CRAVE ห้องอาหารเพื่อคนเทรนดี้

เปิดให้บริการแล้วนะ
Backyard Grill by Crave


สืบเนื่องจาก Toptotravel ได้มีโอกาสตอบรับคำเชิญ เข้าเยี่ยมชม และร่วมชิมอาหาร ในโรงแรม Aoft สุขุมวิท11  ที่ร้านอาหาร เครฟ (Crave ) กับเมนูอร่อยสไตล์สตรีทฟู้ด  ที่เราไปชิมมาแล้วอยากแนะนำ  เมนูสุดอร่อยที่ไม่ควรพลาด



กลับมาอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไประยะหนึ่ง โรงแรม Aoft สุขุมวิท11
มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทุกท่านทราบโดยทั่วกันว่า ห้องอาหาร CRAVE
Backyard Grill by Crave  เปิดให้บริการอีกครั้ง ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 61
เพื่อส่งมอบประสบการณ์อันแปลกใหม่สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวยามค่ำ
คืนในซอยสุขุมวิท 11 และยังรวมไปถึงแขกที่พักที่โรงแรม อลอฟอีกด้วย



Aoft สุขุมวิท11 เปิดโรงแรมมามากกว่า 100 โรงแรม อลอฟคือหนึ่งในแบรนด์ของแมริออท ที่นำเสนอสิ่งแปลกใหม่มาสู่จุดหมายปลายทางต่างๆแบรนด์อลอฟ นำเสนอเทคโนโลยีล้ำยุค ประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสไตล์ที่ทันสมัย มีโรงแรมให้บริการอยู่ทั่วทุกมุมโลกได้มาสัมผัสถึงความเก๋ของที่นี่ตั้งแต่สไตล์การแต่งร้านที่ดูทันสมัย คอนเซ็ปต์ของร้าน CRAVE WINE BAR & RESTAURANT คือ การเนรมิตรร้านให้กลายเป็นสถานที่สังสรรค์และแฮงค์เอ้าท์ของชาวกรุงฯ ทุกเพศทุกวัยลูกค้าที่เข้ามาได้ทดลองอะไรใหม่ๆ



Backyard Grill by Crave  ร้านอาหารแบบป๊อปอัพ  ที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง แบบ  “live grill”  โดยชื่อของร้านมาจากตัวสถานที่เอง ซึ่งตั้งอยู่ที่ OutDoor ของห้องอาหารหลักของโรงแรม  บรรยากาศและประสบการณ์แปลกใหม่ที่หาไม่ได้จากที่อื่น  การออบแบบครัวเปิด คุณจะได้นั่งรับประทานอาหารโดยสัมผัส
บรรยากาศแบบชิวๆ ในขณะที่มองออกไปเห็นวิวอันสวยงามและแสง สี ในยามค่ำคืนรอบๆ ตัวเมืองกรุงเทพฯ



ดังนั้น  สิ่งที่จะเป็นไฮไลท์ของร้านแฮงค์เอ้าท์ดีๆ สักร้าน จะเป็นอะไรไปไม่ได้ หากไม่ใช่เครื่องดื่ม! และรับประกันเลยว่า เครื่องดื่มทุกแก้วเติมความสดชื่นและมีประโยชน์แน่นอน  กับเมนูอาหาร ที่มีรสชาติแบบไทย ภายใต้แนวคิด (The East meets West) โดยจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างเครื่องเทศของไทยและเอเชีย บนวัตถุดิบคุณภาพอย่างเนื้อและผักย่างบนเตาแบบและเสริฝแบบ “Rustic Stylel”






นอกจากจะมีบรรยากาศสุดชิลเหมาะแก่การมานั่งเล่น และมีเมนูอาหารแปลกๆ แหวกๆ ให้ลองทานแล้ว 






เมนูดริ้งของที่นี้ก็ไม่เป็นสองลองใครนะค่ะ โดยเฉพาะในเรื่องรสชาติและหน้าตา พรีเซ็นเทชั่นที่สวยงาม มาพร้อมกับลูกเล่นแพรวพราว
ที่จะทำให้หลายคนอดใจไม่ไหว  



ถ้ามีโอกาสมานั่งผ่อนคลายเพิ่มความกระชุ่มกระชวยสวยเกร๋ของที่นี่  ต้องหยิบมือถือมาแชะๆๆ
รูปรัวๆ เก็บไว้ก่อนจะดื่มแน่ๆ



แวะมานั่งพักผ่อน เครฟ ไวน์ บาร์ แอนด์ เรสเตอรองท์ สักครั้ง  วางใจได้ถึงการบริการและฝีมือในแบบฉบับไทยเหมาะกับพาครอบครัว นัดเพื่อน ๆ ไปทานกันเยอะ ๆ มาก ๆ อร่อยคุ้มราคา ที่ Crave Wine Bar & Restaurant  (เครฟ ไวน์ บาร์ แอนด์ เรสเตอรองท์) ในซอยสุขุมวิท 11


Backyard Grill by Crave
ตั้งอยู่ที่ชั้น 8 ของโรงแรมโรงแรมอลอฟท์ สุขุมวิท 11
เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบประสบการณ์ดินเนอร์ แบบผ่อนคลาย
โดยราคาอาหารเริ่มต้นที่ 160++ บาท ถึง 360++ บาท เท่านั้น
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 22.00 น.
สอบถามติดต่อ : www.alofhotel.com
fb.aloftbkk@alofthotels.com

BACKYARD GRILL BY CRAVE   located on the 8th floor of Aloft Hotel Bangkok – Sukhumvit  11 from 6-10 PM.
#Bangkok #AloftBangkok #Valentines #AloftHotels

ขอบคุณข้อมูล ::  www.toptotravel.com 
Share:

โฮ่งบิช ร้านกาแฟแบบนี้มีอยู่จริง

ร้านกาแฟเท้าแช่น้ำ เจ้าแรกของแม่ริม


เราหลงรักที่โฮ่งบีช ตั้งแต่เห้นป้าย เพราะนึกว่า…จะเจอน้องหมา ที่โฮ่งบีช ถามเจ้าร้านทำไมชื่อนี้คำตอบที่ได้ โฮ่งคือที่ลุ่มที่ราบโต๊ะริมธาร ที่นั่งยอดฮิตของลูกค้าทุกเพศทุกวัย


มาเที่ยวเชียงใหม่แลนด์ ดินแดนมหานครแห่งกาแฟ ชวนคนรู้ใจไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นครอบครัว หรือจะเป็นคนรักออกต่างจังหวัดไปสัมผัสอากาศเย็นๆ ที่อำเภอสุดสโลว์ไลฟ์ ริมน้ำมีอะไรน่าสนใจให้เราไปลองค้นหามากมาย ซึ่งเราจะถือโอกาสนี้พาเพื่อนๆ ไปท่องเมืองเที่ยว เล็กๆ น่ารักๆ แห่งนี้กัน รวมถึงกิจกรรมห้ามพลาด สุดประทับใจกับบรรยากาศมากๆ ก่อนมาที่นี่ได้อ่านรีวิวเพจต่างๆ แล้วเกิดแรงบันดาลใจ  ลุกขึ้นจุงมือ แฟนเพื่อน พ่อแม่น้อง มารับลมหนาว อากาศเย็นสบาย


ร้านโฮ่งบีช คือที่ลุ่มที่ราบด้วยความ บรรยากาศป่าเขาลำเนาไพร แต่ไม่ไกลจากตัวเมือง มีลำธารน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ชมกันเพลินๆ ให้ได้เลือกเล่นน้ำ ถ่ายรูป ด้วยสไตล์การตกแต่งร้านที่ดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร  บรรยากาศชองร้าน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อน จะเลือกนั่งชิลๆ อิงแอบสายธารของน้ำตกแม่สา ที่นี่เปิดให้บริการมาหลายปี เป็นหนึ่งในร้านกาแฟที่เหมาะสำหรับพาครอบครัว เพื่อนฝูงไปพักผ่อน ด้วยบรรยากาศที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาและสายน้ำที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิต  ความเป็นอยู่ของอำเภอเล็กๆ ริมน้ำแห่งนี้ อาหารมีทั้งอาหารคาว และหวาน เป็นธารน้ำไหล นั่งแช่เท้าได้ ส่วนอาหาร เครื่องดื่ม มีหน้าตาเมนูที่น่ารักและแปลก แต่รสชาติดี


ใครมีโอกาสไปเที่ยวเขตตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริมเชียงใหม่ บนถนนแม่ริม-สะเมิง อยู่ตรงข้ามป้อมตำรวจ แม่แรม  เป็นเส้นทางก่อนถึงน้ำตกแม่สา 200 เมตร บรรยากาศธรรมชาติ ท่ามกลาง สายน้ำที่ใสไหลเย็น รับรองว่า ได้พักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติ บรรยากาศสงบ สโลว์ไลฟ์แน่นอน การตกแต่งในร้านเน้นความเป็นธรรมชาติ เรียบง่าย เงียบสงบ ท่ามกลางธรรมชาติของป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ในอำเภอ แม่แรม อิ่มรสชาติอาหารท่ามกลางบรรยากาศสุดฟินตั้งอยู่เส้นแม่ริม-สะเมิง ร้านอยู่ใกล้สวนบัว แม่สาออร์คิดส์ จ. เชียงใหม่ (ขับเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสะเมิงประมาณ 800 m. มองเห็นป้ายร้านอยู่ทางขวามือ ก่อนถึงน้ำตกแม่สาประมาณ1 กิโล  ร้านโฮ่งบีช ตั้งตรงข้าม  ป้อมตำรวจ ต.แม่แรม) เดินเข้ามานิดเดียว เห็นป้าย โฮ่งบีช 0 กม. คือใช่  เดินตรงไปอีกนิด ลงบันไดไปอีกหน่อย ร้านกาแฟขาแช่น้ำ เจ้าแรกของแม่ริม โดยพี่เหน่ง จันทรา แห่งตะวันแดง

ร้านกาแฟขาแช่น้ำ เจ้าแรกของแม่ริม จ. เชียงใหม่

โฮ่งบีช ที่จอดรถ(มีที่จอดรถ) มี Wi-Fi บริการ รับจองล่วงหน้า เหมาะสำหรับเด็กๆ เหมาะสำหรับมาเป็นกลุ่ม แอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์)ไปรับรองติดใจค่ะ ที่จอดรถอยู่ฝั่งตรงข้ามกว้างมาก มาคี่คันก็จิดพอ


แวะมา โฮ่งบีช รับรองเลยว่าทริปเชียงใหม่นี้จะต้องประทับใจ
กว่าทริปไหนๆ อย่างแน่นอน
โฮ่งบีช 
เปิดบริการ สิบโมงเช้า-ถึงสองทุ่ม ทุกวัน
โทรไปถาม :  094 603 8886


#โฮ่งบีช #ChiangMai

ขอบคุณข้อมูล ::  www.toptotravel.com 
Share:

ไปเที่ยวสังขละบุรี กาญจนบุรี

เลิฟสะพานมอญ เลิพความมีอาระยะ



วันนี้ Insightout-story ชวนไปเที่ยว 
และทำบุญที่ สังขละบุรี-กาญจนบุรีกันค่ะ



ที่เที่ยวกาญจนบุรีที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี 
สัมผัสกับวัฒนธรรมไทย-มอญ 



ในหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขาและสายน้ำ 
พร้อมเที่ยวชมธรรมชาติและ
สถานที่ท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์



อำเภอสังขละบุรี อำเภอเล็ก ๆ กลางหุบเขา
ที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ  
และเรื่องราววัฒนธรรมที่น่าหลงใหล
ของชาวไทย - มอญ 



อดีตเราจะรู้จักสังขละบุรีว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์
จากบารมีของหลวงพ่ออุตตมะ (พระราชอุดมมงคล) 
พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ได้รับความเคารพเลื่อมใส
จากคนไทยเชื้อสายมอญและพุทธศาสนิกชน

ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นมาก ๆ ในสังขละบุรีก็คือ 
"สะพานมอญ" สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในเมืองไทย 



ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นแลนด์มาร์ก 
สำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีไปแล้ว 

อีกทั้งความสวยงามของธรรมชาติโดยรอบของที่นี่ 
ก็ทำให้สังขละบุรีน่าหลงใหลขึ้นอีกเท่าตัว 
วันนี้เราจึงได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวสังขละบุรี
บางส่วนมาฝากกันค่ะ จะมีที่ไหนบ้าง...ไปดูกัน

ทีมงานเรา ไปพักที่ โรงแรมสามประสบรีสอร์ท 
อาคารสามประสบวิว คืออาคารหลักของรีสอร์ท 
ประกอบด้วยส่วนของห้องอาหาร
ในบรรยากาศสบายๆ 


โรงแรมสามประสบ รีสอร์ท

ห้องพักหน้าวิว ริมสระน้ำ 12 ห้อง 
รวมถึงห้องประชุมสัมมนาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน


ห้องอาหาร

อาหารเช้า

สระว่ายน้ำที่สวยทันสมัยพร้อมหัวฉีดจากุซซี่ 
ห้องฟิตเนส และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ


วิวมองจากโรงแรม

ที่พร้อมต้อนรับคุณ ตัวอาคารตั้งอยู่บนเนินเขา 
คุณจึงสามารถเห็นวิวแม่น้ำสามสาย
ที่ไหลมาประสบกัน
หน้าเทือกเขาอันสลับซับซ้อน
ได้กว้างไกลสุดสายตา 
และเห็นสะพานอุตตมานุสรณ์ (สะพานมอญ)
ได้อย่างชัดเจนใกล้ชิดที่สุดในอำเภอสังขละบุรี





สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้อง 
ได้แก่ ห้องน้ำที่เก๋ไก๋มีสไตล์ พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น 



และไดร์เป่าผม แอร์คอนดิชั่น 
โทรทัศน์สีจอ LCD 32” + ช่องทีวีดาวเทียม40 ช่อง 
ตู้เย็น,เครื่องทำน้ำอุ่น และ มินิบาร์(กาต้มน้ำ+กาแฟ)



ที่เที่ยวสังขละบุรีในทริปนี้ค่ะ 
ทริปนี้ใช้ระยะเวลาเพียง 2 วัน 1 คืนค่ะ

1. สะพานมอญ (สะพานอุตตมานุสรณ์)
สะพานมอญ หรือสะพานอุตตมานุสรณ์ 



มีลักษณะเป็นสะพานไม้ยาว 
ทอดข้ามแม่น้ำซองกาเลีย บริเวณตำบลหนองลู 
มีระยะทางทั้งหมดราว ๆ 800-900 เมตร 
ถือได้ว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในเมืองไทย 
และยาวเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก 


ยามเช้าต้องไม่พลาดกับการใส่บาตร

บนสะพานไม้การมาสูดอากาศเย็น ๆ 
ชมสายหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น 

นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นชาวบ้าน ทั้งชาวไทย
และชาวมอญสัญจรไป-มาบนสะพานแห่งนี้ 
เป็นวิถีชีวิตสุดเรียบง่าย 
แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์
ที่ทำให้ใครหลายคนตกหลุม
รักสังขละบุรีโดยไม่รู้ตัว




2. เมืองบาดาล
อันซีนไทยแลนด์กับเมืองใต้ผืนน้ำในเขตเขื่อนเขาแหลมหรือเขื่อนวชิราลงกรณ์



 เดิมทีที่นี่เป็นที่ตั้งของวัดวังก์วิเวการาม 
แต่เมื่อมีโครงการสร้างเขื่อนเขาแหลม 


ตัววัดจึงต้องย้ายไปยังพื้นที่สูง 
เหลือเพียงซากปรักหักพัง
ของอุโบสถ
และหอระฆังที่จะจมน้ำในฤดูฝน 



และจะโผล่ขึ้นอวดโฉมอีกครั้งในฤดูแล้ง 
การมาเที่ยวที่นี่นักท่องเที่ยว


สามารถนั่งเรือมาเที่ยวชมได้



ติดต่อเรือได้บริเวณสะพานมอญ

3. วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่)
วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่) ตั้งอยู่ทางฝั่งหมู่บ้านมอญ 
ที่ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี 

เป็นศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญของชาวสังขละบุรี 
ภายในวัดวังก์วิเวการาม (ใหม่) 
มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย 
อาทิ พระอุโบสถ, วิหารหลวงพ่ออุตตมะ 
(ปราสาท 9 ยอด) หรือวิหารหลวงพ่อขาว เป็นต้น 

ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้รู้ถึงที่มาที่ไปของ
เมืองสังขละบุรีและประวัติ
หลวงพ่ออุตตมะอย่างละเอียด 

พร้อมกับชมสถาปัตยกรรม

แบบมอญที่หาดูได้ยากในเมืองไทย

4. เจดีย์พุทธคยา 
เจดีย์พุทธคยา ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก
วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่) 
ในจุดที่แม่น้ำ 3 สายมาบรรจบกัน 
คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี 

มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกรวยสี่เหลี่ยม มียอดแหลม 
สีเหลืองทองทั้งองค์เจดีย์ 
มีรูปปั้นสิงห์คู่แบบมอญตั้งอยู่ด้านหน้า 

ภายในยอดเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ 
ซึ่งหลวงพ่ออุตตมะได้อัญเชิญมา
จากประเทศศรีลังกา เหมาะแก่การพาครอบครัว
ไปไหว้สักการะและขอพร

5. ตลาดสังขละบุรี
ตลาดสังขละบุรี แหล่งช้อปปิ้งอาหารสด
และสินค้าพื้นเมืองอีกหนึ่งแห่งของเมืองสังขละบุรี 
ใครอยากได้ของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ 
สามารถมาเดินเที่ยวที่นี่กันได้ค่ะ 
หรือจะมาหาของอร่อย ๆ ทานกันก็มีอาหาร
หลากหลายแบบให้เลือกสรรกันตามแต่ความชอบใจ

6. วัดสมเด็จ (เก่า)
วัดสมเด็จ (เก่า) ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเมืองบาดาล 
บนเนินเขาไม่สูงมากนัก 
สร้างโดยพระครูวิมลกาญจนคุณ 

ปัจจุบันเหลือเพียงวิหารเก่า 
เพราะได้มีการย้ายวัดไป

เมื่อครั้งที่สร้างเขื่อนเขาแหลม 
ภายในวิหารมีพระประธานลักษณะงดงาม

ตั้งอยู่ให้นักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้ขอพร 
บริเวณรอบ ๆ วิหารมีรากของต้นไม้เกาะอยู่ 
ให้ความรู้สึกที่น่าศรัทธาอย่างยิ่ง

แค่อำเภอเล็ก ๆ กลางหุบเขา
จะมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ 

นี่เป็นสวนหนึ่งของ สังขละ   
ยังมีมากมาย สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

ในช่วงวันหยุดหน้าใครมีเวลาว่าง 
แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี 
ก็ลองไปเที่ยวสังขละบุรีกันดูนะคะ :)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
travel.kapook.com
Share:


เทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ Insighout ชวนเพื่อนลุย สังขละกันค่ะ ทริปนี้ ทำบุญ ชมอารยะ เรามาชม 5 มนต์เสน่ห์แห่งสังขละบุรี รับรองว่าคุณต้องหลงรัก

สังขละบุรี มีแม่น้ำซองกาเรีย เป็นศูนย์รวมความมีชีวิตชีวา เพราะชีวิตต้องหล่อเลี้ยงด้วยสายน้ำ ชาวบ้านที่นี่มีความรักในถิ่นเกิดและธรรมชาติของพวกเขามาก เมื่อคุณไปคุณจะเห็นแววตาแห่งความสุขของพวกเขา เมื่อได้เล่าเรื่องราวถิ่นเกิดอันน่าประทับใจ …

1. สะพานมอญ
หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์​ เป็นสะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองกาเรียไปยังหมู่บ้านมอญ ถือเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นอันดับสองของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็งในพม่า และเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอสังขละบุรี เป็นสะพานแห่งศรัทธา ที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชุมชนที่อาศัยอยู่ในสังขละบุรี ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวมาสัมผัสธรรมชาติ พร้อม ๆ กับการได้เห็นวิถีชีวิตชุมชนชาวมอญในแถบนี้ สิ่งที่ห้ามพลาดคือการได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับสะพานที่เสมือนเป็นสายใยวัฒนธรรมของชาวมอญและไทย ในดินแดนสุดขอบตะวันตกแห่งนี้

2. วัดจมน้ำ เมืองบาดาล และวัดวังก์วิเวการาม เก่า 
วัดใต้น้ำ หรือ วัดจมน้ำ คือวัดวังก์วิเวการามเดิม ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็น Unseen Thailand เพราะมีความแปลกที่มีซากโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ เป็นสถานที่เล่าขานถึงตำนานความเป็นมาของวัดหลวงพ่ออุตตมะ จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อนถึงต้นฤดูฝน ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม – มิถุนายน เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำจะลดลงมาก จะสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ส่วนคนที่มาเที่ยวช่วงปลายฝนจนถึงฤดูหนาว ตั้งแต่ประมาณกันยายน – มกราคม อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือบางทีก็จมน้ำเป็นเมืองบาดาล จะมีให้เห็นก็เพียงแต่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำเท่านั้น

3.วัดสมเด็จ(เก่า) 
ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเมืองบาดาล เป็นอุโบสถของวัดสมเด็จ (เก่า) ที่ถูกทิ้งร้าง  เมื่อคราวย้ายเมืองสังขละบุรี ตอนที่เริ่มมีการสร้างเขื่อนเขาแหลม (เขื่อนวชิราลงกรณ ในปัจจุบัน) วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ได้จมอยู่ใต้น้ำ ภายในอุโบสถมีพระประธานสภาพยังค่อนข้างสมบูรณ์ รอบตัวโบสถ์มีต้นไทรใหญ่ ปกคลุมดูเก่าแก่ งดงามยิ่งนัก 

4.พิธีตักบาตรมอญ
เป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวบ้านที่นี่ ทุกเช้าตรู่เวลาประมาณ 6.30 น. ชาวบ้าน นักท่องเที่ยว ต่างต่อแถวเนื่องแน่น เพื่อรอใส่บาตรพระสงฆ์ คุณจะพบรอยยิ้มของคนในชุมชน เด็กน้อยผู้นำโถข้าวมาซ้อนไว้บนศีรษะ หรือนักท่องเที่ยวที่สวมชุดมอญเดินถ่ายรูป เป็นภาพที่คุณไม่อาจเห็นที่ไหนในประเทศนี้


5.วัดวังก์วิเวการาม 
หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "วัดหลวงพ่ออุตตมะ" นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คัญของอำเภอสังขละบุรีแล้ว ยังเป็นวัดที่ถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับคนพื้นถิ่น และเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขละบุรี ทั้งชาวไทย และกะเหรี่ยง โดยเฉพาะสำหรับชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่เปรียบหลวงพ่ออุตตมะเป็น "เทพเจ้าแห่งชาวมอญ" วัดวังก์วิเวการาม จึงเกิดจากพลังศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อ และเป็นวัดที่เคยเป็นที่จำพรรษาของ "หลวงพ่ออุตตมะ" วัดจึงเป็นเสมือนตัวแทนหลวงพ่อ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวมอญ ในการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีของมอญ และจัดงานอื่นๆ เช่นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดงานคล้ายวันเกิดของหลวงพ่ออุตตมะ มีงานกิจกรรมต่างๆ พิธีกรรมทางศาสนา งานแข่งขันชกมวยคาดเชือก การแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่นการรำแบบมอญ การรำตงของชาวกะเหรี่ยง และมีการแต่งกายตามแบบวัฒนธรรมชาวไทยรามัญ
     
6. เจดีย์พุทธคยา
พระเจดีย์พุทธคยา เป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่กับวัดวังก์วิเวการาม เป็นเจดีย์องค์ใหญ่นี้ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใกล้ริมฝั่งแม่น้ำ มีสีเหลืองทอง สามารถมองเห็นได้จากแม่น้ำซองกาเรีย ภายในองค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงเป็นเจดีย์ที่มีผู้คนมาสักการะ บูชาองค์เจดีย์ที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เจดีย์พุทธคยายังเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและงานเทศกาลเช่น วันสงกรานต์




Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก