อิมแพ็คฯ ผนึกพันธมิตรเอาใจคนรักสัตว์จัด ”มหกรรมสัตว์เลี้ยง SmartHeart presents Thailand International Pet Variety Exhibition ครั้งที่ 13 สุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี”

 

อิมแพ็ค ฯ จับมือ ส.อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทย และ เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป เอาใจคนรักสัตว์ จัดใหญ่กิจกรรมส่งท้ายปี ”มหกรรมสัตว์เลี้ยงสุดยิ่งใหญ่แห่งปี SmartHeart presents Thailand International Pet Variety Exhibition “ ภายใต้แนวคิด Pet Lympic ที่จะท้าประลองความแข็งแกร่งของเหล่าสัตว์เลี้ยง ระหว่างวันที่ 5 – 8 ตุลาคม 2566 ณ อาคาร 7-8 อิมแพคเมืองทองธานี

นางสาวกุลวดี จินตวร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่นแมนเนจเม้นท์ จำกัดเปิดเผยว่าในระหว่างวันที่ 5-8 ตุลาคม 2566 นี้บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จำกัดร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทย (TPIA) และ บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด จัดงาน SmartHeart presents Thailand International Pet Variety Exhibition ครั้งที่ 13 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงให้มีโอกาสพบปะผู้บริโภคที่เลี้ยงสัตว์ในรูปแบบการจัดแสดงสินค้าในลักษณะงานวาไรตี้ ครอบคลุมสัตว์เลี้ยงหลายหลายประเภท (Pet Variety) และยังเป็นการเอาใจคนรักสัตว์เลี้ยงด้วยเทรนด์ผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพสัตว์เลี้ยงมากขึ้นในทุก ๆ ปี

“ปีนี้เราก็เดินทางมาถึงครั้งที่ 13 แล้ว จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Pet Lympic ที่จะท้ามาประลองความแข็งแกร่งของเหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งด้านสุขภาพและความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของ ที่มาร่วมสนุกกันภายในงาน เราอยากเอาใจเหล่า Pet Parent จึงได้จัดกิจกรรมส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่เหมือนเดิม” นางสาวกุลวดีกล่าว

สำหรับการจัดงานภายใต้แนวคิด Pet Lympic ครั้งนี้จะเป็นการท้ามาประลองความแข็งแกร่งของเหล่าบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งทางด้านสุขภาพและความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของ ที่จะมาร่วมสนุกกันภายในงาน ตั้งแต่รูปแบบโปรแกรมการแข่งขันระดับ Fun Show การแข่งขันมาหาแม่มา AWARD และ แข่งแมวเลีย หมาเลีย แชมป์เปี้ยนชิพ และไฮไลท์ที่ห้ามพลาดในการแข่งขันศึกในตำนานที่เคยมียอดผู้เข้าชมกว่า 51 ล้านวิวในยูทูป “วิ่งแข่งกระต่ายกับเต่า” ที่จะให้กระต่ายมาล้างแค้นเต่า โดย Pet Influencers

นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันระดับนานาชาติ อาทิ การประกวดตัดขนแมวระดับโลกที่ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในไทย “1st ISFC Grooming Certification & Competition 2023”, การประกวดแมวจากสมาคม SCFC, การแข่งขันพิทบูลลากน้ำหนักชิงแชมป์ประเทศไทย, ประกวดไก่และนกหงส์หยก, ประกวดกุ้งสวยงามชิงแชมป์ , ประกวดแมงมุมทารันทูล่าและอีกมากมาย 

ขณะที่ นายนิติพงศ์ เลาหวิศิษฏ์ อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทยกล่าวถึงภาพรวมสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยด้วยวิถีชีวิตของคนในสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างเช่น เลี้ยงง่ายไม่ยุ่งยาก พื้นที่อยู่อาศัยที่จำกัด ภาวะสังคมที่ประชากรมีภาวะการเกิดทารกที่น้อยลง เป็นต้น ล้วนส่งผลให้ตลาดสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแมว ซึ่งเป็นกลุ่มสัตว์เลี้ยงที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันสัตว์เลี้ยงที่คนไทยนิยมเลี้ยงมากที่สุดเป็นอันดับ1 ได้แก่ สุนัข รองลงมาคือแมว และอันดับ 3-5 เป็นสัตว์เอ็กโซติก ตามลำดับ

นายนิติพงศ์ยอมรับว่า ความแตกต่างของตลาดสัตว์เลี้ยงมักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละกลุ่มคนเลี้ยง เช่นนิสัยเจ้าของ พื้นที่ในการเลี้ยง ความชอบส่วนบุคคล และอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลไปยังกลุ่มธุรกิจที่เข้ามาจับตลาดสัตว์เลี้ยงในแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มคนรักสุนัข และแมวก็จะไม่เหมือนกัน โดยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในปัจจุบัน จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์และความต้องการของผู้เลี้ยงเป็นหลัก เช่นอาหารสัตว์เลี้ยง ที่คาดว่าเทรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงจะมุ่งไปสู่ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) มากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการสินค้าที่สอดคล้องกับ Lifestyle ซึ่งอาหารสัตว์เลี้ยงทางเลือกเพื่อสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมจะมาจากพืช เช่น ถั่ว ข้าวโอ๊ต และเห็ด เป็นต้น หรือ สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (Pet Friendly Destination) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ในปัจจุบันยังมีความต้องการที่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตลาดอาจจะมีการรองรับที่ยังไม่เพียงพอในบางธุรกิจ เนื่องจากส่วนมากคนเลี้ยงสัตว์เป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อเยอะทำให้มีความต้องการสูง เช่น ธุรกิจโรงแรมรับฝากสัตว์เลี้ยง หรือธุรกิจอาบน้ำตัดขนสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและมีอัตราการเจริญเติบโตมากถึง 20% ต่อปี

 “การเลี้ยงสัตว์เปรียบเสมือนการดูแลคนในครอบครัว เมื่อตัดสินใจรับเข้ามาเลี้ยงแล้ว ก็ต้องมีความรับผิดชอบที่จะดูแลเขาไปตลอดชีวิต การเลี้ยงตามแฟชั่น หรือการเลี้ยงเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จะนำมาซึ่งปัญหาของสังคมตามมามากมาย”

อุปนายกอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทยกล่าวย้ำ พร้อมแนะปัจจัยพื้นฐาน 3 ข้อสำหรับคนที่สนใจเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ สถานที่เลี้ยง เวลาในการเลี้ยงและค่าใช้จ่ายในการดูแล ทั้ง 3 ปัจจัยนี้จะต้องมีพร้อม ไม่สามารถขาดข้อใดข้อหนึ่งได้ เพราะหากรับมาเลี้ยงแล้ว แต่ไม่สามารถเลี้ยงเขาได้ จะกลายเป็นภาระอันหนักหน่วง    

ด้านนางสาวโชษิตา เทียนสว่าง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัดกล่าวถึงผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงว่าจะแบ่งออกตามหมวดหมู่ความต้องการของสัตว์เลี้ยงแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัข แมว นก สัตว์ฟันแทะ ปลาสวยงาม ปลาคาร์พ หรือแม้กระทั่งม้า โดยบริษัทฯ ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมามากมายเพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของสัตว์เลี้ยง โดยจะแยกผลิตภัณฑ์ออกเป็นกลุ่มอย่างชัดเจน เช่นกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสุนัข กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแมว กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารนกและสัตว์ปีก เป็นต้น

“สำหรับกิจกรรมภายในงาน ทางบริษัทฯ ได้จัดบูธถึง 3 บูธ ในส่วนของน้องแมวนั้น จะมีกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ คือ การประกวด “แมวสวยตาใส ขวัญใจมีโอ” ซึ่งถือว่าเป็นการประกวดเดียวที่ไม่คำนึงถึงสายพันธุ์ ขอเพียงแค่น้องแมวนั้นมีสุขภาพที่ดี ได้รับการดูแลที่ดี ขนสวย ตาใส ถูกใจมีโอและผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลชนะเลิศถึง 7,000 บาทพร้อมผลิตภัณฑ์จากมีโอ นอกจากนั้นยังมีรางวัลใหม่ สำหรับท่านใดที่มีแมวสูงวัย 7+ ขึ้นไป ก็จะมีรางวัลพิเศษให้อีก 3,000 บาทในกรณีที่มีน้องแมวอายุ 7+ มาเกิน 3 ตัว “

นางสาวกุลวดี จินตวร กล่าวเชิญเพื่อนรักสัตว์เลี้ยงและกลุ่มคนรักสัตว์มาเที่ยวชมงานและร่วมกิจกรรมภายในงาน จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 5 – 8 ตุลาคม 2566 ณ อาคาร 7 - 8 อิมแพคเมืองทองธานี โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานจำนวนกว่า 150,000 คน สามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 60 ล้านบาทตลอดทั้ง 4 วัน บัตรเข้าชมงาน 20 บาท (สัตว์เลี้ยงและเด็กสูงต่ำกว่า 120 ซม.เข้าฟรี) โดยบริจาครายได้ส่วนหนึ่งเพื่อการกุศลช่วยเหลือคนสัตว์พิการ

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมและติดตามความเคลื่อนไหวของงานผ่าน www.pet-variety.com หรือ facebook.com/PetVariety หรือ LINE Official : @Petvariety


Share:

มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย สานโอกาส สร้างรอยยิ้มขับเคลื่อนสังคมไทยสู่สังคมแห่งความยั่งยืนผ่านกิจกรรมมอบทุนสนับสนุน ประจำปี 2566

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย พร้อมด้วย นายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และนายโนริอากิ ยามาชิตะ​ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมเป็นเกียรติในพิธีมอบทุนสนับสนุนประจำปี 2566 แก่สถาบันการศึกษาและองค์กรสาธารณกุศล รวมมูลค่า 17.55 ล้านบาท 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ.2566 ณ Toyota ALIVE บางนา​ มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2535 ภายใต้เจตนารมณ์ของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เพื่อส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงมอบโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับเด็กและเยาวชน ให้ได้เติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพต่อไป โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจาก นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิ จากสถาบันการศึกษาในประเทศ เพื่อพัฒนาทรัพยากรบุคคล

อันเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ โดยตลอดระยะเวลา 31 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นในการส่งเสริมสังคมอย่างยั่งยืนผ่าน 3 แนวทาง ดังนี้

• ส่งเสริมการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน ในทุกระดับชั้น ครอบคลุมหลากหลายสาขาวิชา

• พัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชน และผู้พิการ รวมถึงส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

• ส่งเสริมการดำเนินการขององค์กรสาธารณกุศลต่างๆ เพื่อสาธารณประโยชน์

พิธีมอบทุนในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทางมูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา รวมถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชน โดยในปีนี้ มูลนิธิฯ มีการเพิ่มเติมทุนการศึกษาสำหรับการส่งเสริมฝีมือแรงงานวิชาชีพ ด้วยการสนับสนุนทุนพยาบาล และทุนอาชีวศึกษา 

เพื่อส่งเสริมการพัฒนางานด้านสาธารณสุข และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทาง “อุตสาหกรรมใหม่” (New S-curve) อาทิ การผลิตบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในด้านอาชีวะ รวมถึงการมอบทุนสนับสนุนพยาบาลวิชาชีพ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) เป็นต้น 

อันจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเติมการสนับสนุนโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนและชุมชน เพื่อให้เด็กในวัยเรียนได้รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ รวมถึงการสนับสนุนในด้านสาธารณูปโภค เพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป

โดยในปี พ.ศ. 2566 นี้ มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ได้สนับสนุนงบประมาณ ด้านการศึกษา 

และด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมมูลค่า 17,550,000 บาท ตามรายละเอียดดังนี้

รายละเอียดองค์กรและโครงการ

ชื่อองค์กร ชื่อโครงการ

1. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (3,125,000 บาท) - ทุนการศึกษา สำหรับเด็กและเยาวชนขาดแคลนในภาคเหนือ 

- ทุนการศึกษา พยาบาลวิชาชีพ (กิจกรรมใหม่)

2. มหาวิทยาลัยขอนแก่น (3,325,000 บาท) - ทุนการศึกษา สำหรับเด็กและเยาวชนขาดแคลนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

- ทุนการศึกษา พยาบาลวิชาชีพ (กิจกรรมใหม่)

3. มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (1,675,000 บาท) - ทุนการศึกษา สำหรับนักศึกษาขาดแคลนในภาคใต้ 

4. มหาวิทยาลัยบูรพา (1,505,000 บาท) - ทุนการศึกษา สำหรับนิสิตขาดแคลนในภาคตะวันออก

- ทุนการศึกษา พยาบาลวิชาชีพ (กิจกรรมใหม่)

5. สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (1,600,000 บาท) - ทุนการศึกษา แก่นักเรียนนักศึกษาอาชีวศึกษา (กิจกรรมใหม่)

6. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (1,000,000 บาท) - โครงการรางวัลผลงานวิชาการ Toyota Thailand Foundation Award

7. มูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน (1,500,000 บาท) - โครงการบ้านตะวันใหม่ และทุนสนับสนุนการศึกษาแก่บุตรธิดาของเจ้าหน้าที่ ที่เสียชีวิตจากการปราบปรามยาเสพติด

8. มูลนิธิหมอเสม พริ้งพวงแก้ว (1,000,000 บาท) - ทุนการศึกษา โครงการพ่อแม่อุปถัมภ์

9. องค์กรสาธารณกุศลอื่นๆ (2,820,000 บาท) - โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน และอื่นๆ

มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย มุ่งเน้นการช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่องมาตลอด 31 ปี โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนดังกล่าว จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างยั่งยืน เหมาะสม และเท่าเทียมกัน รวมถึงช่วยให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกลได้มีโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และเติบโตด้วยความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นรากฐานที่แข็งแรงในการพัฒนาประเทศ อันจะนำไปสู่

การยกระดับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยให้เข้าใกล้เป้าหมายการพัฒนา

อย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ต่อไปในอนาคต

“โตโยต้า สานโอกาส สร้างรอยยิ้ม”

Share:

WebClub Thailand ร่วมแสดงความยินดี ผู้ว่า ททท. คนใหม่

วันที่ 18 กย. 2566 "นาริฐา จ้อยเอม" ประธานชมรม WebClub Thailand นำสมาชิกสื่อมวลชนและคณะเข้าพบ ผู้ว่าฯ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ณ ห้องประชุมชั้น 18 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ 

เพื่อแสดงความยินดีต่อการรับตำแหน่งและรับทราบถึงแนวนโยบายด้านการท่องเที่ยว ที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวล้วนมีส่วนช่วยทุกคนในทุกระดับของประเทศ



Share:

งาน TravelTech Conference สุดยิ่งใหญ่ “Enhancing Thailand Tourism 2023” 23-24 กันยายน 2566 ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค

กรุงเทพฯ 23 กันยายน 2566 -- บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) จัดงาน“Enhancing Thailand Tourism 2023” หรือ โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาการบริการและสินค้าท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล โดยได้รับการสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA งาน TravelTech Conference สุดยิ่งใหญ่ ที่รวมวิทยากรชั้นนำด้านธุรกิจและการตลาด ไว้มากกว่า 40 ท่าน และหัวข้อการสัมมนา กว่า 30 Session และการจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านธุรกิจท่องเที่ยวจากนักพัฒนากว่า 20 ราย พร้อมพื้นที่เจรจาทางธุรกิจ และแหล่งรวมคอนเนกชั่นเพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ที่จะมาสร้างแรงกระเพื่อมให้กับธุรกิจท่องเที่ยว พร้อมผลักดันผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวอัปเวลธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล 23-24 กันยายน 2566 ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค  

ภายในงานพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นายนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัลและเทคโนโลยีสารสนเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว ผศ.ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ราชรักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank
 ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมทำพิธีเปิด 

พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว ร่วมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ"Enhancing Thailand Tourism Enabling tomorrows destination ยกระดับธุรกิจท่องเที่ยวไทย สู่จุดหมายใหม่แห่งอนาคต" และการเสวนาในหัวข้อ Evolving Thailand's Tourism Landscape in the Era of Modern Life"การเปลี่ยนแปลงแนวทางการท่องเที่ยวในประเทศไทยในยุคของชีวิตสมัยใหม่ โดย นายนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัลและเทคโนโลยีสารสนเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผศ.ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ราชรักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และ นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยมี ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ดำเนินรายการ

สำหรับงาน Enhancing Thailand Tourism 2023 TravelTech Conference อีกหนึ่งงานสำคัญของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจัดในรูปแบบ Hybrid Event โดยแบ่งเป็นการจัดงานทาง Online และ Onsite ที่เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าชมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยงาน

• Online Event ทาง Virtual Platform (www.enhancingthailandtourism.com ) ในวันที่ 15-24 กันยายน 2566 งานสัมมนาออนไลน์ 10 วันที่อัดแน่นด้วยหัวข้อที่ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรม, นำเที่ยว, ร้านอาหาร, บันเทิงและสันทนาการ และ Health and Wellness พร้อมด้วย หัวข้อ creative & inspiration การทำธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ พร้อมแนะนำนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องโดยผู้พัฒนานวัตกรรมตัวจริง 

• Onsite Event วันที่ 23-24 กันยายน 2566 ณ ห้อง Grand Hall ชั้น 3 อาคาร True Digital Park โดยภายในงานพบกับการสัมมนาและเสวนาวิชาการที่รวมสุดยอดกูรู ยูทูบเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ มากประสบการณ์ด้านธุรกิจท่องเที่ยวและการตลาดดิจิทัล พร้อมเสริมสร้างความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวและผู้สนใจ รวมทั้งมีการออกบูธจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เครือข่ายพันธมิตร และสินค้านวัตกรรมจากผู้พัฒนาฯ ที่คัดสรรเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้เหมาะกับธุรกิจท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Workshop พิเศษสำหรับผู้ประกอบการการท่องเที่ยว ที่จะได้เรียนรู้ วิเคราะห์ และต่อยอดธุรกิจ รวมถึงการใช้เครื่องมือสมัยใหม่เพื่อให้พร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล และมีการจับคู่ทางธุรกิจ ในโซน Business Matching แหล่งรวม Connection ทางธุรกิจ และกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายที่ 

ติดตามข่าวสารของโครงการผ่านทาง Social Media ทุกแพลตฟอร์ม (facebook, Youtube, LINE, Instagram, TikTok) ในชื่อ Enhancing Thailand Tourism



Share:

LOOKLIKE.AI : ให้เอไอเปลี่ยนรูปถ่ายคุณเป็นภาพวาดสุดสมจริง เปลี่ยน look ของคุณด้วย LOOKLIKE.AI

 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันว่าบนหน้าฟีดของเราไปเลื่อนไปทางไหนก็จะเห็นแต่ภาพจาก AI ทั้งการ์ตูนที่น่ารักสดใส หรือเปลี่ยนหน้าตาเราเป็นคนเกาหลี แต่ไม่ได้คำนึงภาพที่ออกมาให้สมจริง LOOKLIKE.Al จะช่วยเนรมิตเปลี่ยนให้เรากลายเป็นตัวละครที่เราฝัน โดยคำนึงถึงความสมจริงเป็นหลัก
ง่ายๆ เพียงแค่ถ่ายรูปตัวเองหรือเลือกรูปที่ต้องการก็สามารถสร้าง Al ของตนเองได้อย่างง่ายดาย อีกหนึ่งจุดเด่นของ LOOKLIKE.AI ที่แอพอื่นทำไม่ได้นอกจากความสมจริงแล้วคือ สามารถเปลี่ยนรูปคู่หรือรูปหมู่หลายคน เป็นภาพในจินตนาการเราได้
LOOKLIKE.AI คืออะไร
LOOKLIKE.AI เป็น Platform ที่จะเปลี่ยนให้คุณเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหญิงที่อยู่ในปราสาทสวยงาม, อัศวินผู้พิทักษ์อาณาจักร หรือแม้กระทั่งฮีโร่จากจักรวาลภาพยนตร์ที่คุณชื่นชอบ นอกจากนี้ยังธีมให้ทุกท่านได้เลือกเล่นมากกว่า 100 แบบ ที่ออกแบบใหม่ให้เลือกเล่นได้ทุกวัน บอกเลยว่าเยอะจนเลือกไม่ถูกแน่นอน
การถ่ายรูปของทุกคนจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
LOOKLIKE.Al ไม่ได้เปลี่ยนแค่ทรงผมเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนเสื้อผ้าและพื้นหลังให้เข้ากับธีมในทุกๆ ธีมที่คุณเลือก ใครอยากลองเปลี่ยนลุค หรือแต่งตัวแฟนตาซี มาร่วมสนุกและ convert you to imagination ด้วย LOOKLIKE.AI กันนะ หรือถ้าใครอยากได้รูปภาพติดไม้ติดมือไปแปะที่บ้าน LOOKLIKE.AI ของเรามี Photobooth ที่ตั้งอยู่ที่ร้าน Digital Delicious ในโรงแรมเชอราตัน ใจกลางอโศกอีกด้วย
 
วิธีการใช้
ㆍเข้าเวป https://looklike.ai หรือ Scan QR Code
ㆍ สามารถ log in ได้ผ่าน line หรือ email
ㆍเลือกมที่ต้องการ มีให้เลือกทั้งชาย,หญิงและ Igbtq+ มากกว่า 100 ธีม
ㆍจ่ายเงินและรอระบบทำการปลดล็อคธีม
ㆍถ่ายเซลฟี่หรือเลือกรูปจาก Gallery
รอเวปไซต์ทำการประมวลผล
ㆍเลือกรูปที่ชื่นชอบและกด Save
ㆍรูปที่เราเลือก จัดเก็บไว้ใน Gallery สามารถกดเข้ามาดูในภายหลังได้
ด่วน! เปิดตัวเบต้าให้ทุกคนลองใช้งาน  มา unlock template ในธีมที่อยากได้กัน
หมายเหตุ : รูป free ได้วันละ 1 รูป, unlock ธีมแล้วเล่นได้วันละ 10 รูป ต่อ 1 ธีม
 
เข้ามาร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ https://looklike.ai/login
ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ

—————————————–

Share:

ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ กับเสน่ห์พหุวัฒนธรรม "แตกต่างแต่ไม่แตกแยก"

เปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ ที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้  วันนี้ Insight พาเที่ยว เราพาเพื่อนๆลงมากันสุด ทางใต้ของประเทศเลย  เราได้มาเที่ยว สงขลา-ปัตตานี-ยะลา ในระหว่างวันที่ 9 –12 กันยายน 2566 เรียกได้ว่าครั้งแรกที่ได้มา และประทับใจแตกต่างจากความรู้สึกที่คิดไว้ครั้งแรก เมืองน่ารักๆ อบอุ่น กับความเป็นอยู่แบบพหุวัฒนธรรม อย่างกลมกลืน ระหว่างไทย-พุทธ และ ไทย-มุสลิม 

การเดินทางครั้งนี้ จัดขึ้นโดย "บริษัท 9  หน้าดี จำกัด" นำทีมโดย คุณชดา บูรณพิมพ์ ,คุณรุ่งนภา  ปักษี ในชื่อทริปที่ว่า "โครงการเดินทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 3 ชายแดนใต้ " เป็นการเดินทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อให้ประชาชน และนักท่องเที่ยว ได้ทราบถึงเสน่ห์ วัฒนธรรม ที่หลากหลาย อาหารประจำถิ่น ฯลฯ ของ  3 จังหวัดชายแดนใต้ 

ภายใต้การสนับสนุนของ พันเอกชลัช ศรีวิเขียร ศูนย์สันติวิธี กอ.รมน. กับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่พาคณะสื่อมวลชนส่วนกลาง  เดินทางไปสัมผัส กับวัฒนธรรมวิถีความเป็นอยุ่ ของจังหวัดชายแดนใต้ 

โดยวันแรก

หลวงปู่ทวด วัดช้างให้  หรือ วัดราษฎร์บูรณาราม วัดสวย ปัตตานี ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี เลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็น ที่เที่ยวปัตตานี ที่เป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของชาวใต้ ไม่ว่าใครที่มาถึงปัตตานี ต้องแวะมาเที่ยวชมความสวยงาม และกราบสักการะหลวงปู่ทวด องค์จำลองตามที่ทุกท่านเคยได้ยินถึงความศักดิ์สิทธิ์ ตำนาน หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า 

ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ทวดได้เดินทางด้วยเรือสำเภาไปยังอยุธยา แต่เกิดพายุ และไม่สามารถเดินทางต่อได้ ระหว่างนั้นน้ำดื่มก็หมดลง หลวงปู่ทวดจึงได้จุ่มเท้าซ้ายลงไปในน้ำทะเล และน้ำบริเวณนั้นกลับกลายเป็นน้ำจืดที่สามารถดื่มได้ ทำให้เป็นที่อัศจรรย์ 

เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ได้มีการนำพระศพท่านมาไว้ที่วัดช้างให้แห่งนี้ ทำให้มีการจัดงานสรงน้ำอัฐิหลวงปู่ทวด เป็นประจำทุกปี ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 5 ช่วงประมาณเดือนเมษายน   ซึ่งในครั้งนี้ทางคณะรู้สึกประทับใจมาก ๆ  เพราะเป็นวันดีคือวันที่ 9 เดือน 9  ถือว่าโชคดีจริง ๆ 

หลังจากนั้นคณะเราก็เดินทางต่อ เพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันที่

ร้านอิควาน ดีไลท์   (IKHWAN DELIGHT)  จังหวัดปัตตานี ต้องขอบอกเลยว่าที่นี่ เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก  คณะเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก อาจารย์อาคม  โสมนัส (มะรูฟ) ผู้บริหาร และน้อง ๆ ที่ GISBH  อาหารอร่อยทุกอย่าง มีหลากหลายสไตล์  ไม่ว่าจะเป็น ผัดไทย ไก่ทอด ซุปเห็ดกับขนมปังกระเทียม โรตี ทานกับแกง สลัดไก่รมควัน ซีซาร์สลัด ราดหน้า  และข้าวต่าง ๆ  จากอุสเบกิสถาน  อาหรับ และปากีสถาน ฯลฯ

อีกทั้งยังมีน้ำผลไม้รสชาติละมุน ไม่หวาน มาเสริฟให้คณะเราได้ดื่มกัน อาทิเช่น น้ำมะม่วง น้ำแอปเปิ้ล น้ำกีวี  ที่ส่งตรงมาจากนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอารเบีย  รวมทั้งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากมาเลเซีย  ด้วย   

เกี่ยวกับ GISBH  นั้นมีร้านอาหารที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก มากกว่า 100 แห่ง  ซึ่ง GISBH  มีแนวคิดตรงกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 

โดยมีธุรกิจครอบคลุมครบวงจร มีสาขาทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม ของประชาชน โดยเฉพาะที่สังคมอิสลามตามหลักความรักซึ่งกันและกันในทุกเชื้อชาติศาสนา มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก มีบริษัทลูก 10 บริษัท ดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกัน โดยมีธุรกิจต่าง ๆ มากกว่า 500 ธุรกิจ 
นอกจากจะมีร้านอาหาร เบเกอรี่แล้ว ยังมีโรงงาน ซักรีด คลินิค ร้านบูติก ร้านตัดเสื้อ ตลอดจน ในเรื่องของการศึกษา ที่มีตั้งแต่ระดับเนิร์สเซอรี่ อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษาทั่วประเทศ ส่วนสาขาในต่างประเทศ พยายามให้มีสาขาในทุกทวีป หรือหากไม่มีก็จะส่งตัวแทนไปเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับสังคมที่นั่น กับผู้นำ และองค์กรศาสนา ทั้งใน ออสเตรเลีย รัสเซีย โดยมีเป้าหมายหลักคือ การกลับคืนสู่พระเจ้า 

อิ่มหนำสำราญกันแล้ว คณะเราก็ได้เดินทางต่อ  เพื่อเยี่ยมชม

แหล่งผลิตรังนกแท้  แบรนด์ “แหลมทองรังนกไทย”  ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคุณธานัท  เด่นสันติกุล หรือคุณแบงค์  ชายหนุ่มรูปงามเจ้าของผลิตภัณฑ์แหลมทองรังนกไทย ซึ่งคณะเราได้ดื่มรังนกแท้  ทั้งในแบบบรรจุขวด ซึ่งมีทั้งแบบสเตอริไลซ์ และแบบพาสเจอไรซ์  รวมทั้งรังนกต้มสดกับใบเตย  ซึ่งหอมอร่อย  เมื่อดื่มแล้วสดชื่นมาก 

โดยได้ความรู้ว่ารสชาดของรังนกแท้จะคล้ายกับไข่ขาว  แล้วจะรออะไรหล่ะคะ ก็ขออนุญาตเข้าเยี่ยมชมโรงงาน ดูไลน์การผลิต ตั้งแต่เริ่มต้น  จนถึงขั้นตอนสุดท้าย กันเลย  ทำให้คณะเรารู้คุณค่าของรังนกแท้ว่า กว่าจะได้ดื่มกันในแต่ละแก้วนั้น  มีกรรมวิธีการผลิตอย่างไรในทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ทำให้ทราบว่ามันเหมาะสมกับมูลค่าราคาที่ค่อนข้างสูงมากจริง ๆ   

ก่อนจะถึงร้านอาหาร   แวะชมแหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดคือ 

มัสยิดกลางปัตตานี  ซึ่งความพิเศษของมัสยิดกลางนี้คือ เป็นศูนย์รวมจิตใจ และเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของผู้นับถือศาสนาอิสลามในภาคใต้ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ซึ่งมัสยิดกลางปัตตานี ได้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2497 
เนื่องจากรัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของศาสนาอิสลามซึ่งเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวปัตตานีส่วนใหญ่นับถืออย่างเคร่งครัด รวมทั้งมีชาวมุสลิมจำนวนมากอาศัยอยู่ในพื้นที่สี่จังหวัดภาคใต้จึงเห็นสมควรให้จัดสร้างมัสยิดขนาดใหญ่ ไว้เพื่อเป็นศูนย์กลางแก่ชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามทั่วประเทศ    สาวคณะเราได้ถ่ายรูปในลุคการแต่งตัวตามแบบฉบับสาวมลายูมาให้ได้ชมกันด้วย  
โดยชุดได้รับการสนับสนุนของคุณนารีนาถ  มั่นใจเกษตร (คุณนับ) เจ้าของแพ ร้านอาหารมายาวีร์ และบ้านสวนมายาวีร์  

และในค่ำคืนนี้จะเป็นคืนพิเศษสำหรับคณะเราที่จะได้ ล่องแพไปบนแม่น้ำปัตตานี ที่เป็นความใฝ่ฝันของหลายท่าน  ในครั้งนี้คณะเราได้รับเกียรติจาก ท่านพาติเมาะ สะดียามู  ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี  ซึ่งท่านเป็นผู้ว่าหญิงชาวมุสลิมท่านแรกของประเทศไทย 

ที่มีศักยภาพในความเป็นผู้นำชุมชนที่ เข้าถึงประชาชนในทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา  ได้มาร่วมล่องแพทานอาหารไปพร้อมกับคณะเราด้วย  ในบรรยากาศอันแสนโรแมนติค ได้เห็นวิถีชิวิตบ้านเรือนของคนที่อยู่ริมน้ำ ได้ยินเสียงละมาดจากมัสยิด     

ล่องแพ ทานข้าว ชมความงามทั้งสองฝั่งแม่น้ำปัตตานีที่ ร้านมายาวีร์ โดยเจ้าของร้าน คุณนารีนาถ  มั่นใจเกษตร (คุณนับ)  ในค่ำคืนนั้น ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ตกปรอยๆ  ถ่ายรูปสวยๆกันอย่างเพลิด กับอาหารรอร่อย หลากหลายเมนู  ใครสนใจล่องแพ ฟินๆ แบบนี้ โทรจองที่นั่งล่วงหน้ากับทางร้านได้เลยค่ะ

วันที่สอง

ที่หมายแรกของวันนี้เราเยี่ยมชม ศูนย์เรียนรู้พิพิธภัณฑ์ปราชญ์ท้องถิ่น มูลนิธิอาจารย์ฮัจจียร์ สุหลง โต๊ะมีนา โดยมี  คุณหมอเพชรดาว โต๊ะมีนา เรียกได้ว่า เป็นสาวแกร่ง สาวเก่ง อีกท่านนึงของปัตตานี ได้มาบรรยายเล่าถึงความเป็นมาเป็นไปของมูลนิธิฯ และยังมีอีก 2  ท่าน  ที่มาให้ความรู้กับคณะเราอีกคือ 

คุณจตุรนต์  เอี่ยมโสภา  สมาชิกสภาจังหวัดปัตตานี  และกรรมการมูลนิธิฯ  และคุณมูฮัมหมัดอารีฟ  แวสาแล  ผู้ช่วยคุณหมอเพชรดาว  อีกทั้งยังได้เลี้ยงอาหารว่าง  ที่มีโรตีกรอบ จิ้มกับนมข้นและขนมอร่อย ๆ  อีกหลายอย่าง รับรองคณะเราอีกด้วย  ไม่เท่านั้น คุณหมอ ยังได้ส่งลองกอง จากสวนของคุณหมอเอง  มาให้กับคณะเรา ได้ชิมความหอมหวานถึง โรงแรมที่พักกันอีกด้วย  

การเข้าชมพิพิธภัณฑ์นี้  ต้องแจ้งล่วงหน้า กับทางมูลนิธิฯ ก่อน  เพื่อที่จะได้จัดเตรียมต้อนรับผู้ที่สนใจมาศึกษาถึงประวัติความเป็นมาอาจารย์ฮัจจียร์ สุหลง โต๊ะมีนา และเหตการณ์สำคัญ ๆ  ต่าง ๆ ที่ท่านไม่เคยรู้  

ก่อนกลับพวกเราก็ได้รับเกียรติจากท่านเด่น  โต๊ะมีนา  อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.ปัตตานี  ซึ่งท่านเป็นคุณพ่อของคุณหมอ  มาถ่ายภาพร่วมกับคณะเราด้วย

มื้อพิเศษของวันนี้ เป็นอาหารกลางวันวันนี้คงจะไม่ง่ายที่จะหารับประทานได้ทั่วไป  เนื่องจากเป็นอาหารพื้นบ้านประจำท้องถิ่น  ซึ่งคณะเราได้รับเกียรติจาก คุณมูฮัมหมัดอารีฟ  แวสาแล  (คุณยี) ให้เข้าไปร่วมในพิธีฉลองแต่งงานของชาวมลายู  ที่เรียบง่ายและเป็นกันเองมาก  มีการเลี้ยงอาหารกันตลอดทั้งวัน  คือใครอยากมาเมื่อไหร่ก็มา  อาหารมีพร้อมเสริฟตลอดเวลา  

ซึ่งคุณยี  ได้บอกกับคณะเราว่า  ในการทำอาหารให้กับแขกที่มานั้น  จะคัดสรรแม่ครัวที่มีฝีมือในอาหารแต่ละชนิดมาเป็นผู้ปรุงอาหาร และจะทำเป็นหม้อใหญ่ ๆ  เพื่อจะได้มีเสริฟตลอด  ซึ่งในการจัดโต๊ะก็เหมือนกับโต๊ะจีนที่บ้านเรานั่นเอง ถ้าที่นี่เราก็คงจะเรียกเป็นโต๊ะมลายู ก็คงได้เนอะ 

จากนั้นเดินทางไปยัง จังหวัดยะลา ที่ได้รับเกียรติจากท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา  ประธานรัฐสภา คนปัจจุบัน ได้เปิดบ้านต้อนรับคณะเราได้ไปเยี่ยมชม  

จากนั้นคณะเราก็ได้ไป  ร้านจำหน่ายฮิญาบ ชื่อดังของปัตตานี  โด่งดังไปไกลถึงเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่างมาเลเซีย  ที่เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักร้าน  ZU UAN  ร้านจำหน่ายฮิญาบ    ที่ได้ลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จากสวารอฟสกี้ (Swarovski) ประเทศออสเตรเลีย ที่จะนำคริสตัล มาประดับประดาติดลงบนผืนผ้าฮิญาบที่มีสีสันให้เลือกหลากหลาย  

โดยมีดีไซเนอร์ (designer) คนไทย เป็นผู้ออกแบบ   สนนราคาเริ่มต้นจากหลักร้อย ไปจนถึงหลักแสน  มีความสวยงามอลังเป็นอย่างมาก  ซึ่งเจ้าของร้านคือ คุณธาราทิพย์  ปาตัน  (ซูอ้วน)  และคุณวันฮูเซ็น มานิตย์พันธ์ 

อีกทั้งยังมี คุณฮายันตี  สะนิ  เป็นผู้จัดการร้าน  คุณอารียา  กูนา  เป็นรองผู้จัดการร้าน  และคุณธัญมล  สุขาเชิน  เป็นดีไซเนอร์  ให้การต้อนรับคณะเรา    ในครั้งนี้  ซูอ้วน  ให้คณะเราเลือกผ้าฮิญาบ ที่ปักคริสตัลของสวารอฟสกี้ เลือกสีกันตามใส่ชอบเลย ที่สำคัญใส่แล้ว สวย หรูหา มีเสน่ห์จริงๆ 

คืนนี้เราได้ไปรับประทานอาหารที่บ้านสวนมายาวี  ที่บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธ์  ประดับด้วยไฟส่องสว่างสวยงามในยามค่ำคืนมาก เป็นอีกหนึ่งสาขาของ คุณนารีนาถ  มั่นใจเกษตร (คุณนับ)  


ได้จัดเมนูอาหารแสนอร่อย ไม่ว่าจะเป็นแกงส้มใส่ข้าวโพด  ก๋วยเตี๊ยวเรือ  ราดหน้า  สุกี้แห้ง  ผัดสะตอ  และอื่น ๆ อีกมากมาย  มาให้คณะเราได้ทานกันอย่างเต็มที่  

บ้านสวนมายาวี  ยังเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้า OTOP ที่ขึ้นชื่อโดยเฉพาะกระเทียมดำ   ซึ่งได้รับรางวัลคุณภาพสินค้ามาการันตี และราคาเป็นกันเองอีกด้วย  

วันที่สาม

เช้านี้เราได้เยี่ยมชม วังยะหริ่ง  จังหวัดปัตตานี  ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2438ในสมัยรัชกาลที่ 5  โดยพระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสุรสงคราม เป็นวังที่มีลักษณะเฉพาะตัวด้วย สถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่างไทยมุสลิม จีน และยุโรป   

ตัวอาคาร 2 ชั้น มีลักษณะครึ่งตึกครึ่งไม้ ชั้นล่างเป็นลานโล่ง ใต้ถุนตึกสูงชั้นบนแบ่งเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีห้องพักของเจ้าเมืองและบุตรธิดา  ช่องรับแสงประดับด้วยกระจกสีสด ช่องระบายอากาศ หน้าจั่วทำด้วยไม้ฉลุลวดลายงดงามจุดเด่น คือ บันไดโค้งแบบยุโรปทอดขึ้นสู่ระเบียงทั้งสองด้าน จากระเบียงมีประตูเปิดสู่ห้องโถงใหญ่ ลักษณะคล้ายท้องพระโรง บริเวณโดยรอบแวดล้อมด้วยพันธุ์ไม้ร่มรื่นอายุกว่า 100 ปี  

อีกทั้งยังเคยเป็นที่พักของ พลเอก ณรงค์ เด่นอุดม หรือ “คุณลุงติ๋ว” หรือ ต่วนกูอับดุลเลาะ ท่านเคยดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 และเป็นที่ปรึกษากองทัพบก เป็นบุคคลสำคัญที่เป็นที่ยอมรับอย่างสูงในความรู้ความสามารถ ความดี และเป็นแบบอย่างที่ดีงาม จึงเป็นความภาคภูมิใจของคนปัตตานีอย่างมาก 

โดย พลเอก ณรงค์ เด่นอุดม สืบเชื้อสายสุลต่านฟาฏอนี (ราญาฟาฏอนี) เป็นลูกหลาน “ตึงกูลามีเด็น” อดีตราญาปาตานีดารุสสลาม เกิดที่บ้านแขก ธนบุรี กรุงเทพฯ สมรสกับ ตึงกูซาบีดะห์ หรือ วุจจิรา พิพิธภักดี บุตรีของ พระพิพิธภักดี อดีตเจ้าเมืองสตูล มีบุตรด้วยกัน 3 คน จบการศึกษาจากสวนกุหลาบ และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ เคยรับราชการในกองทัพบก ผ่านตำแหน่งสำคัญมากมาย และเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ในปี 2542-2544 หลังเกษียณราชการได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวที่กรุงเทพฯ และที่วังยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี  

ทั้งนี้   “วังยะหริ่ง”  เป็นที่รู้จักไปทั่วเมื่อครั้งถูกถ่ายทอดผ่านงานเขียนด้วยฝีมือของ “พนมเทียน” หรือ ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ และมีโอกาสโลดแล่นผ่านบทละครทางโทรทัศน์ในเรื่อง “มัสยา” ซึ่งผู้ประพันธ์ได้แรงบันดาลใจและผูกโยงเค้าโครงเรื่องจากการได้สัมผัสกับสถานที่แห่งนี้  รวมทั้ง  ภาพยนตร์เรื่อง ละติจูดที่ 6 เรื่องราวความรัก ความศรัทธา ท่ามกลางสงคราม ความขัดแย้ง และคราบน้ำตา ภายใต้การสนับสนุนของกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือที่เรารู้จักกันในชื่อย่อ กอ.รมน.  
ซึ่งการเข้าชมสามารถติดต่อขออนุญาตได้ที่ทายาทเจ้าของวัง โดยมีคุณเจ๊ะน่าห์  พิพิธภักดี  ผู้จัดการบริษัทแด๊กซินและผู้จัดการวังยะหริ่ง  เป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาอีกด้วย 

หลังจากเยี่ยมชมวังแล้ว อาหารมื้อพิเศษอีกหนึ่งมื้อ เราได้รับเกียรติจาก  คุณหนึ่งฤทัย  อับดุลบุตร (คุณอูม)  เหลนเจ้าเมืองยะหริ่ง   เจ้าของร้านอาหารข้าวผัดปูพี่อูม  ที่มีสาขาทั้งหมด 4  สาขาด้วยกัน พี่อูมเล่าว่าไม่บ่อยที่จะได้ทำข้าวยำสูตรพิเศษนี้(เฉพาะแขกพิเศษของพี่อูมเท่านั้น) เป็นสูตรแบบสุขภาพให้ชื่อว่า ข้าวยำสูตรวังยะหริ่ง  รวบรวบผักนานาชนิดกว่า 30 ชนิด ค้ดสรร วัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน ยิ้งขั้นตอนการทำน้ำบูดูแบบสูตรพิเศษเช่นกัน  

มาพร้อมกับอาหารพิ้นถิ่น อีก เซตใหญ่ เช่น ไก่กอแระ ปลากอแระ ผักเคียง ที่มี แตงกวา พริกขี้หนู มะเขือ สะตอ โดยเฉพาะเมื่อทานข้าวยำไปแล้ว ดื่มน้ำชาตามลงไป  มันวิเศษมากมาย    ตบท้ายกันด้วย ผลไม้ และขนมพื้นบ้าน ลองกอง และรูกู    

จากนั้นคณะเราก็เดินทางต่อไปเพื่อเยี่ยมชม สถาบันการศึกษาปอเนาะอิฮ์ซานียะห์ ดัรฮัม โดยได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก  คุณมูฮำมัดซูวรี  สาแล  นายกสมาคมสถาบันศึกษาปอเนาะจังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งในครั้งนี้ทำให้คณะเราได้เข้าใจถึงการเป็นผู้ให้  โดยสถานที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งช่วยเหลือและพัฒนาเด็กที่ด้อยโอกาส  ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

โดยที่ได้รับการสั่งสอนอบรมดูแลจากครู  ที่ไม่ได้รับเงินเดือนมากมายอะไร  แต่ทำด้วยใจ  ให้ความเมตตากับเด็ก ๆ เหล่านี้เพื่อส่งออกสู่สังคมได้อย่างมีคุณภาพสามารถเลี้ยงตัวเองได้  และมีอนาคตที่ดีต่อไป  

หลังจากนั้นคณะเราก็ได้ไปเที่ยวชม ทะเลแหลมตาชี หรืออีกชื่อเรียกคือ แหลมโพธิ์   อันซีนความงามจากธรรมชาติ ที่ปลายขวานทองของไทย โดยรอบของ แหลมตาชี ก็จะมีทั้งรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศอยู่เรียงรายตลอดเส้นทาง   แต่ก็มีเฉพาะนักท่องเที่ยวท้องถิ่นมากกว่า 

แต่ที่นี่ค่อนข้างจะปลอยภัยในเรื่องของการเดินทาง เพราะเราสามารถเดินทางด้วยทางเรือจากปากแม่น้ำปัตตานีได้ ตัดตรงเข้าสู่แหลมตาชีได้เลย คณะเราได้เก็บภาพบรรยากาศสวย ๆ ของท้องทะเล น้ำทะเลสีเขียวสวยงาม มีกังหันอยู่อีกฝั่งของทะเล  ได้ถ่ายรูปกับขอนไม้ธรรมชาติ  และเรือกอและ ที่มีเหลืออยู่เพียงลำเดียวในเวลานั้น  เพราะที่เหลือออกทะเลไปแล้ว   โอ๊ย มันสดชื่น และดีต่อใจมากมาย  


ค่ำคืนสุดท้ายของทริปนี้  เรียกได้ว่าพิเศษอีกแล้ว  คณะเราได้รับเกียรติจากท่านพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชาการจังหวัดปัตตานี  เลี้ยงอาหารค่ำให้กับคณะเรา  ที่จวนผู้ว่าปัตตานี  หรืออีกชื่อคือ   เรือนชบา เมื่อเข้าไปข้างในอลังการมาก  อาหารที่ท่านผู้ว่านำมาเลี้ยงคณะเรานั้น ก็เป็นอาหารท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นขนมจีนน้ำยาใต้  สะเต๊ไก่และเนื้อ  ข้าวยำ  อื่น ๆ อีกมากมาย  ตบท้ายด้วยลองกอง และทุเรียนทรายขาวที่ขึ้นชื่อ ทั้งแบบแช่แข็ง และทานสด   มาถึงปัตตานี ต้องห้ามพลาด  ก่อนกลับไปพักผ่อนในคืนนี้  คณะเราได้เก็บบรรยากาศ ร่วมถ่ายภาพหมู่ในท่าชบาบาน เพราะจังหวัดปัตตานี  มีดอกชบา เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดนั่นเอง 

วันสุดท้ายแล้ว

เช้าวันสุดท้ายของทริป คณะเราก็เตรียมตัวออกเดินทางไปหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และไปไหว้เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว  ที่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองปัตตานี ขอพรรับความสำเร็จ  และรอบ ๆ ศาลเจ้าแม่ ยังมี มีสตรีทอารท์ รวมถึงบ้านเลขที่ 1 ซึ่งเจ้าของคือเจ้าของโรงแรง CS Hotel  โรงแรมชื่อดังในปัตตานี ให้เก็บภาพบรรยากาศสวย ๆ อีกด้วย

จากนั้นคณะเดินทางต่อไปยังตลาดกิมหยง หาดใหญ่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะต้องแวะมาจับจ่ายซื้อของฝาก โดยเฉพาะ ผลไม้  ถั่วหลากชนิด ไก่ทอดหาดใหญ่ ผ้าปาเต๊ะที่ราคาไม่แพง มาตลาดกิมหยงก็ถือว่ามาถึงหาดใหญ่หล่ะ  


การเดินทางมา 3 จังหวัด
 ครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรก และลบภาพความน่ากลัวในหัวออกไปเลย ณ ปัจจุบัน ที่นี่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราเคย เสพข่าว ที่นี่ถือว่าหน่วยงานราชการดูแลอย่างดี ในเรื่องของความปลอดภัย   ถ้าใครได้มาจะ “หลงรัก” ที่นี่เลยแหละ  เป็นพหุวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ ความเป็นอยู่ ที่เรียบง่ายดูอบอุ่น วัฒนธรรม และภาษายาวี มันดูแตกต่างนะ ดังที่ท่านพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชาการจังหวัดปัตตานี กล่าวไว้   “แตกต่างแต่ไม่แตกแยก” คำๆนี้มีอยู่จริงๆ

ขอบคุณสถานที่พัก : โรงแรม  เดอะริเวอร์  

โรงแรมติดแม่น้ำปัตตานี บรรยากาศดี สวยสะดุดตา ห้องพักสะอาด พนักงานบริการดี 

ขอขอบคุณ

  • ท่านพาตีเมาะ  สะดียามู   ผู้ว่าราชาการจังหวัดปัตตานี 
  • พันเอกชลัช  ศรีวิเชียร  รองเสนาธิการ กอ.รมน. 
  • คุณนารีนาถ  มั่นใจเกษตร (คุณนับ)  เจ้าของร้านอาหารมายาวี/บ้านสวนมายาวี 
  • คุณหนึ่งฤทัย  อับดุลบุตร (คุณอูม)  เหลนเจ้าเมืองยะหริ่ง   เจ้าของร้านอาหารข้าวผัดปูพี่อูม 
  • คุณธาราทิพย์  ปาตัน  (ซูอ้วน)  เจ้าของร้าน ZU UAN   
  • GISBH 
  • คุณรชต ลาตีฟี  AMC Group สนับสนุน ประสานงานด้านแหล่งท่องเที่ยว/อาหาร  
  • บริษัท 9 หน้าดี จำกัด   การตลาดและประชาสัมพันธ์ โดย  คุณชดา  บูรณะพิมพ์  และ คุณรุ่งนภา  ปักษี   ผู้บริหาร  และผู้จัดโครงการ
  • ภาพถ่ายโดย : คุณนาริฐา จ้อยเอม



Share:

Recent Posts

STATISTICS ::

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 : คุณเอ๋​ (+66) 063 424 8665
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก