บำรุงราษฎร์ ชูศักยภาพ ‘Eye Excellence Center’ และมิติการทำงานแบบไร้รอยต่อ รวดเร็ว ปลอดภัย ครบวงจร ตอบโจทย์ทุกปัญหาความซับซ้อนโรคของดวงตา

‘ดวงตา’ เป็นอวัยวะที่มีความซับซ้อนที่ควรใส่ใจดูแล เพราะบางครั้งอาจตรวจพบโรคอื่นซ่อนอยู่ การที่โรงพยาบาลมีจักษุแพทย์ชำนาญการในแต่ละด้าน (Sub-specialties) รวมถึงแพทย์เฉพาะทางครบทุกสาขาในสถานที่ให้บริการเดียวกันได้อย่างครบวงจร และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ พร้อมมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

องค์การอนามัยโลก (WHO)
รายงานว่าทั่วโลกพบประชากร 2.2 พันล้านคนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น ซึ่งในจำนวนนี้กว่า 50% เป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้หรือยังไม่ได้รับการแก้ไข ขณะที่ในปี 2563 มีประชากร 1.1 พันล้านคนสูญเสียการมองเห็น โดยคาดการณ์ว่าในอีก 30 ปีข้างหน้า จะมีผู้ที่สูญเสียการมองเห็นเพิ่มขึ้นอีก 600 ล้านคน เป็น 1.7 พันล้านคน

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า ปัญหาเกี่ยวกับ ‘ดวงตา’ เป็นเรื่องใกล้ตัวซึ่งมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้ตระหนักถึงปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพตาดังกล่าว จึงได้จัดงานแถลงข่าว Eye Excellence Center ขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพดวงตาและการป้องกันก่อนเกิดโรค เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญและซับซ้อน จึงจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้การดูแลเพื่อรักษาไว้ซึ่งการมองเห็นที่ดีตามช่วงวัยที่เหมาะสม

โดยศูนย์จักษุ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีความพร้อมในการดูแลรักษาทุกโรคเกี่ยวกับดวงตาในทุกช่วงวัย ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มอาการทั่วไปจนถึงกลุ่มอาการที่มีความซับซ้อน รวมถึงผู้ที่ประสบอุบัติเหตุฉุกเฉินและกระทบต่อใบหน้าหรือดวงตาอย่างรุนแรง โดยมีจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการในแต่ละด้าน (Sub-specialties) เช่น จักษุแพทย์เฉพาะทางโรคกระจกตา โรคของจอตา โรคของกล้ามเนื้อตา เนื้อเยื่อรอบดวงตาและเบ้าตา และในกรณีที่มีความซับซ้อนของโรคอื่นร่วมด้วย จักษุแพทย์จะให้การรักษาร่วมกันกับทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางศูนย์อื่นๆ เช่น แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม, แพทย์ผู้ชำนาญการด้านประสาทวิทยา ทีมเภสัชกรและทีมสหสาขาวิชาชีพ ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยสำหรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งทั้งหมดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์การรักษามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

พญ. เมทินี ศิริมหาราช หัวหน้าศูนย์จักษุและจักษุแพทย์เฉพาะทางโรคจอตาและน้ำวุ้นตา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า การที่คนเราจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนนั้น ทุกองค์ประกอบของดวงตามีความสำคัญ โดยเฉพาะ ‘จอตา หรือเรตินา’ ถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของดวงตา เพราะเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพในการมองเห็น ในภาวะที่จอตาปกติ แสงที่ผ่านเข้ามาแล้วหักเหผ่านกระจกตาและเลนส์ตาจะตกกระทบที่จอตาพอดี ทำให้ภาพที่มองเห็นมีความคมชัด ในทางกลับกัน หากป่วยเป็นโรคของจอตาหลาย ๆ โรคที่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้ เพราะจอประสาทตาเป็นอวัยวะที่เมื่อเสื่อมหรือเสียหายไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนใหม่ได้เหมือนกระจกตา โดยโรคของจอประสาทตาที่พบบ่อย ได้แก่ จอตาฉีกขาดหลุดลอก จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ เบาหวานขึ้นจอตาในผู้ป่วยเบาหวาน โรคจอประสาทตาเสื่อมจากพยาธิสภาพของจอตาเอง มักเป็นแต่กำเนิด เช่น จอประสาทตาบางกว่าปกติ มีรูขาด หลุดลอก หรือเสียหายจากภาวะสายตาสั้นมาก

พญ. ณัฐธิดา วงศ์วีระวัฒน์ จักษุแพทย์เฉพาะทางโรคกล้ามเนื้อตาและโรคตาในเด็ก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันยังมีผู้ปกครองที่ไม่ทราบว่าเด็กแรกเกิดก็อาจเกิดปัญหาเรื่องสายตาได้เช่นกัน โดยเฉพาะกรณีที่คุณแม่คลอดก่อนกำหนด 32 สัปดาห์ หรือน้ำหนักตัวลูก ไม่ถึง 1,500 กรัม เด็กในกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงที่การเจริญเติบโตของเส้นประสาท และเส้นเลือดในจอประสาทตาเกิดเป็นเส้นเลือดที่ผิดปกติ อาจทำให้มีเลือดออกที่จอประสาทตาหรือจอประสาทตาหลุดลอก หรือเป็นพังผืดได้ ซึ่งทางบำรุงราษฎร์ มีทีมแพทย์ชำนาญการในแผนกบำบัดพิเศษทารกแรกเกิด (NICU) หรือ กุมารแพทย์ที่ทำงานใกล้ชิดกับจักษุแพทย์จะมีการมอนิเตอร์และประเมินพัฒนาการในการมองเห็นและความเสี่ยงเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพราะหากไม่ได้รับการดูแลรักษาในช่วงเวลาที่กำหนด ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร 

กรณีคุณแม่ฝากครรภ์และคลอดบุตรที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ทางโรงพยาบาลฯ จะมีมาตรฐานการตรวจพัฒนาการด้านการมองเห็นของทารกหากพบปัญหาหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จะมีการปรึกษาแพทย์ชำนาญการด้านจอตาและจักษุแพทย์โรคตาเด็กแนวทางการรักษาในกรณีทารกมีโรคจอตาผิดปกติอันเกิดจากการคลอดก่อนกำหนดมีหลายวิธี เช่น การรักษาด้วยเลเซอร์ การฉีดยาเข้าไปยับยั้งการเจริญผิดปกติของเส้นเลือดในจอประสาทตา และการผ่าตัดจอประสาทตา นอกจากนี้ เด็กกลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะสายตาสั้น ตาเข ตาเหล่ตามมาภายหลังได้มากกว่าเด็กที่คลอดตามกำหนด จักษุแพทย์โรคตาเด็กจะรับช่วงดูแลต่อและมีการตรวจติดตามเป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดผลเสียต่อดวงตาของเด็กในระยะยาวหรือบรรเทาความรุนแรงหรือความซับซ้อนของโรคได้

พอเด็กโตขึ้นก็มักจะพบ ‘โรคสายตาสั้นในเด็ก’ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นและเปลี่ยนแปลงเร็วและพบในอายุที่น้อยลง เด็กบางรายสายตาสั้นตั้งแต่ขวบกว่า ส่วนหนึ่งมาจากเด็กที่คลอดก่อนกำหนด และมีเด็กหลายรายที่สายตาทั้งสองข้างสั้นไม่เท่ากันและมีค่าสายตาต่างกันมาก และมีความเสี่ยงโรคสายตาขี้เกียจ ปัจจุบันศูนย์จักษุ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีคลินิกสายตาสั้นในเด็ก ซึ่งมีจักษุแพทย์โรคตาเด็ก ที่จะให้การรักษาและแนะนำการยับยั้งหรือชะลอไม่ให้ค่าสายตาสั้นเพิ่มขึ้นเร็วตามแนวทางการแพทย์สากลในปัจจุบัน เพราะการที่สายตาสั้นไม่ใช่เพียงรอการแก้ไขด้วยเลสิคเท่านั้น แต่สายตาสั้นที่มากขึ้นจะมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงภายในตาและความเสี่ยงของโรคตา โดยเฉพาะโรคจอตาที่มากขึ้น ผู้ปกครองจึงควรให้ความสำคัญและพาบุตรหลานมาตรวจเช็คสุขภาพตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อหาแนวทางการป้องกันและรักษาเพื่อชะลอภาวะสายตาสั้นได้ โดยศูนย์จักษุได้มีการรักษาและการป้องกันโดยอ้างอิงจากงานวิจัยสากลเรื่องสายตาสั้นที่มีทั่วโลกในขณะนี้ เช่น การรักษาด้วยยา low- dose atropine eyedrops และเลนส์แว่นตาเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยชะลอสายตาสั้นในเด็ก โดยจักษุแพทย์ตาเด็กจะเป็นผู้ตรวจ ให้ข้อมูลแนะนำในแต่ละรายซึ่งมีความแตกต่างกันไป นอกจากนี้ โรงพยาบาลฯ ได้มีงานวิจัยต่อยอดที่ได้รับการยอมรับจากสากลเกี่ยวกับการการพัฒนายาหยอดตาในกลุ่มนี้ เพื่อให้คนไข้ได้รับประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด

ด้านของ พญ. ฐาริณี กุลกำม์ธร จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้ข้อมูลว่า ทุกวันนี้มีคนไข้หลายรายที่มาด้วยปัญหาสายตาสั้นและสายตาเอียง และต้องการแก้ไขด้วยรีเล็กสมายส์ (ReLEx SMILE) ซึ่งคนไข้มักจะคิดว่ามาตรวจแล้วสามารถรักษาได้ในวันเดียวกัน แต่อันที่จริงการรักษามีความละเอียดอ่อนมากกว่านั้น แพทย์ต้องประเมินอาการหรือสาเหตุของปัญหาที่อาจเกิดร่วมกันได้ บางรายมีความซับซ้อนมาก แพทย์ต้องประสานและปรึกษาร่วมกับแพทย์สาขาที่เกี่ยวข้อง แล้วจึงค่อยทำ ReLEx SMILE เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นสิ่งสำคัญ

ยกตัวอย่าง คนไข้มาด้วยอาการปวดศีรษะแบบไมเกรนมาเป็นเวลานานมาก ตรวจพบค่าสายตาสั้นและเอียง 1 ข้าง สายตายาวและเอียงอีก 1 ข้าง ซึ่งค่าแตกต่างกันมาก และพบตาเหล่อีกเล็กน้อย รายนี้ต้องปรึกษาร่วมกับแพทย์เฉพาะทางด้านกล้ามเนื้อตา เพื่อยืนยันมุมตาที่เหล่ร่วมกับการคำนวณค่าสายตาในการยิงค่าเลเซอร์ให้ได้ผลดีที่สุดสำหรับคนไข้ทั้งด้านการมองเห็น และไม่เกิดการกระตุ้นให้ตาเหล่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ป่วยอีกรายอยู่ในขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ซึ่งคนไข้ต้องการทำ ReLEx SMILE ก่อนฝังตัวอ่อน คืออยากแก้ไขปัญหาสายตาสั้นก่อนที่จะมีบุตร จึงปรึกษาร่วมกับแพทย์เฉพาะทางด้าน IVF ถึงกระบวนการรักษา IVF ของคนไข้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ที่อยากมองเห็นลูกน้อยได้อย่างชัดเจนในช่วงเวลาสำคัญที่เป็นความสุขของครอบครัว ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพการรักษาสูงสุด และได้ผลสรุปว่าสามารถทำ ReLEx SMILE ได้ก่อน เพราะขั้นตอนยังไม่ได้กระทบต่อการทำ IVF แล้วจากนั้นอีก 1 เดือนค่อยเก็บไข่คนไข้ และเข้าสู่กระบวนการทำ IVF ต่อไป

นพ. ณัฐวุฒิ วะน้ำค้าง จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้าง ด้านเปลือกตา ท่อน้ำตา และเบ้าตา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวเสริมว่า ศูนย์จักษุยังให้บริการครอบคลุมในด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างด้วย โดยแพทย์จะดูแลรักษาผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคเบ้าตาและศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา อาทิ ไทรอยด์ขึ้นตา ตาโปน ท่อน้ำตาอุดตัน หนังตาตก หนังตาม้วนเข้าใน/ม้วนออกนอก รวมถึงอุบัติเหตุทางตา เป็นต้น

ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยหลายรายที่ประสบอุบัติเหตุและกระทบต่อเบ้าตาอย่างรุนแรง ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกับทีมแพทย์สาขาอื่น ๆ ทั้งภายในศูนย์จักษุเอง รวมถึงแพทย์เฉพาะทางในแผนกอื่นๆ ยกตัวอย่างหญิงชาวยูเครนได้รับอุบัติเหตุจากมอเตอร์ไซค์พลิกคว่ำ หน้ากระแทกค่อนข้างรุนแรง จนใบหน้าหักทั้งหน้า ผู้ป่วยรายนี้ถือว่ามีความซับซ้อนและเป็นอีกรายที่ยาก ต้องมีการปรึกษาแพทย์ที่มีความชำนาญการสูงในหลายแขนง ทั้งจักษุแพทย์เฉพาะทางกล้ามเนื้อตา แพทย์ศัลยกรรมตกแต่งทางตา แพทย์ศัลยกรรมพลาสติก และต้องอาศัยทีมแพทย์ที่มีความชำนาญการและมีประสบการณ์สูงมาก โดยครั้งแรกเข้าผ่าตัดถึง 11 ชั่วโมง และดูแลรักษาต่อเนื่องอีกประมาณ 4-6 เดือน จากนั้นก็เข้ารักษากับจักษุแพทย์เฉพาะทางกล้ามเนื้อตา เพื่อผ่าตัดให้ตาตรง ปัจจุบันคนไข้รายนี้ มีใบหน้าและดวงตากลับมาใกล้เคียงปกติดี ส่วนอีกรายเป็นผู้ป่วยไทรอยด์ในผู้ใหญ่ มีปัญหาตาโปนมากจนตาใกล้จะบอด ทำให้ต้องรับการผ่าตัดแก้ไขเบ้าตา เปลือกตา ซึ่งต้อง consult แพทย์ชำนาญการที่เกี่ยวข้อง อาทิ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านต่อมไร้ท่อ, จักษุแพทย์ผู้ชำนาญการถึง 3 ด้าน (กล้ามเนื้อ, เส้นประสาทตา และแก้ไขเบ้าตา เปลือกตา), แพทย์ผู้ชำนาญการด้านรังสีวิทยาเพื่อการฉายแสงและการให้ยาชีววัตถุร่วมด้วย ซึ่งจะช่วยให้ตาที่โปนยุบได้ ซึ่งผู้ป่วยไทรอยด์ส่วนใหญ่จำเป็นต้องได้รับการติดตามอาการอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี จนกว่าโรคจะสงบ

รศ. พญ. งามจิตต์ เกษตรสุวรรณ ประธานชมรมกระจกตาและการแก้ไขสายตาแห่งประเทศไทย และจักษุแพทย์เฉพาะทางโรคกระจกตา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์  ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการที่บำรุงราษฎร์สามารถให้บริการปลูกถ่ายกระจกตาได้ ถือเป็นอีกบทพิสูจน์ถึงความพร้อมในทุกมิติของศูนย์จักษุ เพราะก่อนที่คนไข้จะปลูกถ่ายกระจกตาได้นั้น แพทย์ต้องมีการซักประวัติและตรวจสุขภาพผู้ป่วยอย่างละเอียด ตรวจสุขภาพตาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนปลูกถ่ายกระจกตา เช่น ต้องดูว่ามีภาวะต้อหิน ดูประสาทตาและจอตา ความดันลูกตา มีตาแดง มีการติดเชื้อหรือไม่ ต้องเตรียมสภาพผิวตาให้มีความพร้อมที่จะปลูกถ่ายกระจกตา เนื่องจากการอักเสบต่าง ๆ จะกระตุ้นให้เกิดการต่อต้านของเนื้อเยื่อได้ ซึ่งต้องอาศัยการทำงานที่สอดประสานกันของจักษุแพทย์เกือบทุกแขนง และต้องปรึกษาร่วมกันในแต่ละรายว่าสามารถผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาได้หรือไม่ ที่สำคัญ บำรุงราษฎร์มีการทำงานร่วมกับศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย และศูนย์ดวงตานำเข้าจากต่างประเทศที่ได้การรับรองมาตรฐานขั้นสูง โดยมีการตรวจสอบคุณภาพกระจกตาที่จะนำมาเปลี่ยนให้กับผู้ป่วย มีความใส คุณภาพดี ไม่มีโรคที่อาจเกิดขึ้นกับดวงตาภายหลังการผ่าตัด

ศูนย์จักษุ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สามารถทำการรักษาโรคกระจกตาเสื่อมและต้อกระจกได้ในการผ่าตัดครั้งเดียวกัน ซึ่งผู้ป่วยลักษณะนี้ถ้าทำการรักษาแบบผู้ป่วยต้อกระจกทั่วไป อาจจะทำให้กระจกตาเสียได้ ดังนั้น ก่อนการรักษาแพทย์จะวางแผนร่วมกันและวิเคราะห์ผู้ป่วยแต่ละรายว่าเหมาะสมกับการรักษาพร้อมกันหรือไม่ โดยแพทย์จะอธิบายถึงวิธีการรักษาและให้ผู้ป่วยเป็นผู้ตัดสินใจว่าต้องการรักษาแบบใด ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชนเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถทำหัตถการได้พร้อมกันถึง 2 โรค ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญการและประสบการณ์ของแพทย์อย่างมาก ทั้งนี้แพทย์แต่ละแขนงต้องทำงานร่วมกันได้แบบไร้รอยต่อจริงๆ

พญ. เมทินี ศิริมหาราช หัวหน้าศูนย์จักษุและจักษุแพทย์เฉพาะทางโรคจอตาและน้ำวุ้นตา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวปิดท้ายว่า ทุกวันนี้ ต้องยอมรับว่าแพทย์ไทยเก่งและมีความสามารถมาก แต่สิ่งที่จะทำให้วงการแพทย์พัฒนาก้าวไปไกลมากขึ้น คือ การหยิบเอาความรู้ความชำนาญการของแพทย์แต่ละท่าน รวมถึงจุดแข็งของแพทย์ในแต่ละสาขามาไว้รวมกันและทำงานร่วมกันได้ ซึ่งจะทำให้กระบวนการการรักษาเกิดประสิทธิภาพและผลลัพธ์หลังการรักษาได้อย่างดีที่สุด ส่วนนี้จะช่วยเอื้อประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคยาก หรือโรคที่ซับซ้อน โดยสถิติการรักษาในปี 2565 ได้แสดงถึงอัตราความสำเร็จของการผ่าตัดเกี่ยวกับโรคตาโดยเฉลี่ยสูงกว่า 90% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานในระดับสากล สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมในทุกมิติของศูนย์จักษุ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

Share:

ไอซีเอส จุดนัดพบสายกิน อร่อยฟินแบบยกก๊วน กับ 4 ร้าน 4 สไตล์

เคยได้ยินไหมว่าความอร่อยคือนิพพาน เพราะการได้อิ่มเอมกับอาหารรสเลิศคือความสุขอย่างหนึ่งของชีวิตที่ทำให้จิตใจเบิกบาน และจะยิ่งสุขมากขึ้นไปอีกถ้าได้อร่อยแบบพร้อมหน้าครอบครัว แก๊งเพื่อน หรือทีมสนิท 

อยากชวนเหล่านักชิมและนักกินมาลิ้มลองความอร่อยกับ 4 ร้าน 4 สไตล์ ที่ตอบโจทย์ทุกก๊วน ถูกใจทุกแก๊ง ไม่ว่าจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปกินข้าวนอกบ้าน นัดเพื่อนไปจัดเต็มมื้อใหญ่ หรือยกออฟฟิศไปฉลอง ก็แบ่งปันความฟินกันได้แบบถ้วนหน้า เพราะมาที่เดียวมีให้เลือกครบทั้งชาบู สุกี้ ปิ้งย่าง แถมแต่ละร้านยังขึ้นชื่อว่าอร่อยขั้นเทพ รับประกันได้เลยว่าสายกินทั้งหลายจะต้องเพลินกับรสชาติและบรรยากาศจนลืมเวลากันเลยทีเดียว

“Katei Shabu” ชาบูสุกี้สไตล์คันไซ ยกญี่ปุ่นมาไว้ที่ไอซีเอส

ร้านดังจากพุทธมณฑลสาย 4 ที่ยกความอร่อยมาให้ชิมบนชั้น 4 ไอซีเอส กับเมนูชาบูและสุกี้น้ำดำแบบคันไซของญี่ปุ่น เน้นวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม โดยเฉพาะเนื้อชั้นดีที่มีให้เลือกหลากหลาย อาทิ เนื้อวากิวสันคอ วากิวพับนอก เนื้อใบพาย เสือร้องไห้ รวมถึงเมนูหมูสุดพิเศษที่ขนมาให้ชิมอย่างจุใจ ทั้งหมูดำคาโกชิม่าและหมูดำคุโรบูตะ จะสายเนื้อหรือสายหมูก็ฟินแน่นอน นอกจากนี้ยังมีซูชิ ซาชิมิ และข้าวหน้าต่าง ๆ ให้ได้ลิ้มลอง รวมถึงของหวานตามแพ็กเกจทั้งไอศกรีมฮาเกนดาส ไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟรสมัทฉะ และไอศกรีมนมฮอกไกโดที่เติมได้ไม่อั้น โดยราคาบุฟเฟต์มีให้เลือก 3 แบบ เริ่มต้นที่ Premium 699++ บาท Platinum 1,299++ บาท และ Prestige 1,699++ บาท

“เอี่ยวไถ่สุกี้โบราณ” ตำนานความอร่อยกับโฉมใหม่ ทันสมัยกว่าที่เคย

สุกี้โบราณขวัญใจทุกคนในครอบครัวกับรสเลิศที่เลื่องลือมานานตั้งแต่รุ่นอากงอาม่า สมสโลแกน “ตำนานสุกี้ 60 ปี ความอร่อยที่ไม่เคยเปลี่ยน” ไม่เพียงมีแต่สุกี้เท่านั้น เอี่ยวไถ่ยังเป็นต้นตำรับหมูกระทะปิ้งย่างเจ้าแรกในไทย ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เป็นที่รู้จักในชื่อว่า กระทะปิ้งเจงกิสข่าน สำหรับสาขาไอซีเอสนี้ยอมเปลี่ยนโฉมร้านเป็นครั้งแรกให้มีความทันสมัย สไตล์โมเดิร์นไชนีส เข้าถึงคนรักความอร่อยทุกรุ่นทุกวัย ส่วนเรื่องรสชาตินั้นยังคงเส้นคงวา โดยเฉพาะสุกี้โบราณสูตรจีนแต้จิ๋วที่มีความเด็ดดีตรงน้ำจิ้มผสมเต้าหู้ยี้ ให้รสละมุนคุ้นลิ้นรุ่นใหญ่ ถูกใจรุ่นเล็ก พร้อมหมูและเนื้อที่หมักกับเครื่องเทศจนนุ่ม เสิร์ฟในเครื่องสุกี้ที่มีส่วนผสมหลักอย่างเต้าเจี้ยว และซุปรสกลมกล่อมเหมาะแก่การล้อมวงแบ่งปันความอร่อยเป็นที่สุด แถมยังมีอาหารไทยและจีนให้ได้ชิมอีกกว่า 300 เมนู แนะนำว่ามาสาขานี้ไม่ควรพลาด เส้นใหญ่ทอดกรอบผัดกระเพรา เพราะเป็นเมนูพิเศษเฉพาะสาขาไอซีเอสและสาขานวมินทร์เท่านั้น 

“You & I Premium Suki Buffet” บุฟเฟต์ขวัญใจคนรักสุกี้ชาบู

เอ่ยชื่อ You & I ใครชอบสุกี้ชาบูต้องร้องว้าว เพราะยืนหยัดเป็นร้านสุกี้บุฟเฟ่ต์อันดับหนึ่งในใจหลายคนมานาน ด้วยมาตรฐานระดับพรีเมี่ยมที่คัดสรรแต่วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมมาให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวากิวเกรดพิเศษ หมูคุโรบุตะนุ่มลิ้น กุ้งแชบ๊วยเนื้อแน่น พร้อมทัพของอร่อยที่ขนมาทั้งปลาไหลย่างซีอิ๊ว คานิมิโซะ หอยนางรม ปลาแซลมอน หอยเชลล์ ไข่ปลาหมึก ฯลฯ เข้ากันดีกับน้ำซุปและชุดผักจัดเต็ม และที่เพลินสุด ๆ คือของหวานกับไอศกรีมฮาเก้นดาสไม่อั้น รวมถึงผลไม้ พานาคอตต้า ไอศกรีมโฮมเมด และอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยราคาที่เลือกได้แบบ Standard Buffet 498+ บาท Premium Buffet 698+ บาท Super Premium Buffet 898+ บาท และ Ultimate Buffet 1,398+ บาท ความพิเศษของสาขานี้คือพื้นที่กว้างขวาง มีโต๊ะนั่งแบบคู่และแบบกลุ่ม รวมถึงห้องส่วนตัว ทั้งยังตกแต่งร้านสวยด้วยศิลปะลายเส้นให้เพลินกับความอร่อยได้แบบไม่เบื่อ

“Happy Pig” ปิ้งย่างสไตล์เกาหลี ราคาน่ารัก รสชาติดีต่อใจ 

ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีแบรนด์น้องของ nice two Meat u สาขาแรกและสาขาเดียวในประเทศไทย เน้นเสิร์ฟอาหารแบบชุดเซ็ท ด้วยราคาเป็นมิตรเข้าถึงง่าย เริ่มต้นเพียง 299 บาท แต่คัดสรรวัตถุดิบชั้นดีมีคุณภาพ โดยเฉพาะเนื้อหมูที่สดใหม่ สะอาด มาพร้อมเครื่องเคียงรสชาติดี และน้ำจิ้มสูตรเด็ดหลากหลายสูตร ให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับการปิ้งย่าง ห่อผักแบ่งปันกันอย่างสนุกสนาน แถมยังมีเมนูอาหารเกาหลีที่ปรับรสให้ถูกปากคนไทย ไม่ว่าจะเป็นผัดวุ้นเส้น เนื้อบุลโกกิกระทะร้อน ข้าวผัดกิมจิ ข้าวผัดมันเนื้อ ฯลฯ และเมนูดองซีอิ๊วรสชาติเข้มข้นเหมือนต้นตำรับ คนรักเกาหลีมาร้านนี้ต้องแฮปปี้แน่นอน

อยากอร่อยฟินแบบยกก๊วนชวนกันไปที่ชั้น 4 ไอซีเอส ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์ แห่งใหม่ล่าสุดย่านธนบุรี ตรงข้ามไอคอนสยามได้เลย เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีทอง เชื่อมต่อจากสถานีเจริญนครเข้าไปชิมและช็อปได้ทันทีไม่ต้องเหนื่อย และนอกจาก 4 ร้านเด็ดนี้ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่รอให้ไปพิสูจน์ความอร่อยอีกมากมาย เรียกได้ว่าถ้าเป็นสายกินมาที่เดียวคือครบจบตั้งแต่มื้อเล็กจนถึงมื้อใหญ่ แถมพิกัดช็อปปิ้งอีกหลากหลายแบรนด์ดัง รับรองว่าถูกใจทุกคนในแก๊งแน่นอน

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1338 หรือ Facebook: ICS 

 #ICS #ไอซีเอส #ความสุขทุกวันที่ไอซีเอส #AlwaysAGoodDay

Share:

“แม็คกรุ๊ป” สนับสนุนอุปกรณ์การเรียนการสอน ฝึกทักษะและองค์ความรู้แก่นิสิต มศว ในแฟชั่นนิพนธ์ "FASH 22: Graduate Showcase" ปลุกความสร้างสรรค์คนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย

บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” หนึ่งในผู้ให้การสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนการสอน อบรมทักษะและองค์ความรู้แก่นิสิตสาขาวิชาแฟชั่น สิ่งทอ และเครื่องตกแต่ง วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ นำเสนอผลงานแฟชั่นนิพนธ์ "FASH 22 : Graduate Showcase" นิสิตให้ความสำคัญกับกระบวนการรีไซเคิล ด้วยการนำเศษผ้าและอุปกรณ์เหลือใช้จากแม็คยีนส์ นำเสนอผ่านคอลเลกชั่นที่ได้รับแรงบันดาลใจ และสวมใส่ได้จริง 

ในปีนี้มีผลงานแฟชั่นโชว์จากเหล่านิสิตสาขาวิชาแฟชั่น สิ่งทอ และเครื่องตกแต่ง วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จำนวน 34 คน นำเสนอผลงานในรูปแบบ 34 แบรนด์ 34 คอลเลกชั่น ภายใต้แนวคิด Bio Circular Green Economy (BCG) เเละ Thai Wisdom โดยนางแบบนายแบบชั้นนำและนางแบบนายแบบรุ่นใหม่ กว่า 170 ชุด สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย จุดเริ่มต้นความสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างการศึกษาและอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทย และเพื่อเป็นการตอกย้ำการกลับมาถึงการสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ใหม่กับโลกยุคใหม่หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งผลงานของนิสิตที่นำเสนอคอลเลกชั่นผลิตจากวัสดุเหลือใช้ ที่ได้รับการสนับสนุน จาก แม็คยีนส์ ประกอบด้วย 

คอลเลกชั่น 25 Latest almanac by กัญญาภัค ขำสกุล คอลเลกชั่นนี้ คือการนำผ้ายีนส์และผ้ายืดค้างสต๊อก จาก “แม็คยีนส์” และโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้ามาใช้ โดยนำแนวคิด Thai Wisdom มาจากภูมิปัญญาการฉลุ กระดาษงานมงคล จ.อุบลราชธานี ด้วยเทคนิคเลเซอร์คัท โดยผู้ออกแบบใัช้เทคนิคเลเซอร์คัทแบบไม่ให้เกิดเศษผ้าเหลือทิ้ง และมีการใช้โครงจากชุดโปรโตไทป์มาใช้กับชุดจริง เพื่อให้เกิดขยะน้อยที่สุด

คอลเลกชั่น ASSEMBLED AIRCRAFT 1609 (custom type) ready to take off by คณาธัช อินทรขาว วัสดุและผ้าที่ใช้ในคอลเลกชั่นนี้ นำมาจากผ้าค้างสต็อก (dead stock) ของ “แม็คยีนส์” และโรงงานผลิตเสื้อผ้าอื่นๆ เศษหนัง และเสื้อผ้ามือสอง โดยนำผ้าและเศษหนังมาสร้างสรรค์เพิ่มคุณค่าและใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด สำหรับคอนเซ็ปต์ในคอลเลกชั่นนี้คือ wearable toy มาจากการนำชิ้นส่วนของเล่นมาประกอบกันเป็นโครงชุด โดยเสื้อผ้าในคอลเลกชั่นนี้จะสามารถถอดชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบกันให้เป็นกระเป๋าได้ ซึ่งทำให้การสวมใส่เสื้อผ้ามีความสนุกเหมือนกับเราได้สวมใส่ของเล่น 

คอลเลกชั่น Battlefield of mind by จิณห์จุฑา พะตัน คอลเลกชั่นนี้ทุกชิ้นใช้ผ้ายีนส์ dead stock จาก “แม็คยีนส์” นำมาผ่านกระบวนการฟอกและย้อมให้เกิดสีและลายที่มีความดิบจากการฟอกและสีที่ฉูดฉาด เข้ากับตัวคอนเซ็ปต์และเนื้อเรื่อง ออกแบบเป็นรูปแบบเสื้อผ้า creative- street wear โดยนำเรื่องราวการสู้รบจากการ์ตูนมังงะเรื่อง Attack on titan และคาแรคเตอร์ของตัวละครมาออกแบบลวดลายวาดเป็นลายผ้า และตีรูปแบบ silhouette (โครงร่างหรือรูปทรง) ของชุดและเครื่องประดับ 

คอลเลกชั่น WESTBOUND by วรรณิดา เสถียรโสภณ ผ้าส่วนหลักในคอลเลกชั่น นำมาจากผ้าค้างสต็อก (Dead stock) จากแม็คยีนส์ โรงงานผลิตเสื้อผ้าอื่นๆ และเสื้อผ้ามือสอง นำมาใช้ในส่วนโครงชุดและส่วนเทคนิค เพื่อเป็นการสร้างสรรค์และเพิ่มคุณค่าให้กับผ้าในคลังที่ไม่มีการเคลื่อนไหว หรือผ้าที่เกิดตำหนิก่อนที่จะเสื่อมสภาพและหมดอายุ

สุดท้ายกับผลงาน คอลเลกชั่น winter begonia by เฌอพัชญ์ เศวตภาคิน ผ้าทั้งหมดในคอลเลกชั่นนี้ เป็นผ้ายีนส์ stock ที่ผลิตเกินจากปริมาณการใช้งาน หรือ มีตำหนิ รวมถึงผ้าที่เคยผ่านการตัดเย็บขึ้นตัวอย่างชิ้นงานแล้วนำมาใช้ใหม่ เป็นการสร้างสรรค์และเพิ่มคุณค่าให้กับผ้าหรือชิ้นงาน แรงบันดาลใจเกิดจากการผสมผสานลวดลายบนเสื้อผ้าของ 2 วัฒนธรรม ระหว่าง “ละครงิ้ว” และ” คาบูกิ” มาจัดวางรวมเข้าด้วยกันให้เกิดเป็นรูปทรง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ความเหมือนที่แตกต่าง ความแตกต่างที่ลงตัว”



Share:

มายเฮลท์ กรุ๊ป ชู บริการทางการแพทย์ 4 ระบบ ผ่านแอปพลิเคชันสุขภาพ myHealthFirst

 

บริษัท มาย เฮลท์ กรุ๊ป จำกัด หรือ MHG ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลชั้นนำหลายโรงพยาบาลทั่วประเทศ การก่อตั้งบริษัทเกิดจากแนวคิดและความตั้งใจของคุณหมอและวิศวกร ที่ได้ร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชันสุขภาพ เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถดูแลสุขภาพได้ทุกที่ มีประวัติสุขภาพติดตัว เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน บุคลากรทางการแพทย์สามารถเข้าถึงประวัติการรักษาได้อย่างรวดเร็วและรักษาได้อย่างทันท่วงที บริษัทยังได้พัฒนาต่อยอดการบริการต่าง ๆ จนใน ปัจจุบัน MHG มีการพัฒนางาน 4 ส่วนหลักคือ ประกอบด้วย 

1. Smart hospital system สำหรับโรงพยาบาลที่มีระบบ HIS (Hospital Information Systems) หรือ ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล ทางบริษัทมีระบบ Patient portal ซึ่งประกอบด้วยระบบเปิดประวัติออนไลน์ ระบบนัด ระบบคิว ระบบตรวจสุขภาพและรายงานผลผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อช่วยให้คนไข้สามารถเข้าถึงบริการจากโรงพยาบาลได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

2. Telemedicine ระบบแพทย์ทางไกลผ่าน Video call ซึ่งสามารถใช้ผ่าน application หรือ Web based มีระบบการอัดวิดีโอ ระบบ chat เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานและมีมาตรฐานความปลอดภัยตามข้อกำหนดของ HIPAA     

3. NCDs monitoring platform ระบบติดตามสถานะสุขภาพของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยสามารถวัดค่าสุขภาพและส่งข้อมูลของตัวเองได้รายวันผ่านเครื่องแท็บเล็ตที่มีการรับค่าอัตโนมัติจากอุปกรณ์วัดค่าสุขภาพต่าง ๆ เช่น เครื่องความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ, เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว, เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย, เครื่องเจาะน้ำตาลในเลือด และเครื่องชั่งน้ำหนัก หรือบันทึกข้อมูลสุขภาพผ่าน Application myHealthFirst ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งข้อมูลสุขภาพที่บันทึกจะส่งไปแสดงในระบบหลังบ้าน (myHealthWorld) สำหรับให้ทีมแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล เฝ้าสังเกตและติดตามข้อมูลสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ ไปยังผู้ป่วยและทีมดูแล เมื่อค่าสุขภาพมีความผิดปกติ และยังสามารถพูดคุยปรึกษาแพทย์แบบวิดีโอคอล ผ่านชุดอุปกรณ์ (แท็บเล็ต) หรือ Application myHealthFirst ได้ 

4. Corporate Wellness checkup system ส่วนที่บริษัทร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ ออกให้บริการตรวจสุขภาพในโรงงาน-นิคมอุตสาหกรรม ผ่าน program myHealthMob สามารถรายงานผลจัดพิมพ์สมบูรณ์แบบอย่างรวดเร็วผ่านระบบ web application myHealthWorld และโมบาย แอปพลิเคชัน myHealthFirst ทั้งยังสามารถวิเคราะห์ Big Data – ดูแลสุขภาพพนักงานผ่านระบบ myHealthPeek 

บริษัท มาย เฮลท์ กรุ๊ป จำกัด เป็นสตาร์ทอัพที่สามารถสร้างรายได้เติบโตจากธุรกิจจนเป็นที่สนใจของ VC หลายราย และยังมีโอกาสก้าวไปกับองค์กรชั้นนำโดยบริษัทสามารถ raise fund series A จาก Nexter Ventures บริษัทในเครือของ SCG นอกจากนี้ บริษัท มาย เฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ยังได้รับความไว้วางใจและเสียงตอบรับเป็นอย่างดี เมื่อร่วมงานไปกับหน่วยงานทั้งระดับประเทศและต่างประเทศ ได้แก่

1. ร่วมกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ SCG DoCare ให้บริการระบบดูแลผู้ป่วยโควิด-19 IoMT Home isolation

2. ร่วมกับ SCG DoCare จัดทำระบบดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง IoMT Care Connect โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต

3. ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และธนาคารกสิกรไทย จัดทำระบบดูแลผู้ป่วย โรงพยาบาลสนาม COVID-19 IoMT myHealthCare 

4. ร่วมกับภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดทำแอปพลิเคชั่น

5. ร่วมกับ SCG DoCare จัดทำระบบดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม. มหิดล

6. ร่วมกับ SCG DoCare จัดทำระบบดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง สถาบันพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย

Reference Site 

โรงพยาบาลที่ใช้บริการจากทางบริษัท มาย เฮลท์ กรุ๊ปจำกัด มีดังนี้ 

1. เครือโรงพยาบาล BDMS กรุ๊ป 6 

2. เครือโรงพยาบาลธนบุรี เฮลท์แคร์ 

3. โรงพยาบาลเชียงใหม่ใกล้หมอ 

4. ราชวิทยาจุฬาภรณ์ 

5. RSU Healthcare 

6. โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 

7. เทศบาลเมืองแสนสุข 

8. โรงพยาบาลยะลา 

Contact Point 

Wed site: https://tokyo.myhealthgroup.net/

Page: https://www.facebook.com/myhealthfirstofficial 

TikTok: https://vt.tiktok.com/ZSdh1E5J7/



Share:

ไฮเออร์นำทัพโดย บอย ปกรณ์ รับประกันแอร์รับหน้าร้อน เดินขบวนหาเสียง แถลงนโยบายดี ๆ นำความเย็นอกเย็นใจกลับคืนสู่พี่น้องชาวไทย

กรุงเทพฯ ประเทศไทย - วันที่ 19 เมษายน 2566 ไฮเออร์ (Haier) แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับ 1 ของโลก 14 ปีซ้อน จัดกิจกรรมเดินขบวนประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นสุดคูลต้อนรับซัมเมอร์นี้ นำทัพโดยคุณ บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ 5 ปีซ้อนของไฮเออร์ ประเทศไทย ร่วมด้วยการเสริมทัพจากทีมไฮเออร์ ณ ตลาดรวมทรัพย์ อโศก ในวันพุธ ที่ 26 เม.ย. เวลา 12.00 - 13.00 น. นี้

ในกิจกรรมครั้งนี้ บอย ปกรณ์ ได้ร่วมเดินขบวนในคอนเซปต์หาเสียงเลือกตั้ง เพื่อเป็นการแถลงนโยบายและประชาสัมพันธ์ โปรโมชั่นสุดคูลของไฮเออร์ที่การันตีการรับประกันเครื่องปรับอากาศนานสูงสุดถึง 10 ปี โดย 5 ปีแรกไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นค่าอะไหล่ ค่าแรง ค่าช่าง ค่าเดินทาง โดยนอกจากการรับประกันที่ยาวนานแล้วแล้ว ยังมีโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะช่วงซัมเมอร์นี้ คือ เมื่อซื้อแอร์ตามรุ่นที่กำหนด รับฟรีทันทีเครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ไฮเออร์มูลค่า 2,990 บาท

นอกจากนี้ ยังมีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมอื่น ๆ และโปรโมชั่นพิเศษอีกมากมายในกิจกรรมครั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารของไฮเออร์ได้ที่ Facebook: Haier Thailand, Instagram: @haierthailand_official และ Twitter: @ThailandHaier

เกี่ยวกับไฮเออร์

ไฮเออร์ เป็นผู้ผลิตและผู้นำรายใหญ่ในด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยของโลก โดยมีพันธกิจในการสร้างสรรค์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ไฮเออร์ครองแชมป์แบรนด์เครื่องใช้ภายในบ้านอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 10 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2551 ถึงปี 2561 โดยการจัดอันดับของสถาบันยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยข้อมูลทางการตลาดที่น่าเชื่อถือที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

Share:

“อมรินทร์กรุ๊ป” ผนึกกำลังครั้งยิ่งใหญ่ ประกาศทิศทางธุรกิจ ปักหมุดกลยุทธ์การตลาด Omni Media - Omni Chanel

กรุงเทพฯ, 24 พฤษภาคม 2566 – บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัทอมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) อย่างเป็นทางการ ตอกย้ำการเป็นธุรกิจที่เป็นมากกว่า พริ้นติ้ง หรือ พับลิชชิ่ง ซึ่งปัจจุบันขยายเป็นธุรกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านออนไลน์ ธุรกิจด้านอีเวนต์  ธุรกิจด้านดิจิทัล ตั้งเป้าพร้อมขยายโอกาสสู่กิจการด้านอื่นในอนาคต  

นางระริน  อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทอมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด(มหาชน)  กล่าวว่า อมรินทร์กรุ๊ป เป็นองค์กรอันดับ 1 ด้านการสื่อสารแบบครบวงจร ผ่านโมเดลธุรกิจที่เป็นกลยุทธ์หลัก Omni Media - Omni Channel  ครอบคลุมสื่อมากที่สุดในประเทศ ผนึกรวมทุกภาคส่วนในเครือ ทั้ง On Print, Online,  On Ground, On Air และ On Shop เราผสานรวมกันเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยความครอบคลุมนี้ถือเป็นจุดแข็งและกลยุทธ์สำคัญในการเดินหน้าทำธุรกิจของอมรินทร์กรุ๊ป ซึ่งแบ่งธุรกิจออกเป็น 5 กลุ่มธุรกิจหลัก และ 2 ธุรกิจที่ร่วมทุน ประกอบด้วย

  • ธุรกิจมีเดียแอนด์อีเวนต์  ธุรกิจที่ประสานกับสื่อ นิตยสาร สื่อออนไลน์ ไปจนถึงธุรกิจจัดงานแฟร์และอีเวนต์  ที่จะช่วยให้ลูกค้าของอมรินทร์ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ธุรกิจสำนักพิมพ์ เป้าหมายเพิ่มจำนวนการผลิตหนังสือเล่มประมาณ 500 ปก และหนังสือดิจิทัลประมาณ      770 เรื่องต่อปี อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าโดยสามารถเลือกรูปแบบการอ่านได้มากมายทั้งการอ่านหนังสือ  อ่านแบบดิจิทัล หรือจะออดิโอ Multi-platformในรูปแบบที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด และมุ่งขยายความหลากหลายของคอนเทนต์เพื่อเข้าถึงคนทุกเพศทุกวัย สร้างสังคมแห่งการอ่านให้ประเทศไทย
  • ธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์  ธุรกิจการพิมพ์ที่ให้บริการได้ตั้งแต่การพิมพ์หนังสือเล่มเดียวไปจนถึงหลัก    ล้านเล่ม นอกจากนี้ยังมุ่งพัฒนาไปที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายใต้สัญลักษณ์ AM GREEN
  • ธุรกิจจัดจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์ และ Digital Content โดยบริษัทอมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด ที่มีเครือข่ายร้านพันธมิตรมากกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ และธุรกิจค้าปลีกอย่างร้านนายอินทร์ และแพลตฟอร์มดิจิทัล ปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 26 ล้านรายต่อปี และมีแพลตฟอร์มใหม่อย่าง Mareads ที่สามารถอ่านนิยายเป็นตอนๆ มาให้บริการ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ช่วยในการขยายฐานการอ่านและรองรับกลุ่มลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ธุรกิจทีวีดิจิทัล โดยบริษัทอมรินทร์เทเลวิชั่น จำกัด ช่อง AMARIN TV 34HD  เป็นสื่อทีวีดิจิทัลที่ยังรักษาความนิยมของผู้ชมทั่วประเทศอยู่ใน TOP 7 ที่มีครบทุกแพลตฟอร์ม มีรายการที่มีคุณภาพครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายและเข้าถึงผู้ชมทั่วประเทศ ด้วยการเชื่อมต่อประสบการณ์อันหลากหลายผ่านทั้งช่องทาง On Air และ Online ในทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงผ่าน 34HD App ที่จะสามารถรับชมรายการผ่านอุปกรณ์ หรือ Device ต่างๆ ได้เข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น ทำให้ปัจจุบัน Amarin TV 34HD สามารถเข้าถึงผู้ชมทั่วประเทศเฉลี่ย 10 ล้านคนต่อวัน และมีผู้ติดตามในสื่ออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มมากกว่า 42 ล้านคน

ส่วนใน 2 บริษัทที่อมรินทร์ถือหุ้นร่วม คือ บริษัทคาโดคาวะ อมรินทร์ จำกัด เป็นผู้นำในเรื่องของ Light NOVEL และ MANGA และบริษัทเด็กดี อินเตอร์ แอคทีฟ จำกัด ผู้นำตลาดนิยายและ Education Platform

สำหรับผลประกอบการในปี 2565 ของบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย   มีรายได้รวม 4,274.45 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนเป็นจำนวนเงิน 1,313.84 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นถึง 44.4 %   ซึ่งมีเหตุผลหลักมาจาก

1. รายได้จากธุรกิจผลิตงานพิมพ์และจำหน่ายหนังสือมีการเติบโตถึงร้อยละ 91.5 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 โดยมาจากการขยายตัวของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และการเติบโตของธุรกิจการจัดจำหน่ายหนังสือเล่มผ่านหน้าร้านหนังสือ   ต่าง ๆ และโดยเฉพาะผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีการอัตราการเติบโตถึงร้อยละ 83.4

2. รายได้จากธุรกิจมีเดียและอีเวนต์ รวมการให้บริการโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ และการจัดงานแสดงสินค้าและอีเวนต์ต่าง ๆ ซึ่งในปี 2565 มีอัตราการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 72.9 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 โดยเฉพาะรายได้จากการจัดงานแสดงสินค้าที่เติบโตถึงร้อยละ 147.6 โดยบริษัทสามารถดำเนินการจัดงานแสดงสินค้าได้ใกล้เคียงกับแผนงานที่วางไว้ทั้งงานบ้านและสวนแฟร์ที่มีการจัดงานถึง 3 ครั้ง งานอมรินทร์ เบบี้แอนด์ คิดส์ แฟร์ ที่มีการจัดงานในระหว่างปีถึง 4 ครั้ง รวมทั้งงานอื่น ๆ

3. รายได้จากธุรกิจสื่อทีวีดิจิทัล ที่ยังคงรักษาระดับรายได้ไว้ได้ แม้ว่ายอดในการซื้อสื่อทีวีดิจิทัลในอุตสาหกรรมจะมีมูลค่ารวมที่ลดลง แต่บริษัทยังมีรายได้ 1,287.33 ล้านบาท ใกล้เคียงกับรายได้ในปี 2564 ที่มีรายได้ 1,282.36 ล้านบาท

ปี 2566-2568 ตั้งงบลงทุนกว่า 2,100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

- 800 ล้านบาท โอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ และจากการร่วมมือกับคู่ค้า  

- 600 ล้านบาท คอนเทนต์หนังสือ, ดิจิทัล, โทรทัศน์ ทั้งรูปแบบการซื้อลิขสิทธิ์ต่างประเทศ และสร้าง Local Content เพื่อพัฒนา Soft Power ให้กับประเทศไทย

- 250 ล้านบาท Infrastructure เช่น การสร้างสตูดิโอใหม่, การพัฒนาพื้นที่ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์

- 250 ล้านบาท Technology เช่น AI, ML เพื่อต่อยอดธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ

- 250 ล้านบาท Packaging เครื่องจักรและเทคโนโลยีการพิมพ์รองรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์

นอกจากการดำเนินกิจการต่าง ๆ แล้ว  สิ่งที่เราทำควบคู่มาตลอดเกือบครึ่งศตวรรษ ภายใต้พันธกิจหลัก  “เราทำงานเพื่อความสุข และความรุ่งโรจน์ของสังคม” ภายในงาน AMARIN EXPO 2023 จะมีการเปิดตัวโครงการ “อมรินทร์ อาสา” 2 โครงการสำคัญในปีนี้ คือ โครงการ “หนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี, บริษัท ซีเจเวิร์ค จำกัด (CJ WORK) และค่ายเพลง   WHAT THE DUCK ในโครงการ “หนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่” ระดมทุน 50 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ป่วยด้วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดขั้นวิกฤต ผ่านรูปแบบมิวสิคแคมเปญ และโครงการ “อ่านพลิกชีวิต” ร่วมบริจาคหนังสือจำนวน 150,000 เล่ม  ให้ห้องสมุดโรงเรียนกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ

นายศิริ  บุญพิทักษ์เกศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทอมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด ยังเสริมว่า  Amarin TV 34HD เป็นสื่อที่จะช่วยเชื่อมโยงในทุกภาคส่วนเพื่อสร้างสังคม (Community) แห่งการแบ่งปัน และมอบสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม เหมือนที่เราได้ทำมาตลอดโดยเฉพาะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ด้วยการเป็นสื่อกลางช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด - 19  การระดมทุนจากผู้ชมของเราที่มีจิตศรัทธาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย การนำเสนอคอนเทนต์ที่มีส่วนช่วยคนในสังคมและชุมชน เพื่อที่เราจะเติบโตไปด้วยกัน บนเส้นทางหรือสังคมที่ยั่งยืน ภายใต้สโลแกนและทิศทางการทำงานของเรา “Sustainable Route” เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนไปกับรายการต่างๆ ของช่องในแบบ “Real Life Entertainment สนุก เข้มข้น บนความจริง” ซึ่งเป็นแนวคิดและจุดยืนหลักของช่อง (Concept & Positioning)  และเป็นเอกลักษณ์ของ Amarin TV 34HD นั่นเอง

นายเจรมัย  พิทักษ์วงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจ Media & Event  ยังเสริมว่า ธุรกิจ Media&Event ของเรามีทีมงานที่ทำสื่อหลากหลายในมือ และมีความชำนาญด้านการจัดงานแฟร์และอีเว้นต์  จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการให้จัดแคมเปญ วางแผนการตลาด และจัดงานอีเว้นต์อย่างมากมาย และสำหรับงาน AMARIN EXPO 2023 ที่เรากำลังจัดอยู่ เป็นงานแฟร์ล่าสุดที่ตั้งใจรวบรวมเนื้อหา กิจกรรม และสินค้าหลากหลายแบรนด์จากทั้งเครืออมรินทร์ รวมความสุขให้แก่ทุกครอบครัว สร้างประสบการณ์ใหม่กับ 5 โซน ช็อปสนุกกว่า 1,100 บูธ ได้แก่ บ้านและสวน, Amarin Baby&Kids, กินดีอยู่ดี, Explorers และร้านนายอินทร์ พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น             Mini Concert จากศิลปินชื่อดัง, Meet & Greet ศิลปินดารา, พิธีกร และผู้ประกาศข่าวจาก Amarin TV รวมถึงกิจกรรมเสวนาที่น่าสนใจ พร้อม Workshop อีกมากมาย  โดยเราจะใช้ข้อมูลเชิงพฤติกรรมของผู้อ่านจากสื่อออนไลน์ และผู้ชมงาน อีเวนต์ที่จัดในแต่ละปี มาวิเคราะห์อย่างมืออาชีพ และถูกต้องตามหลักการเป็นฐานข้อมูลอ้างอิง เพื่อพัฒนาธุรกิจ Media & Event ให้เป็นผู้จัดงานที่เข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด และเป็นสื่อออนไลน์ที่ทำได้มากกว่าการเข้าถึง Reach   แต่สามารถให้คำตอบ และทางเลือกที่ดี รวมถึงสร้างความมั่นใจ และสร้างโอกาสให้ธุรกิจต่าง ๆ ให้ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากงานแฟร์ที่เราจัดเป็นประจำอยู่แล้ว ในปีถัดไป  เราได้เตรียมขยายงานแฟร์ใหม่ๆ เช่น งาน AMARIN EXPO ที่จะไปจัดตามส่วนภูมิภาค เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่, งานบ้านและสวน Pets Fair, งาน   บ้านและสวน Garden & Farm Festival, งานกินดี อยู่ดี   และจากการร่วมทุนกับ Dek-D ก็จะมีการขยายงาน  T-CAS ของ Dek-D ร่วมกับ National Geographic Thailand เพื่อให้รองรับผู้มาร่วมงานมากยิ่งขึ้น

ความสำเร็จอันงดงามเกิดขึ้นได้โดยคณะผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์เยี่ยม และทีมงานมากความสามารถขององค์กร  ทำให้ธุรกิจของอมรินทร์กรุ๊ป ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย และก้าวสู่การเติบโตได้อย่างยั่งยืน  สมดุลทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

Share:

ศัลยแพทย์ตกแต่งร่วมยกระดับศัลยกรรมปลอดภัย ต้องเลือกให้เป็น

สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย และสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย จัดงาน Make Beauty Safe ศัลยกรรมปลอดภัย ต้องเลือกให้เป็น ตอกย้ำความสำคัญความสวยต้องควบคู่กับความปลอดภัยเสมอ

ปัจจุบัน คนไทยทั้งหญิงและชายเปิดรับศัลยกรรมมากขึ้นจากเดิมทำศัลยกรรมเพื่อการแก้ไขข้อบกพร่อง เปลี่ยนเป็นการทำศัลยกรรมเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพความมั่นใจ เป็นการดูแลตัวเองอีกทางหนึ่ง และมีแนวโน้มว่าผู้ที่สนใจศัลยกรรมความงามจะมีอายุน้อยลงหรือเริ่มตั้งแต่ 25 ปี ส่งผลให้ธุรกิจศัลยกรรมความงามเติบโตตอบสนองความต้องการที่มากขึ้น ขณะเดียวกัน มีข้อมูลศัลยกรรมตกแต่ง โฆษณา และการหลอกลวงที่อาจก่อให้เกิดความสับสนและการตัดสินใจที่ผิดพลาดหรือเกิดอันตรายถึงชีวิตรองศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชัย อังสพัทธ์ (ขวา) นายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย และ ศาสตราจารย์คลีนิคนายแพทย์อภิรักษ์ ช่วงสุวนิช (ซ้าย) นายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไท

รองศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชัย อังสพัทธ์ นายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “การผ่าตัดศัลยกรรมทุกประเภทนั้นมีความเสี่ยงและอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือและให้ความรู้แก่ประชาชนบุคคลทั่วไป ไม่หลงเชื่อคำโฆษณาที่เกินจริงจนละเลยความเป็นจริงและความปลอดภัย สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย และสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศ จัดงาน Make Beauty Safe ศัลยกรรมปลอดภัย ต้องเลือกให้เป็น เพื่อให้ประชาชนมีข้อมูลที่ถูกต้องและสามารถตรวจสอบความปลอดภัยด้วยตัวเองก่อนทำการตัดสินใจ”

ศาสตราจารย์คลีนิคนายแพทย์อภิรักษ์ ช่วงสุวนิช นายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย และสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทยมีศัลยแพทย์ตกแต่งกว่า 400 รายชื่อสมาชิก ที่มีคุณสมบัติที่ได้รับอนุมัติและวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหรือผู้ทรงคุณวุฒิในหลักสูตรสาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้าง (Thai Board of Plastic and Reconstructive Surgery) จากราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยและแพทยสภา ตามหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาศัลยศาสตร์ตกแต่งเป็นระยะเวลาของหลักสูตร 5 ปี และหลักสูตร 7 ปี การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ประชาชนเข้าใจบทบาทของศัลยแพทย์ตกแต่งและสามารถเลือกเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั้งความสวยงามและความปลอดภัยในเวลาเดียวกัน

Make Beauty Safe ศัลยกรรมปลอดภัย ต้องเลือกให้เป็น เป็นแคมเป็นให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยของศัลยกรรมตกแต่ง จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมและกลุ่มอินฟลูเอ็นเซอร์ร่วมกันถ่ายทอดข้อมูลที่ถูกต้องและข้อสังเกตด้านความปลอดภัยก่อนเข้ารับบริการศัลยกรรม ประกอบด้วย

งานเสวนา Make Beauty Safe ศัลยกรรมปลอดภัย ต้องเลือกให้เป็น โดย ผศ. พญ. พูนพิศมัย สุวะโจ ศัลยแพทย์ตกแต่ง อาจารย์ประจำภาควิชาศัลยแพทย์ตกแต่งและเสริมสร้าง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, อ. นพ. วิษณุ โล่ห์สิริวัฒน์ ศัลยแพทย์ตกแต่ง อาจารย์ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์ศีรษะคอและเต้านม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล, อ. นพ. สุรเวช น้ำหอม ศัลยแพทย์ตกแต่ง หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่งและแม็กซิโลเฟเชียล คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, พญ. ปวีณา ภาอาภรณ์ วิสัญญีแพทย์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิสัญญีแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นพ. วรวรรธน์ แก้ววิเชียร ศัลยแพทย์ตกแต่ง และพ.ต. นพ. ธีรภัทร์ ใจประสาท ศัลยแพทย์ตกแต่ง โดยมี คุณศกุนตลา เทียนไพโรจน์, คุณโยชิ รินรดา และคุณชาคริยา ภูมิพัฒน์ธนสกุล เจ้าของเพจ Seeyoufitgirl ร่วมพูดคุยบนเวที 3 หัวข้อสำคัญ ประกอบด้วย 

  • Make Beauty Safe ศัลยกรรมปลอดภัย ต้องเลือกให้เป็น
  • Breast Implant 101 เช็คความปลอดภัย ก่อนทำศัลยกรรมเต้านม
  • The Breast Talk ศัลยกรรมหน้าอกปลอดภัย เริ่มอย่างไรด

รวมทั้งการผลิตสื่อให้ความรู้ศัลยกรรมเต้านมปลอดภัย ร่วมกับอินฟลูเอ็นเซอร์ที่จะเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง

ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดเช็คลิสต์ความปลอดภัยที่ http://cuts2.com/EfkEv 

แคมเปญนี้ได้รับการสนับสนุนในบางส่วนจากบริษัทเครื่องมือแพทย์เกี่ยวกับการศัลยกรรมเสริมหน้าอก กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าเมนเทอร์ บริษัท จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ประเทศไทย

กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าเมนเทอร์ ได้รับการไว้วางใจเป็นเครื่องมือแพทย์ซิลิโคนเสริมหน้าอกกว่า 30 ปี ใน 115 ประเทศทั่วโลก ใช้ในคนไข้กว่า 8 ล้านคน ด้วยมาตรฐานคุณภาพการผลิต และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่มีการสนับสนุนจากข้อมูลทางคลินิกระยะยาว 

Share:

ททท. จับมือพันธมิตรแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ ร่วมทำส่วนลดพิเศษให้ผู้ประกอบการที่ได้รับตราสัญลักษณ์ “เจ้าบ้านที่ดี” หวังกระตุ้นการเดินทางหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ

วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ณ ลานแฟชั่น ฮอลล์ สยามพารากอน นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงเปิดตัวโครงการ “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters”ครั้งที่ 2 เนื่องจากผลตอบรับการเข้าร่วมโครงการเจ้าบ้านที่ดี New Chapters ครั้งที่ 1 ดีเกินคาด เชื่อผู้ประกอบการไทยพร้อมรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าททท. ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “เจ้าบ้านที่ดี New Chapter” ไปเมื่อปลายเดือน พฤศจิกายน 2565 ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาดมีผู้สมัครเข้าร่วมอบรมเกินกว่าโควตาที่กำหนด ททท. จึงได้เปิดหลักสูตรอบรมครั้งที่ 2 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการ รวมถึงขยายผลให้ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถเข้ามาลงทะเบียนเรียนได้ผ่านระบบ E-learning โดยในครั้งนี้ ททท. ได้จัดทำตราสัญลักษณ์เจ้าบ้านที่ดี New Chapters มอบให้แก่ผู้ประกอบการที่ผ่านการอบรมหลักสูตรเจ้าบ้านที่ดีทั้ง Phase I และ Phase II ทุกราย ซึ่งผู้ที่ได้รับตราสัญลักษณ์จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ โดย ททท. ได้จับมือกับแพลตฟอร์มพันธมิตร อาทิ Traveloka, Wongnai, Gowabi, Local Alike และ PTT Blue card ที่ร่วมมือกันมามอบส่วนลด สิทธิประโยชน์ให้กับนักท่องเที่ยวและสมาชิกผู้ที่ถือบัตร ที่สนใจซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ เรียกได้ว่าครั้งนี้เป็น Episode ของการติดอาวุธความรู้และอาวุธทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ และเป็นการสร้างความเข้มแข็ง เพิ่มความยั่งยืนด้าน Supply Side ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศต่อไป”

ภายในงานระหว่างวันที่ 29-30 พฤษภาคม 2566 ณ ลานแฟชั่น ฮอลล์ สยามพารากอน ยังมีกิจกรรมออกบูธนำเสนอดีลส่วนลดจากผู้ประกอบการที่ผ่านการอบรมหลักสูตรเจ้าบ้านที่ดี ทั้งโรงแรม สปา ความงาม อาทิ โรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต, โรงแรมอมารี หัวหิน มอบส่วนลดสูงสุด 60% และส่วนลดจากกลุ่มเวลเนส สปา ความงาม อาทิ SLL Sleep Lab Clinic,  APEX Wellness มอบส่วนลด 50% ตรวจสุขภาพ ทรีตเมนต์, บริการรถเช่า Chic Car Rent มอบส่วนลดดีลพิเศษ และอื่น ๆ อีกกว่า 400 แห่ง ผู้ที่สนใจดีลพิเศษ สามารถเข้ามาศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.เจ้าบ้านที่ดี.com/deals

โครงการเจ้าบ้านที่ดี New Chapters ครั้งที่ 2 นี้ ททท. ได้จับมือร่วมกับแพลตฟอร์มพันธมิตร อาทิ Traveloka, Wongnai, Gowabi, Local Alike เพื่อส่งมอบดีลพิเศษ on top อาทิ รับคูปองส่วนลดเพิ่ม 100 บาท หรือสมาชิกบัตร PTT Blue Card ที่จะได้รับส่วนลด On Top เพิ่มพิเศษทุกการซื้อสินค้าและบริการ จากผู้ประกอบการในโครงการเจ้าบ้านที่ดี New Chapters ตั้งแต่วันนี้-31 กรกฎาคม 2566 

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ กล่าวทิ้งท้ายเชิญชวนนักท่องเที่ยวสนับสนุนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯรับรองจะได้รับประสบการณ์ 3 ดี ได้แก่ คุ้มค่าดี บริการดี และ ประสบการณ์ดี ๆ กลับไปอย่างแน่นอน นอกจากนี้ทางโครงการฯ ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกแจกของรางวัลมากมาย ผ่านทางเพจ facebook : เจ้าบ้านที่ดี New Chapters อีกด้วย


Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก