SACICT พลิกตำนานเครื่องเบญจรงค์สู่นิยามใหม่ใช้ได้จริง ตอบโจทย์ความเป็นไปได้ของตลาดใน โครงการ SACICT Signature Collection 2019



วันที่ 30 เมษายน 2562

นางอัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ เป็นประธานการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินกิจกรรมแก่ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกตามโครงการพัฒนาอัตลักษณ์เบญจรงค์ไทย 2562 (SACICT Signature Collection 2019) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาอัตลักษณ์ของงานเบญจรงค์ในรูปแบบร่วมสมัยและสอดรับกับความต้องการที่เป็นไปได้ของตลาด
เป็นโครงการที่ SACICT จัดขึ้นเพื่อเปลี่ยนมุมมองความคิดที่มีต่อเบญจรงค์ไทย ทั้งมุมมองคลาดและมุมมองของผู้ผลิต ให้งานเบญจรงค์ไทยยังคงคุณค่าความงดงามและเทคนิคแบบดั้งเดิม แต่ผสานด้วยนวัตกรรม การออกแบบที่นำมาสู่การใช้งานได้จริง สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคปัจจุบัน เป็นผลงานที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์และรสนิยม โดยยังคงคุณค่าความโก้หรูเปี่ยมเสน่ห์ของงานเบญจรงค์ไทย
ในที่ประชุมได้ให้ผู้ที่ผ่านเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานด้านเบญจรงค์ แนวคิดในการผลิตงาน พัฒนาการในการสร้างสรรค์งานเบญจรงค์ รวมทั้งความคาดหวังในการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ขณะเดียวกันผู้ร่วมโครงการได้รับฟังมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบที่ปรึกษาโครงการ จาก ease studio และ Salt and Pepper Design studio 
เพื่อให้คำแนะนำแนวคิดและคำปรึกษาแก่ผู้เข้าร่วมโครงการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมี SACICT เป็นแกนในการผสานความคิดร่วมกัน เปิดโลกทัศน์ มุมมองและความคิดใหม่ๆในการทำงาน โดยได้มีการแบ่งกลุ่มระหว่างนักออกแบบและผู้ที่ลงพื้นที่ในการเดินทางเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน

สิ่งสำคัญของโครงการ Signature Collection ในปีนี้ต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ของตลาด กำหนดเป้าหมายของตลาดให้ชัดเจน การตั้งราคา การใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน มีผู้ซื้อถาวร ผลงานที่ออกมาต้องมีเอกลักษณ์ตัวตนที่ชัดเจนกว่าที่มีอยู่

#sacict
#signaturecollection2019



Share:

งานเทศกาลสีสันบอลลูนนานาชาติ@หาดใหญ่ (International Balloon Festival @ Hat Yai)

งานเทศกาลสีสันบอลลูนนานาชาติ@หาดใหญ่ (International Balloon Festival @ Hat Yai)
วันที่ 10-12 พฤษภาคม 2562 ณ สนามกีฬาจิระนคร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้กำหนดกลยุทธ์กระตุ้นการใช้จ่ายและขยายฐานตลาดกลุ่มระดับกลาง-บน ในช่วง Low Season ททท. ได้เล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงกำหนดจัดโครงการ “เทศกาลสีสันบอลลูนนานาชาติ@หาดใหญ่” ขึ้น
เพื่อเป็นการสร้างกิจกรรมพิเศษระดับนานาชาติ ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติตลาดระยะใกล้จากประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ อันจะก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่พื้นที่และการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ  โดยงานจะจัดขึ้นวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2562 ที่สนามกีฬาจิระนคร อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยบอลลูนที่เข้าร่วมงานมีจำนวน 12 ลูก เดินทางมาจากทุกภูมิภาคทั่วโลก 

กิจกรรม บุคคลทั่วไปเข้าฟรี

ช่วงเช้า (เวลา 06.00-08.00 น.) 
- Morning Free Flight รับชมการเตรียมบอลลูนของนักบอลลูน
- Balloon Tethering กิจกรรมร่วมขึ้นบอลลูนสำหรับนักท่องเที่ยว
- Walk-in Balloon เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเรียนรู้ในลูกบอลลูน
- Balloon Display เป็นการลอยบอลลูนภายในสนามเพื่อสร้างสีสันบนท้องฟ้า
ช่วงเย็น (เวลา 17.00-22.00 น.)
- Balloon Tethering กิจกรรมร่วมขึ้นบอลลูนสำหรับนักท่องเที่ยว
- Walk-in Balloon เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเรียนรู้ในลูกบอลลูน
- Balloon Display เป็นการลอยบอลลูนภายในสนามเพื่อสร้างสีสันบนท้องฟ้า
- Balloon Night กิจกรรมไฮไลท์การโชว์บอลลูน ประกอบแสง สี เสียง ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
- การจำหน่ายสินค้าและอาหาร
อาหารก็เป็นอาหารทั่วไป ซีฟู๊ด อาหารโบราณ อาหารนานาชาติ ให้นั่งทานโซนด้านนอก ขอความร่วมมือไม่เอาอาหารเข้าไปในสนาม
#ThailandFestival 
ข้อมูลเพิ่มเติม
www.thailandfestival.org   
Facebook Page : Thailand Festival 

Share:

กิจกรรมดี กิจกรรมสร้างสรรค์ช่วงปิดเทอม “HAPPY KIDS in SUMMER 2019”

วันอังคารที่ 30 เมษายน 2562 เวลา 11.00 น. นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานในพิธีปิดกิจกรรม HAPPY KIDS in SUMMER 2019 หนึ่งในกิจกรรมภายใต้ โครงการพัฒนาเพื่อการแบ่งปันที่ยิ่งใหญ่ Shift and share ณ โถงชั้น 1 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
นางนภา กล่าวว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยการมุ่งเน้นการสร้างให้เด็กและเยาวชนรู้จักการเป็น “ผู้ให้” มากกว่าการเป็น “ผู้รับ” อันเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม บูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน และเป็นการขยายเครือข่ายด้านการช่วยเหลือ เฝ้าระวัง ร่วมกัน ป้องกัน แก้ไขปัญหาสังคม และพัฒนาสังคมไปสู่สังคมแห่งสันติสุข เอื้ออาทร น่าอยู่ และยั่งยืน
นางนภา กล่าวต่อว่า กิจกรรม HAPPY KIDS in SUMMER 2019 เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้ โครงการพัฒนาเพื่อการแบ่งปันที่ยิ่งใหญ่ Shift and share ที่จัดขึ้นในช่วงปิดภาคเรียน เพื่อพัฒนาการความรู้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง เน้นกระบวนการคิดสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์ต่อสังคม และปลูกฝัง “จิตอาสา” ให้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อสร้างประโยชน์สุขกับตนเอง ครอบครัว ชุมชน ซึ่งปัจจุบันดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 30 เมษายน 2562 กลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กอายุระหว่าง 5 – 15 ปี แบ่งเป็น เด็กชาย 42 คน เด็กหญิง 34 คน รวมทั้งสิ้น 76 คน
การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ใช้หลักสูตรการเรียนรู้ที่เหมาะสมใช้หลัก 3R8C มาพัฒนาคุณลักษณะเด็กไทยในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย การคิดอย่างมีวิจารณญาณและแก้ปัญหา คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดเชิงนวัตกรรม การทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ ทักษะทางอาชีพ ทักษะในการสื่อสารและการรู้เท่าทันสื่อ รู้เท่าทันเทคโนโลยี ความเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม การเรียนรู้คุณธรรม จริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการปรับตัวเข้ากับสังคม มีระเบียบวินัย
จากการวัดประเมินผลกิจกรรมเด็ก ๆ มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก ส่วนผู้ปกครองได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในการฝึกปฏิบัติที่บ้านร่วมด้วย มีการรายงานผลความก้าวหน้าในกรุ๊ปไลน์ เด็ก ๆ ได้มีทักษะชีวิต มีพฤติกรรมเชิงบวก สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ มีจิตอาสาจิตสาธารณเพิ่มมากขึ้น รู้จักการช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนและได้ใช้เวลาว่างในช่วงปิดภาคเรียนให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
นอกจากนี้แล้ว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรเพื่อเป็นต้นแบบการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์พัฒนาเด็กและเยาวชนด้านจิตอาสา สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการเรียนรู้ของเด็กๆ พร้อมทั้งขยาย Model โครงการฯ ไปยังหน่วยงานที่สนใจต่อไป หน่วยงานใดสนใจนำรูปแบบการจัดกิจกรรมไปใช้
สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองหนึ่งใจเดียวกัน...ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี  โทร 02 306 8883-4 นางนภา กล่าวในตอนท้าย

Share:

ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาฯ ทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้ถวายพระพรชัยมงคล


วันนี้ (29 เม.ย.62) ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อานวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร.ปกรณ์ ปรียากร ผู้อำนวยการ สถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย


พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ ทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้ถวายพระพรชัยมงคลหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และหน้าพระรูปพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พร้อมลงนามถวายพระพร ณ ชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
Share:

GIT TEMP Pop-Up Store ศูนย์รวมการออกแบบร่วมสมัยด้านอัญมณีและเครื่องประดับ แห่งใหม่ใจกลางสีลม

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิด TEMP Pop-Up Store by GIT  สร้างแหล่งเรียนรู้ และ แรงบันดาลใจด้านแฟชั่นและการออกแบบให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่ และ ผู้ที่สนใจ พร้อมจำหน่ายสินค้าจากโครงการพัฒนารูปแบบและคุณภาพสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสู่ภูมิภาคอย่างยั่งยืน  ณ บริเวณห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ ชั้น 1 สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ถนนสีลม
 นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ กล่าวว่า GIT ได้ปรับรูปแบบห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ จัดโซน TEMP Pop-Up Store by GIT เพื่อสร้างศูนย์นัดพบแห่งใหม่ให้แก่ผู้รักการออกแบบ และแฟชั่น
พร้อมสร้างโอกาสการจำหน่ายสินค้าจากอัตลักษณ์การออกแบบจากผลงานของผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกในจังหวัดเป้าหมาย 5 จังหวัด ได้แก่ แพร่ ตราด เพชรบุรี สุรินทร์ และ สตูล ซึ่งมีแนวคิด และ ต่อยอดธุรกิจจนสามารถสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง โดยมีการพัฒนารูปแบบของเครื่องประดับร่วมกับนักออกแบบชื่อดัง อาทิ คุณวไลพรรณ ชูพันธ์ จากแบรนด์ FLOW คุณเอก ทองประเสริฐ จากแบรนด์ EK Thongprasert คุณสุรศักดิ์ มณีเสถียรรัตนา จากแบรนด์ Carletta Jewellery คุณอริสรา แดงประไพ จากแบรนด์ Arisara และ คุณจิตต์สิงห์ สมบุญ
ซึ่งนักออกแบบแต่ละท่านจะช่วยดึงจุดเด่นที่น่าสนใจของแต่ละจังหวัด และเครื่องประดับในท้องถิ่น มาปรับให้ร่วมสมัย และสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งเปิดวางจำหน่ายสินค้าจากนักออกแบบชั้นนำที่การันตีจากรางวัล DEmark หรือ Design Excellent Mark จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และ GMARK (Good Design Mark ของประเทศญี่ปุ่น) ซึ่งนอกจากสินค้าอัญมณี และเครื่องประดับ ยังรวมสินค้าไลฟ์สไตล์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น แว่นตา กระเป๋าเงิน ผ้าพันคอ เสื้อผ้า มาจัดแสดงอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการปรับเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือน ในรูปแบบนิทรรศการหมุนเวียน เพื่อให้เกิดความหลากหลาย และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชม

TEMP Pop-Up Store by GIT ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขยายตลาดสินค้าไทยจากชุมชนสู่ตลาดสากลผ่าน GIT สำหรับผู้ที่สนใจต้องการเลือกซื้อสินค้าในโครงการพัฒนารูปแบบและคุณภาพสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสู่ภูมิภาคอย่างยั่งยืน สถาบันเปิดให้บริการในวันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.00 – 17.00 น. ณ บริเวณห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ ชั้น 1 สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ถนนสีลม โทร. 02 634 4999 ต่อ 102 – 103

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.git.or.th หรือ http://bit.ly/2IyARv5

Share:

แบรนด์ "ไทยอร่อย" (ไท่ห่าวชือ) MOU โกอินเตอร์ สู่แดนมังกร และตลาดโลก

เมื่อวันที่ 26 เมษายนนี้ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือ สัญญาตัวแทน  ระหว่าง บริษัท ไท่ห่าวชือ กรุ๊ป จำกัด (Thai Hao Chue Group Co.,Ltd.) จากประเทศไทย กับ บริษัท เซินเจิ้น ซงธง โมเดิร์นซัพพลาย เชน แมนเนจเม้นท์ จำกัด (Shenzhen Zhongtong Modern Supply Chain Management Co.,Ltd.) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเวลา 8 ปี
โดยมี ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank   ร่วมแสดงความยินดี และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และ ท่านพลเอก ประสูตร รัศมีแพทย์ ตุลาการศาลทหารสูงสุด, รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด , สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (ด้านพลังงาน), กรรมการและเหรัญญิก มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ [1],อดีตราชองครักษ์พิเศษ [2]  เป็นสักขีพยานในพิธี
นางสาวธัญสิริ แซ่ตง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไท่ห่าวชือ กรุ๊ป จำกัด เผยว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายใต้แบรนด์ “ไทยอร่อย” นับเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือ OTOP ขึ้นชื่อของประเทศไทย แต่ละผลิตภัณฑ์ผ่านการวิจัยพัฒนาด้านการผลิตมีมาตรฐานส่งออก เราอยากให้คนไทยภูมิใจแบรนด์ไทย และนิยมสินค้าเกษตรแปรรูปของไทย
“จุดเริ่มต้น บริษัทฯ มองเห็นศักยภาพสินค้าเกษตรกรไทย มีเอกลักษณ์ และรสชาติไม่เหมือนใคร ทว่า ที่ผ่านมา สินค้าเกษตรไทยประสบปัญหาราคาผันผวน บางฤดูกาลผลผลิตขาดตลาด บางฤดูกาลล้นตลาด พี่น้องชาวเกษตรกรไทยจึงได้รับความเดือดร้อน ขณะที่ประเทศจีนมีขนาดใหญ่ และประชากรจำนวนมาก รวมถึง ชาวจีนชื่นชอบมาเที่ยวเมืองไทยมาก 
แต่สินค้าเกษตรไทยยังไม่ได้ทำการตลาดจีนอย่างจริงจังนัก ทางไท่ห่าวชือ จึงเห็นโอกาส นำทุเรียนหมอนทองมาแปรรูปผ่านเทคโนโลยีฟรีซดราย สามารถคงคุณภาพดีเหมือนกินสดๆโดยให้นักท่องเที่ยวจีนชิมฟรี วันละนับหมื่นซอง จนท้ายที่สุดทุกคนก็ซื้อกลับประเทศไปเป็นของฝากให้กับครอบครัวและเพื่อนๆ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวจีนมีความต้องการที่จะกินและซื้อทุเรียนหมอนทองมากขึ้น” นางสาวธัญสิริ เล่าถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว
ผู้บริหาร บริษัท ไท่ห่าวชือ กรุ๊ป จำกัด เผยด้วยว่า ในอดีต คนจีนยังไม่รู้จักทุเรียนหมอนทองมากนัก แต่หลังจากที่ บริษัท ไท่ห่าวชือได้แจกทุเรียนหมอนทองฟรีซดรายให้ชิมทำให้คนจีนรู้จักทุเรียนอย่างแพร่หลาย และมีทัศนคติที่ดีต่อทุเรียนไทย ทำให้ทุเรียนหมอนทองอบกรอบ ขายดีในประเทศจีน

ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารบริษัท ไท่ห่าวชือ  ที่เป็นแบรนด์แรกทำให้คนจีนรู้จักทุเรียนหมอนทองอบกรอบ และเป็นแบรนด์เดียวที่รักษาคุณภาพมาตลอด  และได้รับการยอมรับในมาตรฐานสากล ที่มากไปกว่านั้นคือ ไท่ห่าวชือเป็นแบรนด์ที่ชาวจีนยอมรับ อีกทั้งมีวัสัยทัศน์ที่พัฒนาสินค้าไทยที่อร่อยสู่ตลาดโลก จึงทำให้ บริษัท เซินเจิ้น ซงธง โมเดิร์นซัพพลาย เชน แมนเนจเม้นท์ จำกัด มาร่วมทำ MOU ลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือ สัญญาตัวแทนกับบริษัทฯ ในครั้งนี้ เป็นเวลา  8 ปี รับซื้อสินค้าเกษตรแปรรูปไทยกว่า 16,000 ตัน กระจายรายได้สู่ภาคเกษตรไทยกว่า 2,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อีกมากมาย เช่น มะม่วงอบแห้ง สับปะรดภูแลอบแห้ง ขนุนทองประเสริฐอบกรอบ เนื้อจระเข้อบแห้งรสพริกไทยดำ เนื้อจระเข้อบแห้ง เนื้อมะพร้าวน้ำหอมอบกรอบ มะม่วงหิมพานต์รสมะพร้าว มะม่วงหิมพานต์รสทุเรียน ลูกอมกลิ่นทุเรียน สาหร่ายย่างสอดไส้ทุเรียนหมอนทองอบกรอบ ทอฟฟี่โบราณ และเครื่องดื่มรังนกสำเร็จรูป เป็นต้น

บริษัทฯ ยังเป็นโรงงานเพียงแห่งเดียวที่ได้รับใบอนุญาตการผลิต  “เนื้อจระเข้พริกไทยดำ”  แบรนด์   "ไทยอร่อย”  ออกโดยหน่วยงานควบคุมความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศไทย ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมและได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยมีการทำตลาดต่างประเทศ ทั้งในทวีปยุโรป อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ค นอร์เวย์ เยอรมัน ทวีปอเมริกา อาทิสหรัฐอเมริกา แคนาดา และกลุ่มประเทศเอเชีย อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา และสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น

แบรนด์ "ไทยอร่อย"   หรือ "ไท่ห่าวชือ"  

ที่ภาษาจีน แปลว่า อร่อย วันนี้จะอร่อยไปทั่วโลก  มีทั้ง มะม่วงอบแห้ง ,สับปะรดภูแลอบแห้ง ,เม็ดมะม่วงหิมพานต์รสมะพร้าว ,เม็ดมะม่วงหิมพานต์รสทุเรียน ,เนื้อมะพร้าวน้ำหอมอบกรอบ , ขนุนทองประเสริฐอบกรอบ ,ลูกอมรสทุเรียน , สาหร่ายสอดไส้ทุเรียน , และเนื้อจระเข้อบแห้ง ทั้งเนื้อสุก และ รสพริกไทยดำที่นำผลไม้ไทย มาแปรรูปได้มาตราฐานสากล เพื่อส่งเสริมเกษตรไทย ทำให้ผลผลิตของเกษตรกรไทย อาหารไทย ได้เป็นที่รู้จักในตลาดสากลโลก








Share:

เปิดงาน มหกรรม OTOP เที่ยวเพชรบูรณ์ สนุก x 2 ไปแล้วจะรู้... อยู่แล้วจะรัก... " ณ ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต คึกคักคนชมเนื่องแน่น

 จังหวัดเพชรบูรณ์ เดินหน้าผลักดันสินค้า OTOP ปี 62 สู่ชุมชนเมืองสร้างความเข้มแข็ง ยกระดับขีดความสามารถแข่งขันของชาวเกษตรกร อุตสาหกรรมบริการ และ การค้าการลงทุน  จัดทัพสินค้าดาวเด่นผู้ผลิต ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ OTOP จำนวน 50 กลุ่ม บุกใจกลางกรุง  จัด 5 วัน 26 -30 เมษายนนี้ เจาะตลาดคนกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง ในขณะเดียวกันเปิดแผนท่องเที่ยว ขยายแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมใหม่ๆ ดึงชาวต่างชาติ เที่ยวเพชรบูรณ์เพิ่มตลอดปี  ตั้งเป้าโต 15%  จากยอดรายได้ท่องเที่ยว 80,000 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวเข้ามาปี 62 จำนวน 2.5 ล้านคน
นายพงษ์พิทยา​ ธนไกรศรีทอง​ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าว หลังเปิดงาน มหกรรม OTOP เที่ยวเพชรบูรณ์ สนุก x 2 ไปแล้วจะรู้... อยู่แล้วจะรัก... "  ณ ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต  ว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เดินหน้าผลักดันสินค้า OTOP ปี 62 สู่ชุมชนเมืองสร้างความเข้มแข็ง ยกระดับขีดความสามารถแข่งขันของชาวเกษตรกร อุตสาหกรรมบริการ และการค้าการลงทุนจัดทัพสินค้าดาวเด่นผู้ผลิตผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ OTOP จำนวน 50 กลุ่ม ขายในฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต 5 วัน


ขยายช่องทางจำหน่ายให้ผู้ประกอบการสินค้าโอท็อป และกลุ่มท่องเที่ยว   จังหวัดเพชรบูรณ์เป็นเมืองมีของดีหลายอย่างและเป็นเมืองท่องเที่ยว  มาถึงเพชรบูรณ์ต้อง 678   หมายถึง  6 อย่างต้องกิน 7 อย่างต้องซื้อ 8 อย่างที่ต้องไปเที่ยวและเตรียมจัดมหกรรมสินค้า OTOP เพื่อให้ชาวกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงได้รับทราบ  เพิ่มช่องทางการตลาดของผู้ประกอบการและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด

 
ด้านนายประดิษฐ์ หลวงจอก พัฒนาการจังหวัดเพชรบูรณ์ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด กล่าวว่าในปี 2562 ได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน(OTOP)สู่ตลาดใหม่ ๆ ให้กับผู้ผลิต/ผู้ประกอบการ ผลิตภัณฑ์ OTOP กลุ่มท่องเที่ยว จำนวน 50 กลุ่ม เข้าร่วมกิจกรรมจังหวัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตามโครงการ 1 ครั้ง ระยะเวลา 5 วัน โดยบุกใจกลางเมืองเป็นงาน

“มหกรรม OTOP เพชรบูรณ์เที่ยวเพชรบูรณ์ สนุกx2ไปแล้วจะรู้…อยู่แล้วจะรัก…” 5วัน โดยพบกับบรรยากาศ เที่ยวเพชรบูรณ์ สนุกx2 สนุกสุดมัน ผลิตภัณฑ์ชุมชน ระหว่างวันที่ 26-30 เมษายน 2562 ณ ฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต ลานสินค้า อไลฟ์ ฮอล์ล ชั้น G คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานและมาจับจ่ายต่อวัน 8,000-10,000 บาท จากยอดผู้เข้าห้างสรรพสินค้าวันละ 157,000 คนเพื่อดันสินค้าโอท็อปเพชรบูรณ์ ที่เป็นอีกกลุ่มที่ผลักดันตลาดสินค้าโอท็อปรวม ทะยานสู่ 2 แสนล้านบาท ตามนโยบายกรมพัฒนาชุมชน
นางธีรพร พรพฤฒิพันธุ์  ประธานเครือข่ายโอท็อป จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายมีทั้งอาหาร มะขาม กาแฟ แมคคาเดเมีย ไก่ย่างวิเชียรบุรี ผลิตภัณฑ์ผ้าทอ ผ้าเขียนเทียน ผ้าปัก ผ้าลายมุก เครื่องประดับ เซรามิค  และนำเสนอการท่องเที่ยว แนะนำเขาค้อ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ที่กำลังเสนอเพื่อเป็นมรดกโลก
ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้กล่าวถึง ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบูรณ์ว่า  เดิมมีนักท่องเที่ยวไทยมากถึง 90% กำลังจะดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ซึ่งการจะเดินสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ต้องทำให้เป็นระดับโลก ทำให้นักท่องเที่ยวมาได้ทั้งปีจากปัจจุบันมาได้เพียง 4 เดือน ช่วงฤดูหนาว ฤดูฝน ในช่วงฤดูร้อนจะต้องทำอย่างไรเพื่อดึงนักท่องเที่ยวมาที่ผ่านมาทางจังหวัดและมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเสนอองค์การสหประชาชาติ (UN)เพื่อให้เป็นมรดกโลก ได้แก่  อุทยานประวัติศาสตร์ ศรีเทพ ที่ได้เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว และมีคณะกรรมการที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานเพื่อพิจารณาแล้ว  ซึ่งได้ในระดับชาติแล้ว ในขั้นต่อไปจะเสนอยูเอ็นเพื่อเป็นระดับโลก
ทางด้านอุทยานธรณีวิทยา รอการมาตรวจ โดยกำลังเสนอคณะกรรมการที่มีพล.อ.ประวิตร เป็นประธานเหมือนกันพิจารณา เพื่อดันให้เป็นมรดกโลก ซึ่งเสนอไป 14 แห่ง แต่ถูกท้วงติงเรื่องไกลและมีอยู่ทุกอำเภอ จึงขอให้เหลือเพียง 2 แห่งได้แก่ น้ำหนาวและหล่มสัก เพื่อเป็นอุทยานธรณีวิทยา  "เมื่ออุทยานธรณีวิทยานี้ไปอยู่ในกูเกิล ไปอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกของยูเอ็นแล้ว นักท่องเที่ยวก็จะมา"
นอกจากนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ยังชูจุดแข็งของเพชรบูรณ์ในเรื่องของอากาศที่ดี การมีแหล่งธรรมชาติที่เกิดขึ้น  และมีแหล่งวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นจากการสร้าง เช่น พระบาทซ่อนแก้ว และต่อไปจะมีสร้างแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเพื่อดึงดูดคนมาพักไม่ใช่แวะมาแล้วผ่านไป เช่น สร้างพุทธมณฑลที่เป็นเจดีย์รูปพระธรรมจักร ซึ่งจะเป็นหอชมเมือง เป็นสกายวอล์ค เพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อดึงนักท่องเที่ยว  โดยล่าสุดร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดอีเวนต์ที่สำคัญ เป็นกีฬาผู้สูงอายุ  ซึ่งเพชรบูรณ์มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว สถานที่พักต่าง ๆ  พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว ผู้สูงวัย
อีกทั้งยังมีความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานราชการและเอกชน ช่วยพัฒนาจังหวัดให้เป็นที่รู้จักทั้งแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวที่สร้างขึ้นมา รวมทั้งสินค้า ของกินให้เพิ่มมากขึ้น ผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ที่มีส่วนสำคัญช่วยด้านท่องเที่ยวและส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย
ทั้งนี้ได้ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวมาเพชรบูรณ์เพิ่ม 5-10% ต่อเนื่องทุกปี ปัจจุบันมีมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 2.5ล้านคนในปีนี้  ขณะที่ยอดขายสินค้า OTOP รวมของจังหวัดอยู่ที่ประมาณ 80,000 ล้านบาทต่อปี
Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก