คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานช.ส.ท. นำสื่อสมาชิกร่วมงาน “Miss Wellness World 2025” เวทีโลกที่หลอมรวม “ความงามกับสุขสภาพ” จัดครั้งแรกในไทย


‎คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธาน ช.ส.ท.
นำสื่อสมาชิกร่วมงาน “Miss Wellness World 2025” เวทีโลกที่หลอมรวม “ความงามกับสุขสภาพ” จัดครั้งแรกในไทย 

‎‎ประเทศไทยจุดประกายเวทีระดับโลก “Miss Wellness World 2025” การประกวดที่รวมความงาม พลังสุขสภาพ และจิตวิญญาณ  เข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้แนวคิด “Beauty with Wellness”

‎‎เริ่มต้นด้วยกิจกรรม “รับมอบสายสะพาย” เรียนรู้แนวคิด “12 อ.” และสัมผัสเสน่ห์วัฒนธรรมนานาชาติผ่านกิจกรรม “Cultural Wellness”

‎‎คุณศกุณา โรจนพานิช ‎กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิส เวลเนส เวิลด์ จำกัด

‎กล่าวว่า “เวทีนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ของ ศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้ก่อตั้ง Miss Wellness World  ซึ่งมุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทั่วโลกใช้ความงามและพลังของจิตใจภายในในการขับเคลื่อนสังคมโลกอย่างยั่งยืน”

‎‎เธอกล่าวต่อว่า “ประเทศไทยถือเป็นต้นแบบของวัฒนธรรมสุขภาพและการดูแลจิตใจ จึงเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประกวดครั้งแรกของโลก”

‎‎

ด้าน คุณพิราวรรณ ปัสยามาตร ‎CEO G GRAND PRODUCTION ผู้จัด Miss Wellness World Thailand

‎เผยว่า “เทรนด์ KOL Wellness สะท้อนผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้คุณค่ากับสุขภาพกายและใจ ซึ่งจะเป็นพลังใหม่ในอุตสาหกรรมความงามและบันเทิง”

‎‎🇹🇭 จอย กนกอร รุ่งรักษา ตัวแทนประเทศไทย กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า:‎“เสน่ห์ของไทยคือความอ่อนโยนและการดูแลใจ — นี่คือหัวใจของ Wellness ที่ฉันอยากส่งต่อให้คนทั้งโลก”

‎“Wellness ไม่ใช่เพียงการไม่มีโรค แต่คือการมีพลังแห่งความสุข ความสมดุล และความรักในตัวเองและผู้อื่น” — จอยกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยพลังบวก‎‎และบนเวทีโลก เธอพร้อมจะเปล่งประกายความงามของชาติ ด้วยจิตวิญญาณแห่ง “Thai Wellness” ที่อบอุ่น อ่อนโยน และงดงามจากภายใน 💫

‎‎ปีนี้มีสาวงามผู้เข้าประกวดจากกว่า 25 ประเทศทั่วโลก อาทิ บราซิล มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อินเดีย เมียนมา และลาว ที่เดินทางมาร่วมถ่ายทอดพลังแห่งความงาม สุขสภาพ และวัฒนธรรมร่วมกันบนเวทีแห่งประวัติศาสตร์นี้  ‎ซึ่งในงานวันนี้คุณวรางคณา สุเมธวัน  ได้มอบสายสะพายให้กับ...อีกด้วยครับ 

Share:

“เกิดทั้งที ต้องมีปาร์ตี้ให้โลกจำ!”ร่วมงานสังสรรค์วันคล้ายวันเกิดคุณเอิร์ธ สายสว่าง จัดขึ้นที่ร้านอาหารอำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ พระราม 3

 เหล่าไฮโซร่วมงานสังสรรค์วันคล้ายวันเกิดคุณเอิร์ธ สายสว่าง เจ้าแม่พีอาร์ระดับตำนานจัดขึ้นที่ร้านอาหารอำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ พระราม 3 “คุณเอิร์ธ อดีตนายกพีอาร์โรงแรมหลายสมัย” คุณเอิร์ธจัดปาร์ตี้วันเกิดสุดชิค ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น

เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ในวันที่ 24 ตุลาคม 2568 ที่ ร้านอำแดงไต้ฝุ่น พระราม 3 เป็นร้านอาหารหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้มีการจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของ คุณเอิร์ธ สายสว่าง อดีตพีอาร์คนเก่งแห่งวงการโรงแรมมายาวนาน ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความมีสไตล์การแต่งตัวและมีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ

ภายในงานอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขและมิตรภาพ มีเพื่อนพ้องคนสนิทในแวดวงธุรกิจ บันเทิง และสื่อมวลชน มาร่วมอวยพรกันอย่างคับคั่ง ท่ามกลางการตกแต่งสุดเก๋ในธีมสีสันสดใส

เจ้าของวันเกิดมาในลุค สีส้มสดใสแบบมีสไตล์ เรียกเสียงชื่นชมจากแขกภายในงานได้อย่างล้นหลาม ก่อนจะมีการตัดเค้กและร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์อย่างอบอุ่นและสนุกสนาน

งานนี้เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งค่ำคืนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความทรงจำดี ๆ ที่จะอยู่ในใจของทุกคนไปอีกนาน

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดดลบันดาลให้พี่
มีสุขภาพแข็งแรงแจ่มใส ประสบแต่ความสุขตลอดปี

เจ้าของร้านอำแดงไต้ฝุ่นคุณใหญ่ ปุญชรัศมิ์ (แก้ววัฒนะบรวงศ์) ให้การต้อนรับทั้งอาหารและเครื่องดื่มทั้งแขกวีไอพีและสื่อมวลชนอย่างดีเยี่ยม

ได้เจอพี่ๆเพื่อนๆสนุกสนาน เฮฮาเหมือนเดิม
ณ อำแดงไต้ฝุ่น พระราม 3
#อำแดงไต้ฝุ่น
#Happy Birthday

ชมเมนูของร้านได้ที่ https://anyflip.com/talyi/vwzv/

อำแดงไต้ฝุ่น By the River
ให้บริการทุกวัน 11.00 – 22.00 น.
สำรองที่นั่ง โทร. 095 716 4712
 Line: https://lin.ee/xM8cD3i1
Instagram: amdangtyphoon
เส้นทาง: https://shorturl.asia/jZXaC

Delivery
LineMan : https://lin.ee/5dHHBbW
GrabFood : https://bit.ly/3YEgJMI

#เมนูเด็ด #เมนูแนะนำ #อำแดงไต้ฝุ่น #อำแดงไต้ฝุ่นพระราม3 #ร้านอาหรริมน้ำ #ร้านอาหารไทย #ร้านมิชลิน #แม่น้ำเจ้าพระยา

Share:

วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดงานครบรอบ 12 ปี ย้ำภารกิจศูนย์กลางการศึกษาพุทธศาสนาโลก ชี้การศึกษา ผนึก "ศรัทธา" และ "ปัญญา" สร้างสันติสุขให้มวลมนุษย์


พระนครศรีอยุธยา - วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (International Buddhist Studies College - IBSC)
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดพิธีอันทรงเกียรติและกิจกรรมวิชาการ เนื่องในโอกาสครบรอบ “12 ปี วันสถาปนาวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ” ณ อาคารสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อรำลึกถึงจุดกำเนิดและย้ำความมุ่งมั่นในการเป็น ศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาของโลก 

พิธีสำคัญ: ถวายและเชิญธงสู่ยอดเสา เป็นสัญลักษณ์แห่งการสืบทอด

พิธีเริ่มต้นด้วยการถวายและเชิญธงอันเป็นมงคลขึ้นสู่ยอดเสา 3 ผืน ได้แก่ ธงชาติไทย, ธงธรรมจักร, และธงมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยมี พระพรหมวัชรธีราจารย์, ศ.ดร. อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประธานในพิธี พร้อมประกอบพิธีเจิมธง และมอบธงแก่ รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไปเพื่อเทียบธงขึ้นสู่ยอดเสา 

12 ปี แห่งการเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก: ตามมติชาวพุทธ 87 ประเทศ

รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป เปิดเผยว่า IBSC ก่อตั้งขึ้นตามคำเรียกร้องของชาวพุทธทั่วโลก หลังจากที่สหประชาชาติกำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของโลก และประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานวิสาขบูชาโลกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งในครั้งนั้น ผู้นำชาวพุทธ 87 ประเทศ ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลก โดยมอบหมายให้ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนานานาชาติ

การครบรอบ 12 ปี และการก้าวย่างสู่ปีที่ 13 ทางวิทยาลัยฯ ได้จัดกิจกรรมทั้งส่วนการทำบุญเฉลิมฉลอง และการประชุมวิชาการสำคัญ โดยกิจกรรมวิชาการเน้นการเรียนรู้ควบคู่การปฏิบัติ โดยแนวทางปฏิบัติ: ได้รับเมตตาจาก พระเดชพระคุณพระพรหมวัชรวิมลมุนี วิ., รศ.ดร. กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ดูแลการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานทั่วประเทศ มาให้แนวความคิดและนโยบายเกี่ยวกับวิปัสสนากรรมฐานระดับนานาชาติ

มจร: สืบสานพระราชปณิธาน ร.5 - สถาบันอุดมศึกษาพระพุทธศาสนาของโลก

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดตั้งขึ้นตามพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ผู้ทรงสถาปนามหาวิทยาลัย ให้เป็นที่ศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาชั้นสูง การที่ IBSC ได้รับความไว้วางใจจากผู้นำชาวพุทธ 87 ประเทศทั่วโลกให้จัดการศึกษานั้น เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความน่าเชื่อถือ

"ปัจจุบันมีนิสิตชาวต่างประเทศทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก จำนวนร่วม 2,000 กว่ารูป/คน แสดงให้เห็นชัดเจนในเชิงประจักษ์ว่า ได้รับการยอมรับให้มาศึกษาเล่าเรียนที่นี่"

ในก้าวย่างปีที่ 13 IBSC มีแผนจะขยายฐานความร่วมมือ (MOU) กับ สหภาพพระธรรมทูตไทยทั่วโลก และองค์กรต่างประเทศ เพื่อขยายความรู้ด้านพระพุทธศาสนาในระดับโลก” รศ.ดร.สุรพล กล่าว

ด้านพระเทพวัชรสารบัณฑิต, รศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา เปิดเผยถึงบทบาทและพันธกิจสำคัญของวิทยาลัยฯ ในการขับเคลื่อนการศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาในระดับโลก โดยชี้ให้เห็นว่า วัตถุประสงค์สำคัญที่สุดของการก่อตั้ง IBSC คือการจัดการศึกษาพระพุทธศาสนาในระดับสากล เพื่อตอกย้ำสถานะของ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในฐานะ ศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาของโลก

รองอธิการบดีฯ ชี้ว่า ความมุ่งมั่นดังกล่าวสืบเนื่องมาจากปี พ.ศ. 2548 ซึ่งมหาวิทยาลัยได้รับการยอมรับจาก ชาวพุทธทั่วโลก ที่มาประชุม ณ พุทธมณฑล และ มจร ให้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาโลก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การศึกษาพระพุทธศาสนาจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเป็นศูนย์กลางโลก โดย มจร เป็นสถาบันหลักที่จัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ทั้งปริญญาโทและปริญญาเอก โดยใช้ ภาษาสากล ในการจัดการเรียนการสอน

ความสำเร็จ 12 ปี: นักศึกษาจาก 30 ประเทศทั่วโลก

ปัจจุบัน IBSC ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง โดยมี ชาวพุทธจากเกือบ 30 ประเทศทั่วโลก เดินทางมาศึกษาเล่าเรียน ณ ที่แห่งนี้ สะท้อนถึง "พุทธปณิธาน" ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ต้องการให้ชาวพุทธไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก ได้เข้าถึงการปฏิบัติธรรมและนำไปสู่การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ซึ่งท้ายที่สุดจะนำมาซึ่ง สันติสุขของชาวโลก

"IBSC จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้การศึกษาพระพุทธศาสนาในระดับนานาชาติมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและนำสันติสุขมาสู่ชาวโลก" พระเทพวัชรสารบัณฑิตกล่าวเน้น

หลอมรวมพุทธบริษัท 4 มุ่งสู่ปีที่ 13

พระเทพวัชรสารบัณฑิต กล่าวย้ำด้วยว่า พระพุทธองค์ได้ฝากพระพุทธศาสนาไว้กับ พุทธบริษัท 4 อันประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา สำหรับการก้าวเข้าสู่ ปีที่ 13 นั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการ "หลอมรวม" พุทธบริษัททั้งหลายให้มาเล่าเรียนร่วมกัน เนื่องจากพุทธบริษัทเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการศึกษาและเผยแผ่ ซึ่งนำมาสู่ความมั่นคงของพระพุทธศาสนา

พุทธศาสนา: ความมั่นคงทางจิตใจในโลกที่ขัดแย้ง

รองอธิการบดีฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า "จึงกล้ายืนยันว่า ความมั่นคงทางพุทธศาสนาคือความมั่นคงทางด้านจิตใจ ของผู้คนทั้งในประเทศนี้และทั่วโลก" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่โลกมีการแข่งขัน มีการเปลี่ยนแปลง และมีความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น พระพุทธศาสนาจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโลก ในการนำมาซึ่งความร่มเย็น ดังวลีที่ว่า "โลกร่มเย็น ดับเข็ญได้ด้วยพระพุทธศาสนา"

Share:

อีเลคโทรลักซ์ ชูกลยุทธ์ ‘For the Better 2030’ ตอกย้ำผู้นำด้านความยั่งยืน บนเวที SX2025 เดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 85% ภายในปี 2030

ตอกย้ำผู้นำด้านความยั่งยืน 3 เสาหลัก ด้วยกลยุทธ์ ‘For the Better 2030’ บนเวที SX Sustainability Expo 2025 พร้อมเผยความสำเร็จบรรลุเป้าหมายแรกด้าน Net Zero เร็วกว่ากำหนดถึง 3 ปี

อีเลคโทรลักซ์ (Electrolux) บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำระดับโลกจากสวีเดน ประกาศความมุ่งมั่นเป้าหมายระยะยาวที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่า ภายในปี 2050 (ปี พ.ศ. 2593) โดย นายอเล็กซิส ริชาร์ด ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย จำกัด ได้กล่าวสุนทรพจน์ภายใต้หัวข้อ “A Circular Future, From Industry to Home” ที่งาน SX Sustainability Expo 2025 เวทีด้านนวัตกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นายอเล็กซิสได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการขับเคลื่อนหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (circularity) เพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนภายใต้กรอบกลยุทธ์ของบริษัท For the Better 2030 พร้อมทั้งกล่าวถึงเป้าหมายล่าสุดของบริษัทในการเพิ่มสัดส่วนการใช้เหล็กและพลาสติกรีไซเคิลในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ได้ 35% ภายในปี 2030 (ปี พ.ศ. 2573)

กรอบกลยุทธ์ For the Better 2030 ของกลุ่มบริษัทอีเลคโทรลักซ์ ประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ Better Company, Better Solutions และ Better Living ควบคู่ไปกับเป้าหมายด้านการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก (Climate Goals) การดำเนินงานเชิงรูปธรรมครอบคลุมตั้งแต่การยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานและการผลิตเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบซัพพลายเชน การมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมประหยัดพลังงานและทรัพยากร ตลอดจนให้การสนับสนุนต่อชุมชนในด้านต่าง ๆ

นายอเล็กซิส ริชาร์ด กล่าวว่า “ความยั่งยืนเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ระดับโลกของเรา ประเทศไทยในฐานะเป็นสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียของบริษัทโดยมีโรงงานระยองที่เป็นหนึ่งในฐานการผลิตระดับโลก จึงมีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนให้กับผู้บริโภคในประเทศไทย เรานำเสนอโซลูชั่นแบบหมุนเวียนประหยัดพลังงาน ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถทำอาหารรสชาติอร่อยและเก็บอาหารได้สดคงนาน ดูแลเสื้อผ้าให้คงความเหมือนใหม่ได้นานขึ้น และมีสุขภาพความเป็นอยู่ที่ดีในบ้านของตนเอง”

อีเลคโทรลักซ์ประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศตามหลักวิทยาศาสตร์ครั้งแรกได้ในปี 2022 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดถึง 3 ปี และจึงได้ตั้งเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น เพื่อบรรลุการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ นั่นคือ การลดการปล่อยก๊าซจากการดำเนินงาน (Scope 1 & 2) ลง 85% และการลดการปล่อยก๊าซที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ (Scope 3) ลง 42% ภายในปี 2030

“ปัจจุบันมีผู้บริโภคทั่วโลกถึง 2 ใน 3 ที่คำนึงถึงความยั่งยืนเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า การที่อีเลคโทรลักซ์ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรม จึงถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของบริษัท” นายอเล็กซิส ริชาร์ด กล่าวเสริม “เราจะยังคงผลักดันตัวเองและทั้งอุตสาหกรรมไปสู่เป้าหมายที่ยากและท้าทายยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อทำให้ผู้คนมีความเป็นอยู่อย่างยั่งยืนในมาตรฐานใหม่การดำรงชีวิตที่ดีขึ้น”

ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของกลุ่มบริษัทอีเลคโทรลักซ์ยังได้รับการยืนยันจากการจัดอันดับระดับ Gold จาก EcoVadis ซึ่งทำให้อีเลคโทรลักซ์ได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มผู้นำด้านความยั่งยืนของอุตสาหกรรม และติดอันดับ 5% แรกจากกว่า 70,000 บริษัททั่วโลก ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงผลงานที่โดดเด่นทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน

เกี่ยวกับอีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป 

อีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป เป็นบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำระดับโลก สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้ผู้คนมาแล้วกว่า 100 ปี ด้วยการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ ในด้านการทำอาหาร (Taste) การดูแลเสื้อผ้า (Care) และความเป็นอยู่ที่ดี (Wellbeing) ของผู้คนนับล้าน พร้อมขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนอย่างโดดเด่นมาโดยตลอดผ่านการสร้างโซลูชั่นและการดำเนินงานที่เน้นสร้างความยั่งยืนในสังคม อีเลคโทรลักซ์ กรุ๊ป เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำมากมาย อาทิ อีเลคโทรลักซ์ (Electrolux) เออีจี (AEG) และฟริจิแดร์ (Frigidaire) มีสินค้าวางจำหน่ายในราว 120 ประเทศทั่วโลกทุกปี ในปี 2567 อีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป มียอดขายสูงถึง 136,000 ล้านโครนาสวีเดน และมีพนักงานมากถึง 41,000 คนทั่วโลก หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.electrolux.co.th

Share:

บริษัท อินไลน์ เน็ทเวิร์ค จำกัด ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ จับมือกับ 2 บริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ บริษัท HAERS และ บริษัท X&W


ผลิตภัณฑ์ SANTECO (ซอง เท โค่) – ภายใต้บริษัท HAERS

แบรนด์กระบอกน้ำพรีเมียมรักษ์โลกจากฝรั่งเศส เปิดตัว ซีรีย์ใหม่ “Gemini” ภายในงาน

ผลิตภัณฑ์ License Character – ภายใต้บริษัท X&W

สินค้าลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนชื่อดังระดับโลก อาทิ Disney (Mickey Mouse, Donald Duck, Stitch, Losso), Crayon Shinchan และ Sanrio (Hello Kitty, Kuromi, My Melody, Hangyodon, Cinnamoroll)

ภายใต้คอนเซ็ปต์งาน “The Lifestyle Opus” บริษัท อินไลน์ เน็ทเวิร์ค จำกัด ได้จับมือกับ ห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ถ่ายทอดแนวคิด “ผลงานชิ้นเอกแห่งไลฟ์สไตล์” ผ่านผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่มีสไตล์ ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มเป้าหมาย Gen Y และ Gen Z ที่ชื่นชอบความคูล ฟังก์ชันครบ ดีไซน์โดนใจ และสะท้อนตัวตน

คุณธนกร ปลั่งมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท อินไลน์ เน็ทเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า “SANTECO (ซอง เท โค่) เป็นแบรนด์กระบอกน้ำพรีเมียมจากฝรั่งเศส ภายใต้บริษัท HAERS ผู้ผลิตกระบอกน้ำอันดับ 1 ของโลก กำลังการผลิตกว่า 80 ล้านใบต่อปี ซึ่งชื่อแบรนด์ SANTECO มาจากภาษาฝรั่งเศส Sante (สุขภาพ) และ Ecologie (สิ่งแวดล้อม) สะท้อนแนวคิดแบรนด์ที่เชื่อในสมดุลระหว่าง การใช้ชีวิตที่ดีและการดูแลโลกให้ยั่งยืน

ภายในงานเปิดตัว สินค้ารุ่นใหม่ “Gemini” ที่ถูกออกแบบตามหลัก Ergonomic เพื่อให้เข้ากับสรีระศาสตร์ ในการหยิบจับและใช้งาน ได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมสร้างความโดดเด่นด้วยแนวคิด CMF (Color, Material, Finish) ที่ช่วย สร้างเอกลักษณ์แบรนด์ให้จดจำง่าย และ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน C – Color ถ่ายทอดอารมณ์ และ สไตล์ของแบรนด์

M – Material เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงในทุกชิ้นส่วน แข็งแรง ทนทาน F – Finish ผิวสัมผัสของผลิตภัณฑ์ ที่มีเท็กซ์เจอร์เฉพาะ เพิ่มความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งาน

ซึ่งภายในงานอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการทำให้ บริษัท อินไลน์ เน็ทเวิร์ค จำกัด สามารถบรรลุเป้าหมาย คือสินค้า Lifestyle Collaboration เราได้ร่วมกับ บริษัท X&W ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนชื่อดังระดับโลก เช่น Disney, Crayon Shinchan และ Sanrio มีฐานการจัดจำหน่ายในกว่า 20 ประเทศ และรวมกว่า 2,000 ลาย ซึงจะเป็นกลยุทธ์ ที่จะช่วยให้บริษัท ได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ซึ่งทางบริษัทได้มีการทดลองตลาด โดยจัดจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์ Drinkware Collection ได้แก่ Disney Characters (Mickey Mouse และ Stitch) เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ความสำเร็จนี้ ได้สร้างความมั่นใจในการเปิดตัว Sanrio Series เป็น Business Unit ใหม่ ที่บริษัท อินไลน์ เน็ทเวิร์ค จำกัด ตั้งเป้าให้เติบโตและแข่งขันได้อย่างแข็งแกร่งในตลาดไทยและอาเซียน

โดยผลิตภัณฑ์ Drinkware Collection ที่ทางบริษัทจัดจำหน่าย นำมาเพื่อตอบโจทย์ ผู้บริโภคทุกวัย ทั้งกลุ่มแฟชั่น, เด็ก และคนทำงาน ที่ชื่นชอบความสดใส สนุกสนาน และสินค้าลิขสิทธิ์แท้คุณภาพสูง ทุกชิ้น ปลอดสาร BPA ผลิตจากวัสดุ Tritan และสแตนเลส 316 ที่ทนทาน ปลอดภัย พร้อมขนาดให้เลือกทั้งเด็กเล็กและเด็กโต ช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวก และมีสไตล์มากยิ่งขึ้น

คุณธนกรกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท อินไลน์ เน็ทเวิร์ค จำกัด มุ่งนำเสนอสินค้าจากผู้ผลิตระดับโลก เพื่อให้คนไทยมีตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์พรีเมียมอย่าง SANTECO หรือคอลเลกชันลิขสิทธิ์แท้ ที่สะท้อนความสนุกและสไตล์ของตัวเอง ทั้งสองแบรนด์มีเอกลักษณ์ชัดเจน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่และทันสมัย โดยได้วางเป้าหมายตลาด ในประเทศ และบุกตลาด AEC อย่างจริงจัง ทั้งในลาว พม่า และเวียดนาม

“เราจะเดินหน้าขยายตลาดและสร้าง เครือข่ายพันธมิตร อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สินค้าที่คัดสรรเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขึ้นและสร้างมาตรฐานใหม่ ให้ตลาดกระบอกน้ำพรีเมียมในอาเซียน”

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ งานเปิดตัว SANTECO ที่ EmQuartier ลาน A Space ชั้น 3 ระหว่างวันที่ 10-16 ตุลาคม 2568 พร้อมมาสนุกกับ กิจกรรมพิเศษ ลองสินค้ารุ่นใหม่ และรับของรางวัลสุดพิเศษก่อนใคร!

Share:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 095 469 4415
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก