พม. จัดพิธีปลงผมนาค “ราษฎรบนพื้นที่สูง” ถวายเป็นพระราชกุศล สืบสานพุทธธรรมสู่ยอดดอย

วันที่ 27 มิถุนายน 2568 — กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ร่วมกับมูลนิธิเผยแพร่พระพุทธศาสนาแก่ชนถิ่นกันดารฯ จัดพิธีกราบลาบรรพชาและปลงผมนาค “ราษฎรบนพื้นที่สูง” ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพมหานคร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีครั้งนี้ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. เป็นประธาน พร้อมด้วย นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ คณะผู้บริหาร และนาคจำนวน 196 รูป จากราษฎรกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง 14 จังหวัดทั่วประเทศ เข้าร่วม โดยเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสานโครงการ “พระธรรมจาริก” อันทรงคุณค่า

นายอนุกูล กล่าวว่า โครงการพระธรรมจาริกเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2508 จากความร่วมมือระหว่างกรมประชาสงเคราะห์ (ชื่อเดิมของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ) และมูลนิธิเผยแพร่พระพุทธศาสนาแก่ชนถิ่นกันดารฯ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาในกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง ซึ่งมีวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความเชื่อต่างจากสังคมกระแสหลัก ตลอดระยะเวลากว่า 6 ทศวรรษ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการได้ร่วมมือกับพระธรรมจาริกในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชนบนพื้นที่สูง ซึ่งมีมากถึง 1,015,894 คน จาก 10 กลุ่มชาติพันธุ์ อาทิ กะเหรี่ยง ม้ง เมี่ยน ลาหู่ ฯลฯ โดยมุ่งเน้นการยกระดับทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม 

ในปัจจุบัน มีพระภิกษุและสามเณรในโครงการพระธรรมจาริกกว่า 595 รูป และมีอาศรมพระธรรมจาริกกว่า 315 แห่งทั่วประเทศ ทำหน้าที่เป็น “นักพัฒนาในผ้าเหลือง” ที่นอกจากจะเผยแผ่ธรรมะแล้ว ยังอบรมศีลธรรมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า โครงการนี้ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบรมวงศานุวงศ์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบทุนเล่าเรียนหลวง ศาลาปฏิบัติธรรม และพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ซึ่งถือเป็นพลังศรัทธาอันสำคัญที่เกื้อหนุนการธำรงพระพุทธศาสนาในพื้นที่ห่างไกล พระธรรมจาริกจึงไม่ใช่เพียงพระสงฆ์ที่เดินทางไปจำพรรษาบนยอดดอย หากแต่เป็น “สะพานใจ” ที่เชื่อมระหว่างศาสนา วัฒนธรรม และการพัฒนาเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน

พม. ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพมอบผ้าไตรและเครื่องอัฐบริขารแก่ผู้บวชในครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 28 – 29 มิถุนายน 2568 หรือร่วมบริจาคผ่านบัญชีของมูลนิธิฯ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @thammahighland

Share:

Jabs โชว์ศักยภาพแบรนด์สกินแคร์ไทยในงาน Cosmoprof CBE ASEAN 2025 เดินหน้าเสริมทัพกลยุทธ์ความงามแบบครบวงจร

บริษัท ซี.พี. คอนซูเมอร์โพรดักส์ จำกัด ผู้พัฒนาแบรนด์สกินแคร์ Jabs นำโดย คุณจิรายุ ภักดียิ่งยง

รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เดินหน้าตอกย้ำกลยุทธ์การเติบโตในตลาดความงามระดับภูมิภาค ด้วยการเข้าร่วมงาน Cosmoprof CBE ASEAN 2025

ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2025 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานแสดงสินค้าความงามระดับนานาชาติที่รวมแบรนด์ชั้นนำจากทั่วเอเชียไว้มากที่สุด

ภายในบูธ Jabs ได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์เด่นอย่าง Bright Booster UV protection Body lotion SPF50 PA+++ และกลุ่มสกินแคร์เพื่อผิวโกลว์กระจ่างใส พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ Jabs Bonny Bliss Lip & Cheek

บาล์มเนื้อสัมผัสนุ่มละมุน บางเบา ไม่เหนอะหนะ เติมความชุ่มชื้นได้ทั้งริมฝีปากและพวงแก้ม ใน 4 เฉดสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก 4 ฤดูกาล พร้อมดึง “พูห์ พาเวล” เป็นพรีเซนเตอร์ ถ่ายทอดภาพลักษณ์ความละมุนสดใสของผลิตภัณฑ์ใหม่นี้

กิจกรรมภายในบูธยังได้รับเกียรติจาก คุณออน อินฟลูเอนเซอร์สายไลฟ์สไตล์, "ดีน่า" มิสยูนิเวิร์สสมุทรสาคร 2025  "เลม่อน" มิสยูนิเวิร์สบึงกาฬ 2025, และ คุณฉัตร จาก Nongchat MakeUp ที่มาร่วมชมบูธและทดลองใช้เมกอัพของทางแบรนด์ Jabs อีกด้วย

อีกหนึ่งกิจกรรมเด่นคือ “Personal Color Matching

ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้วิเคราะห์เฉดสีที่เหมาะกับตนเอง เพื่อใช้ในการเลือกเครื่องสำอาง ลิปสติก และสีเสื้อผ้าให้เข้ากับบุคลิกและโทนผิว โดยมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด


เสริมประสบการณ์การช้อปผลิตภัณฑ์ของ Jabs อย่างตรงใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น


Jabs ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมชมบูธกิจกรรมสุดพิเศษในวันสุดท้าย 27 มิถุนายนนี้ ณ บูธ Jabs ภายในงาน Cosmoprof

พร้อมพบกับของที่ระลึกอีกมากมายภายในงาน


Share:

พม. หนุนความเท่าเทียม เปิดตัวคู่มือ-การจัดห้องสุขาสาธารณะต้นแบบสำหรับทุกคน เล็งขยายผลไปยังภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ

วันที่ 25 มิถุนายน 2568 นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานเปิดตัวคู่มือและการจัดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน (Restroom For All) เพื่อแสดงถึงหลักการพื้นฐานและตอบสนองความต้องการของคนทุกกลุ่ม ซึ่งสอดคล้องตามหลักการสิทธิมนุษยชนและภารกิจหลักของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวง พม. รวมทั้ง เพื่อเป็นห้องน้ำต้นแบบและเป็นทางเลือกให้กับหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. รวมถึงหน่วยงานราชการ และสถานประกอบการ สำหรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการและนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม โดยมี นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวรายงาน ณ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ชั้น 12 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

นายอนุกูล กล่าวว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ และหลักการสิทธิมนุษยชนสากล ตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ที่ได้เข้าร่วมเป็นภาคี ได้แก่ อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ หรืออนุสัญญา CEDAW , ปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป้าหมายที่ 5 การบรรลุความเท่าเทียมระหว่างเพศ และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สตรีและเด็กหญิง ประกอบกับความมุ่งหมายในการคุ้มครองและป้องกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ทั้งนี้ การจัดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน (Restroom For All) จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการตระหนักถึงสิทธิ และการไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องเพศ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ ซึ่งเป็นฐานคิดสำคัญในการส่งเสริมความเสมอภาคและเท่าเทียมทางสังคมที่เป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เป้าหมายสูงสุดของการจัดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน (Restroom For All) คือ การมุ่งตอบสนองต่อความต้องการและความจำเป็น รวมถึงบริการที่ครอบคลุมทุกกลุ่มสังคม ทั้งกลุ่มเพศชาย เพศหญิง กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ อีกทั้งยังเป็นเรื่องของการออกแบบและการปรับทัศนคติในการสร้างความเข้าใจเรื่องความหลากหลาย ความเสมอภาคเท่าเทียมระหว่างเพศ และการสร้างสังคมที่ทุกคนมีส่วนร่วม โดยยึดหลัก “ความสะอาด ความปลอดภัย และการรักษาความปลอดภัย ความสะดวก เข้าถึงได้ง่าย และความเป็นส่วนตัว” 

นอกจากนี้ การขับเคลื่อนให้เกิดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน (Restroom For All) เพื่อให้มีความสมบูรณ์ ยังต้องมีการปรับปรุงกฎหมายและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 39 (พ.ศ.2537) และฉบับที่ 63 (พ.ศ.2551) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายมีการกำหนดแบบและจำนวนของห้องสุขา อาจจะไม่เพียงพอและไม่รองรับการใช้งานในปัจจุบัน ที่มีเพียงห้องสุขาเฉพาะแค่เพศหญิงและเพศชายเท่านั้น แต่ไม่ได้มีการพิจารณาถึงความต้องการเฉพาะของกลุ่มบุคคลต่างๆ จำนวนของผู้ใช้บริการ และระยะเวลาในการใช้บริการของแต่ละเพศ จึงควรมีการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบดังกล่าว ให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มบุคคลต่างๆ และสถานการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป

นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า วันนี้ ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดทำคู่มือฉบับนี้ บนหลักการพื้นฐานในการจัดบริการห้องสุขาสาธารณะ โดยคำนึงถึงป้ายสัญลักษณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนแนวทางในการขับเคลื่อนให้เกิดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน (Restroom For All) เป็นสำคัญ ซึ่งกระทรวง พม. โดย สค. ได้ดำเนินการจัดส่งคู่มือฯ ในรูปแบบ E-Book เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และเป็นแนวทางในการออกแบบหรือปรับปรุงห้องสุขาที่เหมาะสมตามบริบทของหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ , หน่วยงานภายนอกระดับกระทรวง 19 แห่ง , หน่วยงานภายนอกระดับกรม 116 แห่ง และ หน่วยงานสังกัด พม. 8 แห่ง รวมทั้งสิ้น 218 หน่วยงาน

นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้เป็นการเปิดตัวคู่มือและการจัดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน (Restroom For All) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกเพศทุกวัย เป็นการให้นิยามของความเท่าเทียมอย่างแท้จริง เป็นการสะท้อนถึงการขับเคลื่อนด้านความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งคู่มือเล่มนี้ได้ลงรายละเอียดอย่างครบถ้วน เป็นคู่มือสำคัญที่จะเชื่อมโยงสังคมในการให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ ผ่านการใช้ห้องสุขาสาธารณะ ทั้งนี้ คู่มือเล่มนี้จะเกิดผลสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องขับเคลื่อนผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เนื่องจากห้องสุขาเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องแรกที่มนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องใช้ และต้องสามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้หญิง ผู้ชาย และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งภายในห้องน้ำจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้แก่ โถปัสสาวะสำหรับเด็กเล็ก ที่เปลี่ยนผ้าอ้อมสำหรับเด็ก บริการผ้าอ้อมสำเร็จรูปและผ้าอนามัย และราวจับสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ 

“งานวันนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การเปิดตัวคู่มือฯ แต่เราต้องการเสนอความเท่าเทียมทางเพศผ่านห้องสุขาสาธารณะ เพื่อเป็นต้นแบบที่สำคัญในสังคม ซึ่งกระทรวง พม. มีความคาดหวังว่าในท้องถิ่น โดยเฉพาะหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่ ต้องเร่งดำเนินการและขยายลงไปในพื้นที่ และหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องต้องทำเป็นต้นแบบ เพราะการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศไม่ได้อยู่แค่เฉพาะในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ควรจะเร่งขยายลงไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วภูมิภาคด้วย” นายอนุกูล กล่าวในตอนท้าย

Share:

Custom Culinary เปิดการแข่งขันการทำอาหาร “Custom Culinary Taste Master” ครั้งแรก เพื่อค้นหาสุดยอดเชฟมืออาชีพ ชิงเงินรางวัลรวม 100,000 บาท

โดยกิจกรรมแข่งขันทำอาหาร เพื่อเฟ้นหาเชฟผู้มากฝีมือจากทั่วประเทศ มาวัดทักษะความสามารถ ความชำนาญทางด้านอาหาร ความคิดสร้างสรรค์ และการจัดการวัตถุดิบที่มีอยู่อย่างจำกัด ความชำนาญในการจัดการครัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการนำเสนอ และสร้างสรรค์รสชาติให้มีความเป็นต้นตำรับ พร้อมคุณภาพที่สม่ำเสมอ เพราะนั่นคือคุณสมบัติสำคัญที่แสดงถึงความเป็น “เชฟมืออาชีพ” และเป็นคุณสมบัติที่ดีในการทำธุรกิจ

โดยการแข่งขันจัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 - 18.00 น. ณ True Digital Park ฝั่ง East ชั้น 1 เปิดเวทีการแข่งขันทำอาหารระดับมืออาชีพ ที่ทำการคัดเลือกเชฟผู้มากความ สามารถจากทั่วประเทศ จนได้ 5 เชฟสุดยอดฝีมือที่ผ่านเข้ารอบ พร้อมมาพิสูจน์ความสามารถในรอบ Semi-Final และ Final ชิงเงินรางวัลรวม 100,000 บาท พร้อมผลิตภัณฑ์จาก Custom Culinary รวมมูลค่ากว่า 20,000 บาท

เชฟผู้ผ่านเข้ารอบทั้ง 5 ท่าน จะแข่งขันกันโดยการทำเมนู Egg Benedict จำนวน 20 จาน ให้มีความสมบูรณ์ที่สุด ทั้งรสชาติ และการตกแต่งจาน ภายในระยะเวลาที่กำหนด และเข้ารอบ 3 ท่านสุดท้าย จะแข่งขันทำอาหารแบบ Full Course

โดยได้รับเกียรติจากคณะกรรมการกิตติมศักดิ์จำนวน 5 ท่าน ได้แก่    

Chef Jomi Gaston (Culinary Director, Asia Pacific, Griffith Foods Limited)

Chef Adam Jurado, Victore Anniban (Corporate Executive Chef, Griffith Foods Limited)

คุณวิทวัส มีสมมนต์ (CEO บริษัท The Foodworks Co., Ltd.)

เชฟชัชชญา รักตะกนิษฐ (กรรมการสมาคมเชฟแห่งประเทศไทย)

เชฟบาส วัฒนศักดิ์ ช่างเก็บ (Top Chef คนที่ 3 ของประเทศไทย และเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกให้กับทางแบรนด์ Custom Culinary)

ผลการแข่งขันสุดเข้มข้นและดุเดือด ผู้ที่คว้าชัยชนะจากเวที Custom Culinary Taste Master ในวันนี้ คือ เชฟธัญพิสิษฐ์ จงจิตต์โพธา!

และตลอดทั้งงานยังได้รับเกียรติจากคุณศิวัตรา รุ่งทวีวุฒิ (Marketing Director, Griffith Foods South East Asia) มาร่วมมอบรางวัลให้ผู้เข้าแข่งขันช่วงเช้า คุณกานดาฟ ซิงห์ (President, Griffith foods APAC) และ คุณปราชาน ปราดาน (Managing director, Griffith foods South East Asia) เป็นผู้มอบเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมผลิตภัณฑ์จาก Custom Culinary รวมมูลค่ากว่า 10,000 บาท ในช่วงท้ายของการแข่งขันอีกด้วย

และขอยินดีกับผู้ชนะ รางวัลที่ 2 เชฟ มาโนชย์ พึ่งพร้อม รับเงินรางวัล 25,000 บาท พร้อมผลิตภัณฑ์จาก Custom Culinary รวมมูลค่ากว่า 5000 บาท และ รางวัลที่ 3 เชฟ สิปปภาส ภู่ฮะ รับเงินรางวัล 15,000 บาท พร้อมผลิตภัณฑ์จาก Custom Culinary รวมมูลค่ากว่า 5000 บาท

งานนี้นับเป็นก้าวแรกของ Custom Culinary ในการจัดการแข่งขันทำอาหารอย่างเป็นทางการ รวมทั้งเป็นการเปิดตัว เชฟบาส วัฒนศักดิ์ ช่างเก็บ สุดยอดเชฟมากความสามารถ ในฐานะพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์ Custom Culinary ที่มาร่วมสร้างสีสันและแรงบันดาลใจในงาน ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการสะท้อนบทบาทของ Custom Culinary ในการผลักดันวงการอาหารมืออาชีพ และพร้อมที่จะต่อยอดสู่กิจกรรมอื่นๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย

ติดตามกิจกรรมครั้งถัดไปที่เพจ Custom Culinary APAC

Share:

สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์

ฯพณฯ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านผู้หญิง ดร.ภรณี มหานนท์ คุณหญิงโรส บริบาลบุรีภัณฑ์ ให้เกียรติมาเป็นประธานงานวันเกิด ดร. จินดารัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา ภายใต้ธีมงาน “ศุกร์ 13” โดยให้แขกแต่งดำแดงมาร่วมงาน ณ สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา 

โดยมีอาหารบุฟเฟ่ต์ร่วม 13 อย่าง มีนักร้องอาชีพอย่าง ภมร แดส กับเอลวิสไทย ดร.ชัยพร พิบูลย์ศิริ มาร่วมมอบความสุข รวมทั้ง “เดอะแกลมมี่ เกิล์ส” ชากุน กูร์บานี่ จันทิมา-ภาวิณี นะวิโรจน์ ณัฐภัทร รัตนกนกวัฒน์ มามอบความสนุกสนาน ให้กับผู้มาร่วมงานกว่า 60 ชีวิต 

อาทิ คณะศิลปิน ๒ รัชสมัย, ชาวสตรีนานาชาติ, ดร.สุเมธ - ดร.อาจอง - ตะวันชาย - ศศิโฉม - อาจ์ลดา - วรสุดา ชุมสาย ณ อยุธยา, รัญชา บริบาลบุรีภัณฑ์, ศิริพร เศรษฐปราโมทย์, ดร.จีรนันท์-ดร.ชินวัฒน์ สกุลตั้งไพศาล, ฐิตินันท์ ดวงขัวญ, พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร, ปีเตอร์ สมบูรณ์เจริญ, สมศักดิ์ วงษ์เทศ, กษมพรรณ เหล่าวนิช, รัช คิมเมสรา, เบญจมา โอฬารสกุล และเอิร์ธ สายสว่าง ต่างมีความสุข สนุกสนานกันถ้วนหน้า

Share:

Taiwan Excellence มุ่งมั่นนำโซลูชันอัตโนมัติอัจฉริยะพลิกโฉมอุตสาหกรรมไทย ย้ำเจตนารมณ์ “Green Vision, Smart Manufacturing” ที่งาน Manufacturing Expo 2025

กรุงเทพมหานคร 18 มิถุนายน 2568

ไต้หวันตอกย้ำความเป็นผู้นำในระบบ Automation เปิดตัวโซลูชันระบบอัตโนมัติอัจฉริยะในงาน Manufacturing Expo 2025 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ (BITEC)    ภายใต้แนวคิด "Green Vision, Smart Manufacturing" ผู้เข้าร่วมทุกท่านสามารถพบปะ       กับผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมชั้นนำของไต้หวันได้ที่ Taiwan Excellence Pavilion ซึ่งได้รับการออกแบบเป็นโครงสร้างแบบสมมาตรที่สร้างจากวัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรีไซเคิลสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไต้หวันในการก้าวสู่วิถีแห่งความยั่งยืน

ในวันเปิดงาน มีการจัดแถลงข่าวพิเศษตอกย้ำความเป็นผู้นำของไต้หวันในเรื่องของโซลูชัน  และนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะ ตอบโจทย์ความต้องการของภาคการผลิตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพของอุตสาหกรรมการผลิตแบบอัตโนมัติอัจฉริยะไปอีกขั้น พร้อมยกระดับคุณภาพการผลิตรวมไปถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมด้วย 

พร้อมกันนี้ ในงานยังมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ 5 บริษัทชั้นนำจากไต้หวัน ประกอบไปด้วย บริษัท AAEON, SOLOMON TECHNOLOGY CORPORATION, TECHMAN ROBOT, MECOM INDUSTRIES CORP และ Swan Air Compressor ซึ่งทั้งหมดเป็นบริษัทชั้นนำตัวแทนความทุ่มเทของไต้หวัน ที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมล้ำสมัยเพื่ออุตสาหกรรม  การผลิต และอุตสาหกรรมสนับสนุนบนวิถีแห่งความยั่งยืน 

เริ่มต้นที่บริษัท AAEON กับ UP Xtreme 7100 Edge เครื่อง Edge Computer ที่มาพร้อมพลังการประมวลผลขั้นสูงและระบบควบคุมหุ่นยนต์ 24V ในตัว ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์วิศวกรพัฒนาหุ่นยนต์และผู้ผลิตหุ่นยนต์โดยเฉพาะ โดดเด่นด้วย CAN Bus ที่รองรับการเชื่อมต่อเซ็นเซอร์หลากหลาย ช่วยลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเครื่องถูกออกแบบให้ทนต่อ      แรงสั่นสะเทือนและสภาพแวดล้อมที่รุนแรง พร้อมรองรับการขยายฟีเจอร์ด้าน AI 

บริษัท SOLOMON TECHNOLOGY CORPORATION ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI สำหรับการผลิตอัจฉริยะ เปิดตัว META-aivi แพลตฟอร์มที่ผสานเทคโนโลยี AR และ AI เข้าด้วยกัน รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล้อง IP และแว่นตา AR ที่ดีไซน์มาเพื่อ   มอบระบบวิเคราะห์ภาพ และการโต้ตอบแบบเรียลไทม์เหนือระดับ 

บริษัท Techman Robot เปิดตัวหุ่นยนต์แขนกล TM Cobot มอบโซลูชันครบวงจรสำหรับ      การผลิต พร้อมระบบควบคุมที่ใช้งานง่ายโดยไม่ต้องเขียนโค้ด TM Cobot มาพร้อมระบบ TMvision ในตัวเพื่อลดการติดตั้งระบบกล้องตรวจจับภาพจากภายนอก 

บริษัท MECOM INDUSTRIES CORP. โชว์ศักยภาพด้านเทคโนโลยีชีวภาพ พลิกโฉมวงการผลิต และเครื่อง CNC Milling ด้วยน้ำมันตัดกลึงโลหะรุ่น SUPERSYN และ SUPERSOL น้ำมันชีวภาพ (Bio-based) ที่ผ่านมาตรฐาน ESG ที่จะยกระดับนิยามใหม่ให้กับอุตสาหกรรมโลหะ คุณภาพสูง ด้วยแนวทางที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Swan Air Compressor เปิดตัว TS11-MV ปั๊มลมสกรูสุดล้ำที่ออกแบบมาเพื่อให้การจ่ายลมมีความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมแผงควบคุมอัจฉริยะและพัดลมโรเตอร์แรงเหวี่ยง      ที่ทนความร้อนได้ดีเยี่ยม ช่วยยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงานอย่างเต็มที่

ภายใน Taiwan Excellence Pavilion ผู้เข้าร่วมทุกท่านจะยังได้พบกับขบวนผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อการทำงานให้เป็นระบบอัตโนมัติที่แม่นยำในอุตสาหกรรมการผลิต และอุตสาหกรรมสนับสนุนจาก 13 บริษัทไต้หวันชั้นนำ ได้แก่ Techman Robot, KEEJAAN, HIWIN, SOLOMON TECHNOLOGY, FATEK, AAEON, PLANET, APLEX, MCM, ALASKA, Swan Air Compressor, Conquer Electronics และ KSS. ซึ่งผลิตภัณฑ์อัจฉริยะเหล่านี้จะช่วยพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมของไทย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พร้อมก้าวไปสู่วิถีแห่งความยั่งยืน

Taiwan Excellence ขอเรียนเชิญผู้ประกอบการและนักธุรกิจชาวไทยในภาคอุตสาหกรรม การผลิตทุกท่านเยี่ยมชม Taiwan Excellence Pavilion ที่บูธ 8F11 ระหว่างวันที่ 18-21 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. – 18.00 น. หรือติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานอื่นๆ ของ Taiwan  Excellence ได้ที่  https://www.facebook.com/TaiwanExcellence.TH
เกี่ยวกับ Taiwan Excellence :
Taiwan Excellence หรือ “ผลิตภัณฑ์ดีเด่นจากไต้หวัน” ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2536  โดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน (MOEA)  เพื่อยกย่องและเฉลิมฉลองความสำเร็จอันโดดเด่นของบริษัทที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยที่สุดของไต้หวันในแต่ละปี ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์นั้นจะต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกอันเข้มงวดซึ่งประเมินผลิตภัณฑ์โดยพิจารณาจาก 4 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ (1) การวิจัยและพัฒนา (2) การออกแบบ (3) คุณภาพ และ (4) การตลาด

เครื่องหมาย Taiwan Excellence ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าเป็นสัญลักษณ์อันทรงเกียรติด้านคุณภาพและการออกแบบทั้งยังสะท้อนถึงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของไต้หวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Taiwan Excellence กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ ได้ที่:


ติดตามข่าวสารและรายละเอียดล่าสุดโดยติดตามเพจ Facebook ของ Taiwan Excellence TH ได้ที่: https://www.facebook.com/TaiwanExcellence.TH
Share:

NUUI World เปิดตัว “NUUI On the Go” ตู้กดอาหารเสริมครบวงจร สาขาแรกที่เซ็นทรัล อีสวิลล์ ชวน “ลี ฐานัฐพ์” ร่วมเปิดประสบการณ์ Wellness Lifestyle แบบพกพา

NUUI World แบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชั้นนำของไทยเดินหน้าสู่บทใหม่ของแบรนด์ด้วยการเปิดตัว “NUUI On the Go” ตู้กดอาหารเสริมแบบครบวงจรครั้งแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อีสวิลล์ โดยต่อยอดจากจุดยืนเดิมในฐานะแบรนด์ที่มอบสุขภาพดีสู่การเป็น “Life Science Brand” ที่ช่วยให้ผู้คน “รู้สึกดีได้ในทุกวัน” ผ่านแนวคิดใหม่ Feel Good, Everyday โดยผสานคุณค่าของสารสกัดธรรมชาติจากทั่วโลกเข้ากับนวัตกรรมทันสมัย เพื่อสร้างประสบการณ์สุขภาพที่เข้าถึงได้ง่าย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่

โดย “NUUI On the Go” ถือเป็นครั้งแรกที่นำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยอดนิยมของแบรนด์มาจัดวางในรูปแบบตู้จำหน่ายอัตโนมัติเต็มรูปแบบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว พร้อมเชิญนักแสดงหนุ่มขวัญใจวัยรุ่น “ลี-ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ” มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ในฐานะตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ โดยลีได้ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของแบรนด์ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานของการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับความสนใจจากเหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพและไลฟ์สไตล์ที่มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ของตู้กดอัจฉริยะ และเตรียมพร้อมแชร์รีวิวกันอย่างคึกคัก

คุณศิริพร ทองรุจิโรจน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท NUUI World จำกัด กล่าวว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา NUUI World มุ่งมั่นส่งต่อสุขภาพดีผ่านพลังของธรรมชาติ แต่ในวันนี้เรากำลังก้าวไปอีกขั้น จากแบรนด์ที่ดีต่อร่างกาย สู่แบรนด์ที่ทำให้ ‘รู้สึกดีในทุกวัน’ ทั้งในแง่ของร่างกาย จิตใจ และการใช้ชีวิตแนวคิด Feel Good, Everyday คือหัวใจใหม่ของ NUUI World เราเชื่อว่าผู้บริโภคยุคนี้ไม่ได้มองหาแค่อาหารเสริมที่เห็นผล แต่ต้องการสิ่งที่ ‘เข้ากับชีวิตจริง’ ใช้ง่าย เห็นผลจริง และสร้างประสบการณ์ที่ดีโดยไม่ฝืนหรือยัดเยียด นั่นคือเหตุผลที่เราพัฒนา NUUI On the Go ตู้กดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เข้าถึงง่าย เพื่อให้แบรนด์อยู่ใกล้ผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนเมือง โดยผลิตภัณฑ์บางรายการจะวางจำหน่ายเฉพาะใน NUUI On the Go เท่านั้น”

สำหรับแผนการขยายในระยะถัดไป บริษัทฯ มีเป้าหมายติดตั้งตู้กดเพิ่มอีก 5 ตู้ภายใน 1 เดือน และตั้งเป้าขยายสู่ 20 ตู้ภายในปี 2025 โดยจะเน้นทำเลหลักในเขตกรุงเทพฯ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าพรีเมียม, สถานี BTS และ MRT, อาคารสำนักงานและฟิตเนสเซ็นเตอร์พันธมิตร เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถ “รู้สึกดีได้ทุกที่ ทุกวัน” ตามเป้าหมายของแบรนด์ NUUI World ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและ Wellness Product ที่มีคุณภาพสูง ใช้สารสกัดจากธรรมชาติที่ผ่านการวิจัยรองรับเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพในแบบที่สัมผัสได้จริง ทั้งในระยะสั้นและยั่งยืนในระยะยาว โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 

โทร: 097-285-8339

เว็บไซต์: www.nuuiworld.com

FB: Nuuiworld | NUUI WORLD ONLINE

TikTok: @nuuiworld

LINE: @nuuiworld

Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 095 469 4415
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก