) ภายใต้กระบวนการจัดการที่คำนึงถึงสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมโดยมีกลไกสำคัญ คือ โมเดลเศรษฐกิจยั่งยืนแบบใหม่ BCG Economy Model ผสานกับการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) และการบริหารจัดการคาร์บอนต่ำ (Low Carbon & Sustainability management) และอีก 2 แนวคิดหลัก คือ ความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Safety & Health Administration) และความสนใจของกลุ่มนักท่องเที่ยว (Customers Interest)

การประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 แบ่งเป็น 5 ประเภทหลัก 14 สาขาย่อย ดังนี้

1. ประเภทแหล่งท่องเที่ยว (Attraction) แบ่งประเภทรางวัลย่อยออกเป็น 6 สาขา ประกอบด้วย

1.1 สาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการผจญภัย (Outdoor & Adventure Activities)

1.2 สาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ (Learning & Doing)

1.3 สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ (Nature & Park)

1.4 สาขาแหล่งท่องเที่ยวนันทนาการและความบันเทิง (Recreation & Entertainment)

1.5 สาขาแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม (Historical & Culture)

1.6 สาขาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน (Local & Community)

2. ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว (Accommodation) แบ่งประเภทรางวัลย่อยออกเป็น 4 สาขา ประกอบด้วย

2.1 สาขาลักซ์ชูรี โฮเทล (Luxury Hotel)

2.2 สาขาโลเคชั่น โฮเทล (Location Hotel)

2.3 สาขารีสอร์ต (Resort)

2.4 สาขาดีไซน์ โฮเทล (Design Hotel)

3. ประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health and Wellness Tourism) แบ่งประเภทรางวัลย่อยออกเป็น 4 สาขา ประกอบด้วย

3.1 สาขาสปา (Spa)

3.2 สาขาเวลเนส สปา (Wellness Spa)

3.3 สาขาเวลเนส แอนด์ สปา รีทรีต (Wellness & Spa Retreat)

3.4 สาขานวดไทย (Nuad Thai for Health)

4. ประเภทรายการนำเที่ยว (Tour Programmes) 

5. ประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน Low Carbon & Sustainability 

รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย แบ่งออกเป็น 3 รางวัล ดังนี้ 

1. รางวัลยอดเยี่ยม (Thailand Tourism Gold Award) 

2. รางวัลดีเด่น (Thailand Tourism Silver Award) 

       3. เกียรติบัตรรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Certificate) 

***โดยผลงานที่ได้รับรางวัล Thailand Tourism Gold Award จำนวน 3 ครั้งติดต่อกัน โดยไม่จำเป็นต้องได้รับรางวัลประเภทเดียวกัน จะได้รับรางวัล Hall of Fame 

สิทธิประโยชน์จากทางโครงการ ฯ

ผลงานที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน จะได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย Thailand Tourism Awards 

ที่มีสัญลักษณ์เป็นกินรี เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดในการเสนอขายสินค้าและบริการแก่นักท่องเที่ยว และได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1. ส่งเสริมการขายและการตลาด ผลงานที่ได้รับรางวัลได้รับสิทธิ์ร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดกับ ททท. ดังต่อไปนี้

● ได้รับเชิญเข้าร่วมงานส่งเสริมการขาย Trade Show/Road Show/Consumer Fair ของ ททท. และพันธมิตรที่ ททท. สนับสนุน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละกลุ่มตลาด 

● ได้รับสิทธิ์ส่วนลดค่าใช้จ่าย 50% ในการเข้าร่วมงานส่งเสริมการขายกับ ททท. ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละกลุ่มตลาด 

● ได้รับการนำเสนอข้อมูลขายผ่านสื่อการตลาดดิจิทัลของ ททท. ได้แก่ Video clip/E-Book/Digital Brochure  

2. ประชาสัมพันธ์ ผลงานที่ได้รับรางวัลจะได้รับการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ดังต่อไปนี้

● ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออฟไลน์ และออนไลน์ของ ททท. ได้แก่ เพจ Amazing Thailand และเพจ Thailand Tourism Awards/อนุสาร อสท.

● ประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ข่าวออนไลน์และสื่อสิ่งพิมพ์ 

● ประชาสัมพันธ์ผ่าน Blog/สื่อโซเชียลมีเดียท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง

3. ยกระดับพัฒนาองค์กร Upskill - Reskill

● ได้รับสิทธิ์ร่วมกิจกรรม Seminar/Workshop อาทิเช่น Online Digital Marketing Workshop และงานสัมมนาเจ้าบ้านที่ดี 2566 เป็นต้น

ทั้งนี้จะเปิดรับสมัครในวันที่ 1 มีนาคม - 30 เมษายน 2566 และประกาศผลรางวัลวันที่ 8 กันยายน 2566 

โดยจะมีพิธีมอบรางวัลในวันท่องเที่ยวโลก (World Tourism Day) วันที่ 27 กันยายน 2566

ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ประสงค์เข้าร่วมการประกวด สามารถศึกษาข้อมูลคุณสมบัติและเกณฑ์การตัดสินเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนสมัครได้ที่ 

www.thailandtourismawards.com

www.facebook.com/ThailandTourismAwardsNew 

  • Line Official Account หลักของโครงการประกวดอุสาหกรรมท่องเที่ยวไทย : @tourismawards 
  • Line Official Account แยกตามประเภทรางวัล
  • ประเภทแหล่งท่องเที่ยว : @tourismawards1
  • ประเภทที่พัก : @tourismawards2
  • ประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ : @tourismawards3
  • ประเภทรายการนำเที่ยว : @tourismawards4
  • ประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน : @tourismawards5



Share:

Am Herb Anti – Melasma Serum

สินค้าเซรั่มเคลียร์ฝ้าขายดีและสุดฮอตสุดปังในตอนนี้กับ Am Herb ผลิตภัณฑ์ (Am Herb Anti – Melasma Serum) อัม เฮิร์บ แอนตี้ เมลาสมา เซรั่ม เซรั่มฝ้าเนื้อเข้มข้น สร้างยอดขายอันดับ 1 ของแบรนด์จนฉุดไม่อยู่ ให้เนื้อสัมผัส บางเบา ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ พัฒนามาเพื่อช่วยลดเลือน ฝ้าลึก ฝ้าตื้น ฝ้าแดด กระ จุดด่างดำ อย่างตรงจุด เห็นผลได้จริงใน 7 วัน การันตีผลจาก Dermscan Asia พร้อมทั้งปรับสีผิวสม่ำเสมอ เรียบเนียน ริ้วรอยจางลงแลดูอ่อนเยาว์ ด้วยสูตรที่อ่อนโยน ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิว หรือให้นิยามว่า “เซรั่มเคลียร์ฝ้า เคลียร์ทุกจุดหยุดฝ้า” ด้วยรูปแบบแพคเกจจิ้งที่สีม่วงสวยงามทันสมัย และช่วยกรองแสง รักษาประสิทธิภาพ คุณภาพของเซรั่มได้ยาวนานยิ่งขึ้น

ด้วยจุดเด่นของการผสานพลังวิตามินเอ 2 อนุพันธ์ที่เสถียรและปลอดภัย เพื่อแก้ไขปัญหาผิวได้ตรงจุด ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

MultiSal® Retinol (มัลติซอล เรตินอล) ผลิตด้วยเทคโนโลยีพิเศษ Retinol encapsulated มีความเสถียรสูงและปลอดภัยว่า Retinol ทั่วไป ช่วยควบคุมการปลดปล่อย Retinol เข้าสู่ผิวอย่างต่อเนื่องได้ลึกตรงจุดเป้าหมายและมีประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ยาวนานมากขึ้น ไม่ทำให้ผิวบาง ไม่ไวต่อแดด ฟื้นฟูอีลาสตินของผิวให้แข็งแรง ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึก ปรับสภาพสีผิวให้สว่าง และเรียบเนียน

Vitamin A Derivatives (อนุพันธ์วิตามินเอ) ช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวเมลามีนเพื่อลดการรวมตัวของเมลานิน มีประสิทธิภาพสูงกว่า Vitamin C ทำงานร่วมกับ Vitamin B3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังทำงานร่วมกับสารสกัดที่ช่วยเรื่องให้ผิวดูกระจ่างใสอย่างปลอดภัยอีก 3 ชนิด ทั้ง

Vitamin B3 (วิตามินบี 3 หรือ ไนอาชินาไมด์) ช่วยลดการเกิด Oxidation จากรังสียูวี ปรับผิวให้ดูขาวกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอขึ้น

Alpha Arbutin (อัลฟา อาร์บูติน) ช่วยยับยั้งการสร้างเอนไซม์ไทโรซิเนส ปรับผิวให้ดูขาวกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอขึ้น

Palmaria Palmata Extract (สารสกัดจากสาหร่ายสีแดง ประเทศฝรั่งเศส) ตัดสัญญาณกระตุ้นการสร้างเอนไซม์ไทโรซิเนส

ทึ่งผลิตภัณฑ์ Am Herb Anti – Melasma Serum ได้ผ่านการทดสอบจากสถาบัน Dermscan Asia สถาบันค้นคว้าและวิจัยทางด้านเครื่องสำอางชั้นนำ โดยได้มีการทดสอบผลิตภัณฑ์ Am Herb Anti-Melasma Serum กับกลุ่มผู้หญิงระหว่างช่วงอายุ 30-60 ปี จำนวน 33 คน ซึ่งในกลุ่มผู้ที่ทดสอบเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ ระหว่างวันที่ 3-17 ธันวาคม 2564 หลังการใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 7 วัน พบว่า ผลิตภัณฑ์ อัม เฮิร์บ แอนตี้ เมลาสมา เซรั่ม สามารถลดเลือนฝ้าให้แลดูจางลง

เป็นเครื่องการันตีให้ Am Herb Anti-Melasma Serum ช่วยลดปัญหาฝ้าลึก ฝ้าตื้น ฝ้าแดด กระ จุดด่างดำ อ่อนโยนต่อผิวปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง อยากให้ฝ้าจาง แต่ไม่ต้องจ่ายแพง!!! พร้อมแล้ววันนี้

หาซื้อผลิตภัณฑ์อัมเฮิร์บได้ที่ EVENDBOY Beautrium และ ร้านค้าบิวตี้ ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ Shopee, Konvy, Line My Shop และ Watsons Online

Facebook : https://www.facebook.com/amherbthailand

พิกัดช้อป

📱 SHOPEE : https://shope.ee/6zkZR9tP5m

📱 Line Official @amherb : https://line.me/R/ti/p/@amherb

📱 BEAUTRIUM : https://bit.ly/3Vul9mG

📱 KONVY : https://bit.ly/3EphvBt

📱 BOOST : https://bit.ly/3Iu39Vs

📱 WATSONS ONLINE : https://bit.ly/3KYwyFD

📱 EVEANDBOY : https://bit.ly/3Ddbo40

เลขที่ใบรับแจ้ง 74-1-6400043966
ขนาด 30 ml
ราคา 490-. บาท

#AmHerb #อัมเฮิร์บ #AntiMelasma #เคลียร์ทุกจุดหยุดฝ้า #เซรั่มฝ้า #หน้าใสไร้ฝ้า #เซรั่มเคลียร์ฝ้า #เคลียร์ฝ้าจาง #เคลียร์ทุกจุดหยุดฝ้า

Share:

เจเอเอส แอสเซ็ท เตรียมขยายบุกเมืองรองกับโมเดลมิกซ์ยูส

บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) โดยนายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2566 ภายใต้ นิยามของบริษัทใหม่คือ “Synergetic Well-being Community Builder” ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสุขให้กับชุมชน โดยให้ประสบการณ์ความสุขแบบองค์รวมทางกาย ใจ และอารมณ์ ดูแลกลุ่มลูกค้าทุกช่วงวัยโดยธุรกิจในเครือของบริษัทฯ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันในรูปแบบต่างๆ

ตั้งเป้าการปรับกลยุทธ์ และรูปแบบทางธุรกิจให้กับ Business Units ในเครือเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้า สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบัน

IT Junction – ธุรกิจเช่าพื้นที่ตู้ขายมือถือ ซึ่งถือเป็นธุรกิจประเภทแรกของบริษัทฯ ปัจจุบันมีทั้งหมด 27 สาขาตั้งอยู่ภายในห้างบิ๊กซี และห้างแจส  ตั้งเป้าขยาย 8 สาขาต่อปี  นอกจากนี้กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนารูปแบบใหม่ที่เน้นความหลากหลายของการบริการที่ครบเรื่องไอที  และปรับรูปแบบเป็น Stand Alone Shop ที่มีดีไซน์ทันสมัยใกล้ชุมชน

Community Malls – ภายใต้ชื่อ The Jas และ Jas Green Village ที่ปัจจุบันมีพื้นที่เช่ากว่า 80,000 ตารางเมตร จาก 5 สาขาคือ วังหิน รามอินทรา คู้บอน ศรีนครินทร์ และอมตะ ชลบุรี โดยในปี 2566 จะเปิดสาขาบางบัวทอง ใกล้วันลาดปลาดุกในเดือนกันยายน  และสาขารามคำแหงในเดือนธันวาคม สำหรับปี 2567 มีแผนเปิดที่ย่านประเวศในไตรมาส 2  จังหวัดระยองในไตรมาส 3 และจังหวัดขอนแก่นในไตรมาส 4 ตามลำดับ ทั้งนี้บริษัทฯวางเป้าหมายเปิดห้างใหม่ปีละ 5 แห่งทั่วประเทศ  เพื่อให้เป็นไปตามแผนการพัฒนาพื้นที่สำหรับเป็นศูนย์การค้าชุมชนกว่า 5 แสนตารางเมตรภายในอีกห้าปีข้างหน้า 

นอกจากนี้ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศพร้อมเปิดตัวธุรกิจใหม่ล่าสุดเพื่อรองรับกับสังคมผู้สูงวัย (Aged Society) โดย Senera Senior Wellness คู้บอนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดให้ใช้บริการในกลางเดือนมีนาคมนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ และครอบครัวมีความลงตัว สะดวกสบาย ยกระดับการใช้ชีวิตในแบบที่ชอบ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัย ภายใต้สุขภาวะที่เหมาะสม รวมถึงมีกิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพกายใจ สร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตในวัยอิสระได้อย่างมีความสุข

ด้วยการวางแนวคิดที่ให้สถานดูแลผู้สูงอายุอยู่ภายในโครงการเดียวกับห้างชุมชน ทำให้มีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน และมีกิจกรรมทำได้ตามอัธยาศัย อีกทั้งยังสามารถใช้เวลากับลูกหลานได้ภายในห้างชุมชนโดยไม่ต้องเดินทางออกไปภายนอก 

ซีเนร่าวางระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystems) เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการกับลูกค้าในโครงการ สมาชิกซีเนร่าคลับ  และผู้ที่ต้องการบริการต่างๆที่บ้านทั้งการส่งพนักงาน Caregiver ไปดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่บ้าน จนถึงบริการช่วยปรับปรุงบ้านให้เหมาะกับผู้สูงอายุ  และยังได้พัฒนา Digital Platform ภายใต้ชื่อ “สุขใจ” ที่คลอบคลุมบริการที่เกี่ยวกับสุขภาพ จองห้องพัก จองบริการต่างๆของซีเนร่า พร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ ทั้งนี้โครงการที่คู้บอนถือเป็นโครงการแรกที่จับกลุ่มลูกค้าทั้งแบบผู้ที่ยังดูแลตัวเองได้ (Active) และกลุ่มผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง (Non-active) โดยจับมือกับโรงพยาบาลวิมุต ที่เข้ามาให้บริการทางการแพทย์  มีอาคาร Day Care รองรับการทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงแพทย์ทางเลือก การออกกำลังกายด้วยเครื่องออกกำลังกายที่ทันสมัยชั้นนำระดับโลก (Technogym)

ทั้งนี้ซีเนร่าจะเปิดให้บริการโครงการใหม่ ที่แจส กรีน วิลเลจ บางบัวทองในปลายปี 2566 นี้ โดยเป็น Nursing Home สำหรับกลุ่มสูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย จนอยู่ในภาวะพึ่งพิง รวมถึงมีบริการต่างๆของซีเนร่า ทั้งนี้ซีเนร่ามีแผนบุกตลาดต่างจังหวัดในลักษณะมิกซ์ยูสร่วมกับห้างชุมชนในเครือของเจเอเอส แอสเซ็ท ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2012 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท อยู่ภายใต้บริษัทเจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) และเพิ่มเป็น 50 ล้านบาทในเดือนตุลาคม 2012 และจดทะเบียนเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2016 ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัทย์ (Market Capitalization) กว่า 4,000 ล้านบาท

ข้อมูลเพิ่มเติม
พงศิยา กิตติขจร
Vice President Marketing & Communications
บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน)
Email : pongsiya@jasasset.co.th  Mobile : 093 9363453




Share:

“ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง” แจกตั๋วเครื่องบินไป-กลับฮ่องกง...ฟรี! เปิดตัวแคมเปญ “World of Winners 500,000 Air Tickets Giveaway” ให้คนไทยได้รับสิทธิ์บินฟรีก่อนใคร

(กรุงเทพฯ ประเทศไทย: 25 กุมภาพันธ์ 2566) ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง (AAHK) ได้จัดแคมเปญ “World of Winners” โดยแจกตั๋วเครื่องบินจำนวน 500,000 ใบ ซึ่งเป็นการส่งเสริมการขายในต่างประเทศ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนฮ่องกง โดยท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ได้เปิดตัวแคมเปญนี้ที่ประเทศไทยเป็นที่แรก! ภายใต้ชื่องาน “World of Winners 500,000 Air Tickets Giveaway” ใจกลางกรุงเทพฯ ณ ลาน Quartier Avenue ชั้น G ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ 

โดยแคมเปญนี้จะเริ่มในวันที่ 1 มีนาคม 2566 ในประเทศไทยและตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย โดยจะมีการแจกตั๋วเครื่องบินประมาณ 135,000 ใบ ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับชาวไทยจะแจกถึง 30,000 ใบ โดยผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายของสายการบินที่เป็นพันธมิตร

หลังจากจัดกิจกรรมในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว แคมเปญนี้จะมีการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ จีนแผ่นดินใหญ่ และตลาดอื่น ๆ โดยสายการบินในฮ่องกง ได้แก่ Cathay Pacific Airways, Hong Kong Express, Hong Kong Airlines และ Greater Bay Airlines ซึ่งกิจกรรมแจกตั๋วเครื่องบินดังกล่าวจะจัดผ่านช่องทางออนไลน์ของสายการบินต่าง ๆ โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปติดตามรายละเอียดและเงื่อนไขของสายการบินต่าง ๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป

การจัดงานที่กรุงเทพฯ ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของฮ่องกง โดยมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมาย รวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางไปฮ่องกง โดยเซเลบที่ล่าสุดได้บินไปสวีท หวานอย่าง คุณแบงค์-อธิกิตติ์ และ คุณไอซ์-ณพัชรินทร์ ไพบูลย์รัตนกิจ พร้อมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินที่คุณชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น วง ROOFTOP และสองหนุ่มคู่จิ้นสายวาย พร้อม-ราชภัทร และ มาร์ค-ศิวัช นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวของฮ่องกง และบริการใหม่ ๆ ภายในสนามบินนานาชาติฮ่องกง (HKIA) ซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับการสนับสนุนจากสายการบินในฮ่องกง การท่องเที่ยวฮ่องกง และสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของรัฐบาลฮ่องกงในกรุงเทพฯ 

นางวิเวียน เชิง (Mrs.Vivian Cheung) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของท่าอากาศยานนาชาติฮ่องกง (AAHK) กล่าวว่า "วันนี้ทางฮ่องกงได้เปิดต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกแล้ว และเรายินดีต้อนรับทุกท่านจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์ภายในสนามบินนานาชาติฮ่องกงในรูปโฉมใหม่ ให้กับผู้โดยสารที่มาเยือนทุกท่าน อาทิ เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าซึ่งถูกนำมาใช้ในกระบวนการของการเดินทางทั้งหมด เพื่อให้ผู้โดยสารเดินทางได้อย่างราบรื่นและไม่ยุ่งยาก โดยไม่จำเป็นต้องตรวจเอกสารซ้ำให้เสียเวลาในการรอคิว, สะพานลอยฟ้าซึ่งมีความยาว 200 เมตร และเป็นสะพานเทียบเครื่องบินที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งเปิดใช้งานแล้วเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ของสนามบินที่มาพร้อมทิวทัศน์อันสวยงาม ที่นักเดินทางจะได้เก็บความประทับใจทุกย่างก้าวที่ได้เดินเข้าสู่ภายในสนามบิน นอกจากนี้ในโซนช้อปปิ้งสุดหรูที่อาคารผู้โดยสาร 1 ได้ปรับปรุงใหม่ ซึ่งมีร้านค้าแบรนด์หรูกว่า 40 ร้านค้า พร้อม 3 ร้านดูเพล็กซ์ชื่อดังอย่าง Chanel, Louis Vuitton และ Hermes ซึ่งเปิดให้บริการผู้โดยสารทั่วโลกแล้ว ทั้งนี้เราสนับสนุนให้มีกิจกรรมสำหรับนักเดินทางในประเทศไทยและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เข้าร่วมและรับตั๋วเครื่องบิน เพื่อรับประสบการณ์การเดินทางสู่ฮ่องกงก่อนใคร” นางวิเวียน กล่าว

ตั๋วเครื่องบินที่แจกในแคมเปญ “World of Winners” เป็นตั๋วเครื่องบินไป-กลับชั้นประหยัดทั้งหมด ผู้เดินทางที่ได้รับตั๋วฟรีนี้ ยังจะได้รับข้อเสนอและสิทธิพิเศษจากพันธมิตรทางธุรกิจของ AAHK มากมายสำหรับที่พักในโรงแรม การช้อปปิ้ง และความบันเทิงต่าง ๆ ในฮ่องกงอีกด้วย

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการในการช่วยเหลือ ในด้านอุตสาหกรรมการบินของฮ่องกงในช่วงที่เกิดโรคระบาดนั้น เมื่อปี 2563 ทางท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ได้ช่วยเหลือสายการบินภายในฮ่องกง โดยสนับสนุนตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า เพื่อวางแผนที่จะนำตั๋วเครื่องบินดังกล่าวมาใช้ในการส่งเสริมและฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังจากโรคระบาดลดลง

สนามบินนานาชาติฮ่องกง (HKIA) ถือเป็นหนึ่งในสนามบินที่มีผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออกพลุกพล่านที่สุดในโลก โดยมีการเชื่อมต่อกับจุดหมายปลายทางกว่า 220 แห่งทั่วโลก มีสายการบินกว่า 120 สาย นอกจากนี้สนามบินนานาชาติฮ่องกงยังมีการเชื่อมต่อกับ GBA (Greater Bay Area) ในจีนแผ่นดินใหญ่อย่างสะดวกสบาย โดยผ่านการขนส่งทางบกและทางทะเลอีกด้วย





Share:

ISMED จัดงานครบ 24 ปี ตอบโจทย์ใหญ่ประเทศไทย พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรกว่า 100 หน่วยงาน มุ่งพัฒนายกระดับ SMEs ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ISMED ประกาศเดินหน้าสู่บทบาทตามเจตนารมณ์การจัดตั้งให้เป็น “องค์กรระดับชาติ” ร่วมกับหน่วยงานต่างๆทั้งในและต่างประเทศพัฒนาศักยภาพ SMEs สู่ Sustainable Growth ด้วยองค์ความรู้ที่ทันสมัยผ่าน “ISMED SME Academy” พร้อมการเชื่อมโยงเครือข่ายคุณภาพที่มีผลต่อการยกระดับ SMEs ตั้งเป้าเป็น “ISMED Growth Community “ และการเป็นกลไกหลักที่สำคัญให้ประเทศสามารถขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์ ดำเนินโครงการ กิจกรรมต่างๆที่มีผลต่อความยั่งยืนของ SMEs ด้วยความเชี่ยวชาญ ความรู้ความสามารถของบุคลากร ISMED ที่บ่มเพาะมากว่า 24 ปี และเครือข่ายที่ปรึกษามากกว่า 1,000 ราย ทั่วประเทศ

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 นายนราวิทย์ เปาอินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม หรือ ISMED ซึ่งเป็นสถาบันเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม จัดงาน ISMED Growing Up Forum 2023 “New Move to Next Normal: ฉายภาพอนาคตการเติบโตอย่างยั่งยืนของ SMEs ไทย สู่ยุคต่อไปที่ไม่มีวันเหมือนเดิม” ฉลองการสถาปนา ISMED และการให้บริการ การพัฒนายกระดับ SMEs มากว่า 24 ปี โดยได้รับเกียรติจากนายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พร้อมด้วยคณะกรรมการสถาบันฯ และพันธมิตรหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานระหว่างประเทศ หน่วยงานเอกชน สถาบันทางการเงิน สถาบันทางการศึกษา องค์กร สมาคม ชมรม สื่อมวลชน กว่า 100 หน่วยงาน ร่วมแสดงความยินดี ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค แกรนด์ ฮอลล์ อาคารเวสต์ กรุงเทพฯ และร่วมสนับสนุนแนวทางการพัฒนา SMEs ไปสู่ “การเติบโตอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป็นแนวทางการขับเคลื่อนที่ทั่วโลกให้การยอมรับ 

“หลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา มี SMEs หลายรายที่อยู่รอด แต่ก็มีหลายรายที่ได้รับผลกระทบจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ SMEs จะต้องปรับตัวอย่างมากในอนาคต ทาง ISMED ได้ตระหนักถึงผลกระทบนี้ และเห็นว่า “ความยั่งยืน” จะเป็นแนวทางที่ตอบโจทย์ใหญ่ของประเทศในการพัฒนา SMEs ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายหลักของหน่วยงานระดับชาติ และเทรนด์เวทีการค้าระดับโลก ดังนั้นในโอกาสครบ 24 ปี การสถาปนา ผู้บริหารและบุคลากรของ ISMED จึงร่วมกับผู้ให้การสนับสนุนมากกว่า 18 หน่วยงาน จัดงาน ISMED Growing Up Forum 2023 ขึ้น เพื่อเป็นผนึกกำลังของหน่วยงานต่างๆทุกภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนา SMEs ให้เกิดเป็นเครือข่ายที่มีคุณภาพ ทั้งเป็นการให้ความรู้ที่สำคัญเกี่ยวกับแนวคิด แนวทางการขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของ SMEs จาก Keynote Specker ชั้นนำระดับประเทศ รวมถึงเป็นการเปิดตัว ISMED SME Academy ที่มีกว่า 50 หลักสูตร ครอบคลุมทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ ไว้บริการ SMEs ที่สำคัญเป็นโอกาสที่ ISMED จะได้แสดงความขอบคุณบุคลากรที่ปฏิบัติงานพัฒนา SMEs ให้กับ ISMED มายาวนานมากกว่า 15 ปี และ 20 ปี อีกด้วย” นายนราวิทย์ ผอ.ISMED กล่าว 

การจัดงาน ISMED Growing Up Forum 2023 มีการออกบูธแนะนำ ISMED SME Academy บูธของสถาบันทางการเงิน บูธของภาคเอกชนที่มาให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ต่างๆแก่ SMEs บูธของ True Digital Park และ True Space ที่มาแนะนำเครื่องมือและพื้นที่สุดชิคที่จะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของ SMEs รวมถึงบูธของ SMEs ที่มีการเติบโตจนน่าจับตามอง มีกิจกรรมบนเวทีเล็กที่ ISMED ได้เชิญ Keynote Specker ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับแนวหน้า มาพูดคุยให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้กับ SMEs 

ในช่วงท้าย ได้รับเกียรติจากนายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการจัดตั้ง ISMED เป็นประธานมอบเกียรติบัตร และโล่เกียรติคุณแก่บุคลากร และผู้สนับสนุนการจัดงาน

ก่อนจบงาน ISMED ได้มอบรางวัลพิเศษจากพันธมิตรแก่ผู้โชคดีภายในงาน ประกอบด้วย ตั๋วเครื่องบินจากสายการบินบางกอกแอร์เวย์เส้นทางกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ - ภูเก็ต Gift Voucher จาก The Image Signature Academy Gift Voucher จาก ISMED SME Academy บัตรที่พักจากโรงแรมศุภาลัย ป่าสัก รีสอร์ท แอนด์ สปา บัตรที่พักและห้องอาหารจากโรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพ และแหวนเพชรจากผู้ถือลิขสิทธิ์การประกวด Miss & Mister Supranational Thailand 2023 นับเป็นการสร้างสีสันภายในงานอย่างมาก

ISMED จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2542 โดยคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบการจัดตั้งขึ้น ในฐานะขององค์กรอิสระบริหารงานภายใต้มูลนิธิ เพื่อความคล่องตัว เป็นกลไกสำคัญของประเทศต่อการพัฒนา SMEs และเพื่อสามารถเป็นองค์กรที่พึ่งพาตนเองได้ ผ่านการเป็นหน่วยร่วมดำเนินงานกับหน่วยงานต่างๆ โดยตลอดระยะเวลา 24 ปีที่ผ่านมา ISMED ได้เติมเต็มความรู้ให้ SMEs ด้วยจิตวิญญาณของการให้ มีความรับผิดชอบสูง เป็นสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือของกระทรวงอุตสาหกรรม สามารถทำงานเชื่อมโยงกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน มากกว่า 30 หน่วยงาน มี SMEs เข้ารับการพัฒนามากกว่า 550,000 ราย ภายใต้โครงการมากกว่า 600 โครงการ นับเป็น DNA สำคัญ ต่อการดำรงอยู่อย่างมีคุณค่าของ ISMED 

ปัจจุบัน ISMED มีภารกิจสำคัญต่อการพัฒนา SMEs นับตั้งแต่การวางพื้นฐานทางธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ การพัฒนาศักยภาพด้วยการจัดการองค์ความรู้ การให้บริการคำปรึกษาแนะนำ สู่การเพิ่มมูลค่าผลผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ การเสริมแกร่งให้ SMEs ด้วยการพัฒนาสมรรถนะธุรกิจจากงานการศึกษาวิจัย ให้ SMEs เข้าถึงโอกาสทางแหล่งทุน และโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงการเป็นหน่วยงานเชื่อมโยงธุรกิจของ SMEs ก่อเกิดเป็นองค์วามรู้และการสร้างเครื่องมือที่ ISMED ทะลายกำแพงให้ SMEs ก้าวหน้าไปสู่โลกกว้างและเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการริเริ่มดำเนินโครงการต่างๆ การร่วมบริหารโครงการ กิจกรรมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน สอดรับกับนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ MIND ใช้หัวและใจ ติดปีกภาคธุรกิจ มุ่งอุตสาหกรรมวิถีใหม่ ภายใต้แนวคิด “อุตสาหกรรมดี อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน” 

“ปี 2566 เพื่อให้เกิดความยั่งยืนที่แท้จริง ISMED ได้เตรียมบริการด้านองค์ความรู้ ด้วยการก่อตั้ง ISMED SME Academy ขึ้น มีองค์ความรู้กว่า 50 หลักสูตรที่พร้อมจะให้บริการกับ SMEs พร้อมการสร้างเครือข่าย ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่จะก่อให้เกิดความยั่งยืนแก่ธุรกิจได้ โดย SMEs ที่สนใจสามารถสอบถามเข้ามาได้ตามช่องทางต่างๆ ทั้งทาง www.ismed.or.th ทาง Line Official Account: @ISMED หรือทาง Facebook Fanpage: ISMED เรายินดีและมีความพร้อมให้บริการอย่างเต็มที่” นายนราวิทย์ ผอ.ISMED กล่าวเชิญชวน

ทั้งนี้ การจัดงาน ISMED Growing Up Forum 2023 ทาง ISMED ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆที่ร่วมพัฒนา SMEs ประกอบด้วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัท พีเพิ่ลฟาร์ม จำกัด บริษัท ทรู ดิจิทัล พาร์ค จำกัด บริษัท ทรูสเปซ จำกัด บริษัท ดาต้าเซฟ จำกัด The Image Signature Academy โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพ โรมแรมศุภาลัย ป่าสัก รีสอร์ท แอนด์ สปา 

ข้อมูลเพิ่มเติม นายหฤษฎ์ เรืองหฤษฎ์ ผู้เชี่ยวชาญพัฒนา SMEs สำนักผู้อำนวยการ โทรศัพท์ 0 – 2105 – 4778 ต่อ 8002 , 09 – 8359 – 5100




Share:

เปิดตัว ‘Cosmic Crisp®’ แอปเปิลสายพันธุ์ใหม่ จากแบรนด์วอชิงตันแอปเปิล USA​ ​​สุดยอดสายพันธุ์ ลิขสิทธิ์เฉพาะรัฐวอชิงตัน ที่ผ่านการศึกษา และวิจัยนานกว่า 20 ปี

วอชิงตันแอปเปิลคอมมิชชั่น จับมือกับวัชมนฟู้ด และโลตัส ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นครั้งแรก ในการนำเข้า และจำหน่าย ‘Cosmic Crisp®’ แอปเปิลสายพันธุ์ใหม่จากรัฐวอชิงตัน USA ซึ่งได้มีงานเปิดตัวขึ้น ณ โลตัส รามอินทรา โดยมี Mr. Eric S. Mullis USDA Agricultural Attaché  ผู้ช่วยที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา สถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นประธานในงาน โดยมี คุณธีรวี อังกุวรกุล ตัวแทนวอชิงตันแอปเปิลคอมมิชชั่น ประจำประเทศไทย, คุณภาวิน จียาศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วัชมนฟู้ด จำกัด, คุณกันต์ วิทิตปภาธำรง  ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์อาหารสด  Lotus’s, คุณวนิดา ดอกกุหลาบ รองอันดับ 2 นางสาวไทย ปี 2565 และ คุณกชเบล  ศรัณย์รัชต์ เผือกพิพัฒน์ นักแสดง เน็ตไอดอล-พิธีกร ให้เกียรติร่วมงานด้วย

Mr. Eric S. Mullis USDA Agricultural Attaché ผู้ช่วยที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา สถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า  “วอชิงตันแอปเปิล”  เป็นแอปเปิลยืนหนึ่งเรื่องคุณภาพ ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไทยมากว่า 60 ปี ภายใต้มาตรฐาน USDA ทำให้แบรนด์วอชิงตันแอปเปิล สร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคทั่วโลก ในเรื่องคุณภาพ และความปลอดภัย รวมถึงข้อได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ ทั้งดิน น้ำ อากาศ ที่มีความลงตัวที่สุด  ทำให้รัฐวอชิงตัน USA เป็นแหล่งปลูกแอปเปิลที่ดีที่สุดในโลก  ผนวกกับความเชี่ยวชาญของเกษตรกรที่ส่งต่อกันจากรุ่นถึงรุ่น และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงทันยุค ทันสมัย ในการตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอน เพื่อให้แอปเปิลคงรสชาติความอร่อยและอยู่ได้นาน  โดยเฉพาะ Cosmic Crisp® สายพันธุ์ใหม่ล่าสุด ทำให้แอปเปิลจากรัฐวอชิงตันมีรสชาติอร่อยที่แตกต่าง และมีคุณภาพสูง ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคทั่วโลก

นางสาวธีรวี อังกุวรกุล ตัวแทนวอชิงตันแอปเปิลคอมมิชชั่น ประจำประเทศไทย  (Washington Apple Commission – Thailand) กล่าวว่า เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดแอปเปิลนำเข้า และเพื่อตอบรับเทรนด์สุขภาพ และไลฟ์ไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ชอบสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ หรือกำลังมองหาแอปเปิลรสชาติใหม่ๆ ที่แตกต่างจากแอปเปิลดั้งเดิม จึงขอแนะนำแอปเปิลสายพันธุ์ใหม่ล่าสุด Cosmic Crisp® จากวอชิงตันแอปเปิล USA เกิดจากการศึกษา และการวิจัย ในโปรแกรมการเพาะพันธุ์ผลไม้ระดับโลก ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา (Washington State University, Apple Breeding Program) โดยใช้เวลาศึกษาถึง 20 ปี จึงเป็นสายพันธุ์ที่ได้ลิขสิทธิ์ปลูกเฉพาะในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาเท่านั้น สายพันธุ์ Cosmic Crisp® เป็นแอปเปิลที่ปลูกด้วยวิธีธรรมชาติ โดยไม่มีการตัดต่อพันธุกรรม (non-GMO) เป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์ 'Enterprise' และ 'Honeycrisp' จึงมีรสชาติและความกรอบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีความสมดุลตามธรรมชาติของกรด และน้ำตาล ทำให้แอปเปิลมีรสชาติหวานซ่อนเปรี้ยวที่ปลายลิ้น  เนื้อสัมผัสกรอบแน่น ฉ่ำชื่นใจ และมีจุดเด่นที่สำคัญคือเนื้อแอปเปิลจะไม่เปลี่ยนเป็นสีคล้ำเมื่อหั่นไว้หลายชั่วโมง  และยิ่งเก็บยิ่งให้รสชาติที่หวานขึ้น  มีขนาดผลกลมใหญ่ และมีผิวสีแดงเข้ม สดใส มีจุดเล็กๆ เหมือนดวงดาวกระจ่างในท้องฟ้ายามค่ำคืน จึงได้ชื่อว่า “Cosmic Crisp®” มีจำหน่ายครั้งแรกที่ โลตัสทั่วประเทศ และจะมีจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ และร้านผลไม้ทั่วประเทศต่อไป 

นายภาวิน จียาศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วัชมนฟู้ด จำกัด ผู้นำเข้าแอปเปิลสายพันธุ์ Cosmic Crisp® กล่าวว่า วัชมนฟู้ด เป็นบริษัทนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศรายใหญ่ของไทย และนำเข้ามาอย่างยาวนาน การนำเข้าแอปเปิลสายพันธุ์ Cosmic Crisp® ของวอชิงตันแอปเปิล  นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราได้เปิดศักราชใหม่ ด้วยการนำผลไม้ชั้นนำและคุณภาพชั้นเยี่ยมมาสู่ประเทศไทย มีความเชื่อมั่นว่า แอปเปิล Cosmic Crisp® จะเป็นสายพันธุ์ Hero ให้กับบริษัท เป็นสุดยอดผลไม้ที่สร้างความประทับให้กับผู้บริโภคชาวไทย ขอบคุณวอชิงตันแอปเปิลที่ได้สร้างสรรค์แอปเปิลคุณภาพสูง ซึ่งเป็นผลไม้ดีๆ ออกมาเป็นทางเลือกที่ดีให้แก่ผู้บริโภค และขอบคุณโสตัสที่เป็นช่องทางหลักในการให้เราได้จัดจำหน่าย เชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

นายกันต์ วิทิตปภาธำรง  ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์อาหารสด ห้างสรรพสินค้า Lotus’s กล่าวถึงช่องทางการจำหน่ายว่า  Cosmic Crisp® ถือว่า เป็นแอปเปิลสายพันธุ์ใหม่ที่มีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่คิดค้นสายพันธุ์กระทั่งออกสู่ตลาดถึงมือผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้รักสุขภาพที่กลายเป็นไลฟ์สไตล์ไปแล้วที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ  นับว่าคุ้มค่ากับการรอคอยนานถึง 20 ปี  เราเชื่อมั่นและพร้อมมากในช่องทางการจัดจำหน่าย โดยโลตัสมีกว่า 2,000 สาขา ทั่วประเทศ ทั้งไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต และ มินิซูเปอร์มาร์เก็ตหรือโฮมเฟรช ช่วงแรกจะนำ Cosmic Crisp® นำร่องไปยัง 50 กว่าสาขาในย่านคนเมืองและย่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ รวมถึงช่องทางออนไลน์ ก่อนที่จะขยายสาขาในการจัดหน่ายต่อ ๆ ไป เชื่อมั่นว่าในยุคนี้เป็นยุคที่ผู้บริโภคเปลี่ยนเทรนด์จากซื้อสินค้าราคาถูกเป็นซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ Cosmic Crisp® นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคเทรนด์ผลไม้เพื่อสุขภาพ


ติดตามสาระสุขภาพ และ ข่าวสารของวอชิงตันแอปเปิลประเทศไทยได้ที่

Website: https://waapple.org/th 

Facebook & Instagram: Washington Apple Thailand  

YouTube: https://www.youtube.com/@WashingtonAppleTH

Share:

Rado True Square Limited Edition III แ​ด่ช่วงเวลาอันน่าจดจำของผู้หญิงทุกคน

นาฬิการะดับไอคอนิกของ Rado กลับมาอีกครั้งในรูปโฉมที่ดูอ่อนหวาน ทว่าทรงพลัง สะท้อนภาพสาวเก่งยุคใหม่ในสังคม ว่านี่คือช่วงเวลาของผู้หญิงทุกคนอย่างแท้จริง ที่จะลุกขึ้นมาสร้างช่วงเวลาอันน่าจดจำของตัวเอง เหมือนดังตัวตนของ Ash Barty ผู้ร่วมออกแบบคอลเล็กชั่นนี้ 

ย้อนเวลากลับไปเมื่อปีค.ศ.2022 ถ้าพูดถึงโลกของเทนนิส ไม่มีใครไม่รู้จัก Ash Barty ผู้คว้าแชมป์ออสเตรเลียนโอเพนคนล่าสุดแน่นอน ซึ่งหลังจากคว้าแชมป์ไม่นาน เสียงชื่นชมยินดียังไม่ทันเบาบางลง เธอก็ตัดสินใจแขวนแร็กเก็ต ทั้งที่ยังครองตำแหน่งมือ 1 ของโลกอยู่ Ash Barty เล่าให้ Rado ฟังถึงจุดเปลี่ยนใหญ่ในชีวิตครั้งนี้ว่า “การตัดสินใจหันหลังให้เทนนิสอาจเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นสำหรับหลายคน แต่สำหรับฉัน ฉันมองเห็นโอกาสมากมายที่รอยู่” 

แล้วโอกาสแรกของ Ash Barty ก็มาถึง เมื่อ Rado ชวนเธอมาร่วมสร้างสรรค์นาฬิกา True Square Limited Edition III โดยหยิบนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ.1976 มาตีความใหม่ในสไตล์ของหญิงสาวผู้อ่อนหวาน ทว่าแข็งแกร่ง และประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่ง Ash Barty เลือกใช้ตัวเรือนไฮเทคเซรามิกสีชมพูอ่อนๆ สีเดียวกับสายหนัง หน้าปัดทำจากเปลือกหอยมุกสีขาว ด้านบนเจาะวงกลมเล็กๆ พอเป็นลูกเล่นให้มองเห็นกลไกด้านใน เขยิบลงมาบริเวณหน้าปัดด้านล่าง Ash Barty ฝังลูกเทนนิสจิ๋วสีโรสโกลด์ไว้ พร้อมสลักคำที่ใช้ในการแข่งขันเทนนิส 3 คำ คือ Jeu, Set และ Match เพราะแม้เธอจะยุติบทบาทในโลกเทนนิสแล้ว แต่ 3 คำนี้ก็ยังเป็นเหมือนคำที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจในการพาให้ชีวิตเธอประสบความสำเร็จมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเธอกล่าวไว้ว่า “งานนี้เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจให้ฉันมีความสุขไปกับทุกๆ โมเมนต์ของการเดินทางในชีวิต แล้วฉันก็หวังว่า ทุกคนจะสัมผัสได้ถึงความสุขผ่านนาฬิกาเรือนนี้เหมือนกับฉัน” 

นอกจากดีไซน์ที่สะท้อนความเก่งของผู้หญิงออกมาอย่างงดงามอ่อนหวานแล้ว Rado ยังนำคุณสมบัติและเทคโนโลยีชั้นเยี่ยมประจำแบรนด์มาหลอมรวมกับดีไซน์สวยๆ ด้วย ไล่ตั้งแต่ตัวเรือนแบบโครงสร้างชิ้นเดียวทำจากไฮเทคเซรามิกที่ป้องกันรอยขีดข่วนได้จริง ด้านในใช้กลไกการเดินคุณภาพสูงอย่างคาลิเบอร์ R734 สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง มาพร้อม NivachronTM แฮร์สปริงป้องกันสนามแม่เหล็กช่วยให้นาฬิกาบอกเวลาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งระบบอุตสาหกรรมกำหนดให้นาฬิกาต้องผ่านการทดสอบใน 3 ตำแหน่ง แต่ Rado ทดสอบผ่านถึง 5 ตำแหน่ง ขณะที่ผิวหน้าปัดซึ่งเป็นคริสตัลแซฟไฟร์มีการเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน เข็มนาฬิกาสีโรสโกลด์เคลือบ Super-LumiNova® สีขาว ช่วยให้มองเห็นช่วงเวลาดีๆ ได้ แม้ในยามแสงน้อย 

Rado True Square Limited Edition III เรือนนี้จึงถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งให้นาฬิการะดับตำนานของแบรนด์ ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และความกล้าหาญในการหยิบความคลาสสิกมาดัดแปลงให้เกิดเป็นช่วงเวลาใหม่ๆ อันน่าตื่นเต้นของสาวๆ ทุกคน

ร่วมสัมผัสความสุข Ash Barty สัมผัสพลังความแข็งแกร่งของผู้หญิง และช่วงเวลาอันน่าจดจำได้แล้ววันนี้ กับ Rado True Square Limited Edition III

Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก