NO E-cig Home: บ้านปลอดภัย ลูกหลานปลอดบุหรี่ไฟฟ้า พม. จับมือสมาพันธ์เครือข่ายฯ เดินหน้าพัฒนาครอบครัวไทยไร้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เปิดตัวแนวคิด “No E-cig Home: บ้านปลอดภัย ลูกหลานปลอดบุหรี่ไฟฟ้า”

เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 29 ก.ค. 2568 ที่อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เงินล้าน นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วย ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และ ศ.เกียรติคุณ นพ.รณชัย คงสกนธ์ เลขาธิการสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ร่วมแถลงข่าวพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการดำเนินการพัฒนาครอบครัวไทยไร้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า

นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า สถาบันครอบครัวจึงต้องเผชิญกับปัญหาความรุนแรงในครอบครัวในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดประเภทใหม่ ๆ ได้แก่ ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมาในหลากหลายรูปแบบ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกระดับ อันส่งผลกระทบต่อสมาชิกในครอบครัวทุกช่วงวัย เนื่องด้วยปัญหาบุหรี่ไฟฟ้ามีส่งผลกระทบต่อทั้งเด็ก เยาวชน และบุคคลในครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ซึ่งมีพันธกิจที่สำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพคนและสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว จึงเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว และเห็นความสำคัญขององค์กรเครือข่ายในการร่วมดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า จึงร่วมกับสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่จัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการดำเนินการพัฒนาครอบครัวไทยไร้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า และขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรภาคเอกชน และประชาชนทุกเพศ ทุกวัย ร่วมแสดงพลังทำให้พื้นที่ครอบครัวของตนเองกลายเป็นพื้นที่บ้านปลอดภัย ปราศจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าว

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายรูปแบบใหม่จากการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบทางเลือก ที่มาพร้อมกับกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกซึ่งมุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชนโดยตรง สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนรุ่นใหม่อย่างรุนแรง และหากไม่เร่งดำเนินการอย่างจริงจัง อาจกลายเป็นวิกฤตสุขภาพในอนาคตอันใกล้ “บทบาทของสมาพันธ์ฯ จึงมีความสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนงานป้องกันการเริ่มต้นสูบบุหรี่ในเด็กและเยาวชน โดยอาศัยกลยุทธ์หลากหลาย ทั้งการให้ความรู้ในสถานศึกษา การสร้างค่านิยมปลอดบุหรี่ในสังคม การเสริมพลังให้ครอบครัว ชุมชน และสถานบริการสุขภาพ ตลอดจนการสื่อสารเชิงรุก เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงพิษภัยของยาสูบในทุกมิติ” ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี กล่าว

นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวว่า สถานการณ์ครอบครัวไทยในปี 2567 ประเภทของครอบครัวไทยส่วนใหญ่เป็นประเภทครอบครัวเดี่ยว และมีจำนวนการจดทะเบียนสมรสลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับการจดทะเบียนหย่า ซึ่งมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และด้านอื่น ๆ เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวไทย ด้วยปัญหาความรุนแรงจากยาเสพติดในรูปแบบใหม่ บุหรี่ไฟฟ้า ที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เห็นว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าต้องเริ่มต้นที่การสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันครอบครัว โดยมีการขับเคลื่อนกลไกการดำเนินงานด้านครอบครัวทั้งในระดับประเทศ ระดับจังหวัด และในระดับพื้นที่ รวมทั้งได้ร่วมกับกลไกภาคีเครือข่ายทั้งในการส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะการร่วมมือกับสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ในการขับเคลื่อนการพัฒนาครอบครัวไทยให้ไร้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า การดำเนินการเสริมสร้างสถาบันครอบครัวของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เป็นไปเพื่อมุ่งจุดมุ่งหมายสูงสุด คือ “ครอบครัวอบอุ่น สังคมเป็นสุข ปราศจากความรุนแรง” อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าว

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์รณชัย คงสกนธ์ เลขาธิการสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดพบว่า ร้อยละ 23.7 ของครัวเรือนไทยยังคงมีการสูบบุหรี่ภายในบ้าน ส่งผลให้เด็กและเยาวชนไทยอย่างน้อยกว่า 5 ล้านคนได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน ซึ่งไม่เพียงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ยังเป็นการสร้าง “ภาพจำ” และ “แบบอย่าง” ของพฤติกรรมการสูบโดยไม่รู้ตัว เปิดโอกาสให้เด็กเลียนแบบ และเพิ่มความเสี่ยงในการก้าวเข้าสู่การใช้สารเสพติดในอนาคต

“การสูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าในบ้าน ไม่ใช่แค่ปัญหาสุขภาพ แต่คือ ‘ความรุนแรงในครอบครัว’ เพราะสมาชิกในบ้าน มีโอกาสได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่มือสอง ซึ่งส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ การพัฒนาสมอง และสุขภาพในระยะยาว” 

ด้วยเหตุนี้ สมาพันธ์ฯ จึงผลักดันแนวคิด “No E-cig Home: บ้านปลอดภัย ลูกหลานปลอดบุหรี่ไฟฟ้า” ให้เป็นกลไกหลักในการสร้างสภาพแวดล้อมปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในระดับครอบครัว โดยเน้นการมีส่วนร่วมของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และทุกคนในบ้าน เพื่อเป็นเกราะป้องกันด่านแรกในการดูแลสุขภาพกายและใจของเยาวชนไทย

แนวคิดนี้ไม่เพียงเน้นการสร้าง “ครอบครัวไร้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า” แต่ยังรวมถึงการพูดคุยให้ความรู้กับลูกหลาน การสร้างบรรยากาศแห่งความเข้าใจและความปลอดภัยทางจิตใจ และการเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ใหญ่ในบ้าน เพราะ “บ้านที่ปลอดภัย ไม่ใช่เพียงบ้านที่ไร้ควันบุหรี่ แต่ต้องไร้บุหรี่ไฟฟ้า และเต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และความอบอุ่นทุกคนในครอบครัว” ศ.นพ.รณชัย กล่าว

Share:

🎉 เปิดจักรวาลวัยทีน! “เทศกาลเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร” ภายใต้แนวคิด TEENIVERSE (จักรวาลวัยทีน) 🚀

เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2568 ณ มิวเซียมสยาม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดย สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ได้จัดพิธีเปิด เทศกาลเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร อย่างยิ่งใหญ่ภายใต้โครงการส่งเสริม “สภาเมืองคนรุ่นใหม่” ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายสิงห์ ลิ้มพิรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว เป็นประธานกล่าวเปิดงาน


📌 ไฮไลต์ของงานนี้คือกิจกรรมที่เกิดจากพลังของเด็กและเยาวชน ที่ได้ร่วมออกแบบกิจกรรม สร้างสรรค์เวที และนำเสนอไอเดียร่วมกับภาคีเครือข่ายและหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร เพื่อนำเสนอภาพอนาคตของเมืองที่พวกเขาอยากเห็น

✨ กรุงเทพมหานครมุ่งมั่นเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงความสามารถ แสดงความคิดเห็น และพัฒนาศักยภาพของตนเอง โดยสอดคล้องกับนโยบาย “12 เทศกาลทั่วกรุงเทพฯ” เพื่อให้เมืองหลวงของเราก้าวไปข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์ และยั่งยืน

🙏 ขอขอบคุณทุกแรงสนับสนุนจากภาคีเครือข่าย ผู้บริหาร และที่สำคัญที่สุด คือเด็กและเยาวชนทุกคนที่เป็นหัวใจของจักรวาลนี้

📸 ติดตามภาพบรรยากาศ ความสนุก และแรงบันดาลใจจากงานได้ที่ https://www.facebook.com/share/16vovS5jzH/

#เทศกาลเด็กและเยาวชน #Teeniverse #กรุงเทพมหานคร #สภาเมืองคนรุ่นใหม่ #BKKYouthFestival #สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว

Share:

คีร์กีซสถาน Kyrgyzstan ดินแดนลี้ลับบนเทือกเขาเทียนซานจนได้ชื่อว่า"สวิสเซอร์แลนด์แห่งเอเซียกลาง"

ที่ซึ่งธรรมชาติยังคงความสวยงามและบริสุทธิ์อย่างเต็มร้อยและเป็น เพียงไม่กี่ประเทศบนโลกใบนี้ ที่ผู้คนมีความสุขสูงกว่าการเจริญเติบโตของตัวเลขGDPผู้คนดำรงชีวิตอยู่อย่างช้าๆไม่รีบเร่งบนพื้นฐานของการเกษตร แบบพอเพียง พึ่งพาอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก

ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม จะตรงกับช่วงไฮท์ซีซั่นของประเทศนี้ซึ่งถือว่าเป็นช่วงฤดูร้อนที่อากาศแจ่มใสไม่หนาวเย็นจนเกินไป ดอกไม้ผลิดอกบานสะพรั่งและทุ่งหญ้าอันเขียวขจีบนเทือกเทียนซานอันสลับซับซ้อน บรรยากาศจึงเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวและพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง

Share:

รองผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เปิดงาน “เพชรสมุทรคีรี สินค้าดีจากพื้นถิ่น คืนสู่ชีวิตที่ดีของทุกคน Goods from Here, Good for All ณ พาราไดซ์ พาร์ค ศรีนครินทร์ ช้อปฟิน กินเพลิน ถึง 6 กรกฎาคม 68 นี้

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร และกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 ชวนช้อปสินค้าดีจาก 4 จังหวัด สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ทั้งอาหารทะเล สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้า เกษตรอินทรีย์ สินค้า BCG และสินค้า Soft Power สุดสร้างสรรค์ รวมกว่า 50 ร้านค้า ระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม ณ พาราไดซ์ พาร์ค ศรีนครินทร์

วันนี้ (3 ก.ค.68) เวลา 16.00 น. ร้อยตำรวจเอก เขตรัฐ ชาญศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด สมุทรสาคร เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “เพชรสมุทรคีรี สินค้าดีจากพื้นถิ่น คืนสู่ชีวิตที่ดีของทุกคน Goods from Here, Good for All” โดยมี นางภิชตรา ชาญศิลป์ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร พาณิชย์จังหวัดทั้ง 4 จังหวัด ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สภาหอการค้า ผู้ประกอบการ เข้าร่วมงานด้วย ณ ลานรอยัล พาร์ค พลาซ่า ชั้น 1 ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร

ร้อยตำรวจเอก เขตรัฐ ชาญศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า กลุ่มจังหวัด ภาคกลางตอนล่าง 2 หรือกลุ่มจังหวัดเพชรสมุทรคีรี มีฐานเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมการเกษตรและ ประมง โดยเฉพาะจังหวัดสมุทรสาคร เป็นหนึ่งในศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปที่สำคัญที่สุดของ ประเทศ จึงได้ร่วมกันบูรณาการจัดทำโครงการเพิ่มศักยภาพการจำหน่ายสินค้าและบริการ เพื่อเชื่อมโยงตลาด ทั้งในและต่างประเทศ โดยนำของดีจากทั้ง 4 จังหวัด มาจัดแสดงและจำหน่าย อาทิ ปลาทูชาเตี้ยะแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม น้ำตาลโตนด และขนมหม้อแกงเมืองเพชร มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว อาหารทะเลแปรรูป เกลือสมุทรสมุทรสาคร เค้กไส้สับปะรดกวนประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดและช่องทาง การค้าให้กับผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมเจรจาธุรกิจ, สินค้านาทีทอง, สินค้า 1 แถม 1 พร้อมชมฟรีการแสดง มินิคอนเสิร์ต ในเวลา 18.00-19.00 น. โดยในวันที่ 2 ก.ค. พบกับ ก้านตอง ทุ่งเงิน 3 ก.ค. พบกับ หญิง ธิติกานต์, 4 ก.ค. พบกับ เปาวลี, 5 ก.ค. พบกับ กานต์ ทศน และ 6 ก.ค. พบกับ หนิง ปัทมา ชมฟรีตลอดงาน !!

Share:

วธอ. จับมือ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดโครงการหลักสูตร “ผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่ – กลยุทธ์รอดและโตในโลกเศรษฐกิจใหม่” วธอ. Next Gen 1

มูลนิธิเพื่อการพัฒนาการประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรม (วธอ.) ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดตัวโครงการหลักสูตร “ผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่ : กลยุทธ์รอดและโตในโลกเศรษฐกิจใหม่” หรือ วธอ. Next Gen 1 เพื่อพัฒนาภาวะผู้นำของผู้บริหารยุคใหม่ให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก พร้อมเสริมองค์ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ การตลาด นวัตกรรม และการออกแบบนโยบาย เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว 


พิธีเปิดหลักสูตรจัดขึ้นโดยได้รับเกียรติจาก นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษามูลนิธิ วธอ. เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วย นายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิ วธอ. และ รองศาสตราจารย์ ดร. พีระ เจริญพร คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) และร่วมเสวนาเพื่อแนะนำหลักสูตร

หลักสูตร “วธอ. Next Gen 1” ถือเป็นการต่อยอดจากความสำเร็จของ หลักสูตรนักบริหารระดับสูงด้านการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมและการลงทุน (วธอ.) ซึ่งดำเนินการมาแล้วต่อเนื่องถึงรุ่นที่ 9 หลักสูตรนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นต้นแบบของการพัฒนาผู้นำและยุทธศาสตร์สำหรับภาคธุรกิจไทยอย่างแท้จริง โดยวธอ. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของมูลนิธิเพื่อการพัฒนาการประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งก่อตั้งโดยภาคธุรกิจและสถาบันการเงิน เพื่อยกระดับขีดความสามารถของธุรกิจไทยทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค 

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษามูลนิธิ วธอ. กล่าวว่า “โครงการ วธอ. Next Gen 1 เกิดจากความตั้งใจของมูลนิธิฯ ที่ต้องการสร้างผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่ให้สามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างมั่นคงในโลกที่เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงเร็ว เราเชื่อว่าองค์ความรู้เชิงกลยุทธ์ที่ถูกต้อง จะช่วยให้ผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อองค์กรและสังคมได้อย่างยั่งยืนและสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ๆ ให้กับประเทศ” 

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร. พีระ เจริญพร กล่าวเสริมว่า “หลักสูตรนี้ออกแบบโดยคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญของคณะฯ และภาคธุรกิจ โดยมุ่งพัฒนาผู้นำให้มีมุมมองรอบด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การตลาด นวัตกรรม และนโยบาย รวมถึงเสริมทักษะคิดเชิงกลยุทธ์ ที่จำเป็นต่อการบริหารองค์กรในโลกที่ไม่แน่นอน”

หลักสูตร วธอ. Next Gen 1 จึงถือเป็นหลักสูตรที่ตอบโจทย์ผู้นำธุรกิจยุคใหม่ ทั้งในแง่ขององค์ความรู้เชิงวิชาการ การเรียนรู้จากกรณีศึกษา และประสบการณ์ตรงจากผู้บริหารระดับแนวหน้าของประเทศในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และภาคการเงิน


สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัครหลักสูตร วธอ. Next Gen 1 ต้องมีอายุระหว่าง 30 – 45 ปี โดยเป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้บริหารระดับกลางขึ้นไป หรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในภาคเอกชน รวมถึงเป็นผู้บริหารระดับกลางในภาครัฐบาลและองค์กรอิสระตั้งแต่ตำแหน่งระดับชำนาญการพิเศษขึ้นไปที่มีความสนใจในการพัฒนาความรู้ด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ และนวัตกรรม เพื่อยกระดับศักยภาพในการขับเคลื่อนองค์กรและประเทศในยุคเศรษฐกิจใหม่ โดยผู้เข้าร่วมอบรมจะได้เรียนรู้ทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก และแนวคิดการจัดการธุรกิจในโลกเศรษฐกิจยุคใหม่ และได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ภายใต้เครือข่ายผู้นำรุ่นใหม่ ทั้งในภาคเอกชนและภาครัฐบาล เพื่อร่วมขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจไทยในอนาคต

สำหรับการจัดอบรมหลักสูตร วธอ. Next Gen 1 มีกำหนดอบรมตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 โดยอบรมทุกวันพฤหัสบดี เวลา 17.00 – 19.00 น. ณ โรงแรมควีนส์แลนด์ กรุงเทพฯ เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 18 กรกฎาคม 2568 และจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกภายในวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรนี้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอบรมแต่ประการใด โดยมูลนิธิฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมหลักสูตรได้ที่ https://www.ibid.in.th และ https://www.econ.tu.ac.th 

Share:

บมจ.เออาร์ไอพี จับมือ คณะพาณิชยศาสตร์ฯ มธ.มอบรางวัล “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025”

 

เชิดชู สุดยอดผู้นำที่พร้อมนำองค์กรฝ่ามรสุมแห่งความผันผวน

นิตยสาร BUSINESS+ โดย บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานมอบรางวัล THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “NAVIGATE THROUGH THE UNCERTAINTY ก้าวนำฝ่ามรสุมแห่งความผันผวน” เพื่อประกาศเกียรติคุณรางวัลแห่งความสำเร็จในการบริหารองค์กรของผู้บริหารสูงสุดชั้นนำของประเทศในอุตสาหกรรมต่างๆ และผู้บริหารดาวรุ่ง โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายองค์กรเข้าร่วมรับรางวัลอย่างสมเกียรติ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรแต่ละท่าน ต่างมีองค์ความรู้ ประสบการณ์และแนวทางการบริหารงานที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ละท่านผ่านวิกฤติและโอกาสที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงผู้บริโภค สภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันไป งาน THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025 ในครั้งนี้จึงได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “NAVIGATE THROUGH THE UNCERTAINTY ก้าวนำฝ่ามรสุมแห่งความผันผวน” ขึ้นเพื่อสะท้อนภาพความสามารถของผู้นำองค์กรในการบริหารจัดการในหลากหลายมิติและฝ่าฝันจนไปสู่ความสำเร็จ การมอบรางวัลในปีนี้ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาด้านการพาณิชยศาสตร์และการบัญชีระดับชั้นนำของประเทศ และมีชื่อเสียงในระดับสากล ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รางวัล THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025 นี้ จะเป็นรางวัลสำคัญในการเสริมสร้างกำลังใจ ให้แก่ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ให้ยังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรให้เจริญงอกงามยั่งยืน สร้างคุณค่าให้แก่องค์กร และพนักงาน พร้อมๆ ไปกับร่วมกันดูแลสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม อันเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศไทยต่อไป”

ศาสตราจารย์ ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มุ่งเป็นสถาบันชั้นนำในภูมิภาค ด้วยหลักสูตรทันสมัยและงานวิจัยที่ตอบโจทย์สังคม โดยคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ในฐานะสถาบันการศึกษาและวิจัยด้านธุรกิจชั้นนำของไทย ได้ร่วมมือกับนิตยสาร BUSINESS+ จัดทำโครงการ “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR” เพื่อศึกษารูปแบบความสำเร็จของผู้บริหารองค์กรในหลากหลายมิติ และมอบรางวัลแก่ผู้บริหารที่โดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรม โดยถือเป็นการยกย่องผู้นำที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนและความเป็นเลิศ นำมาสู่งานมอบรางวัล “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025” ในวันนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับผู้บริหารทุกท่าน นับเป็นความสำเร็จของผู้บริหาร ที่ได้ทุ่มเทความรู้ ความสามารถและประสบการณ์เพื่อสร้างองค์กรที่มีความเข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับองค์กรอื่นๆ ได้ ตลอดจนนำพาองค์กรไปสู่การพัฒนาความยั่งยืน”
รองศาสตราจารย์ ผศ.ดร.อรพรรณ ยลระบิล รองคณบดีฝ่ายวิชาการและเครือข่ายพันธมิตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มุ่งเป็นต้นแบบสถาบันการศึกษาด้านบัญชีและบริหารธุรกิจของไทย โดยได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก จนเป็นสถาบันแรกของไทยที่ได้สถานะ Triple Crown การจัดโครงการ “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR” ร่วมกับนิตยสาร BUSINESS+ มีเป้าหมายเพื่อศึกษารูปแบบความสำเร็จของผู้บริหารในหลากหลายมิติ ทั้งด้านผลการดำเนินงาน ลูกค้า พนักงาน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง ESG และมอบรางวัลแก่ผู้บริหารที่โดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อยกย่องผู้นำที่พาองค์กรสู่ความยั่งยืน งานมอบรางวัล “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025” ได้คัดเลือกผู้บริหารในแต่ละอุตสาหกรรม ที่ครอบคลุมหลากหลายมิติอย่างรอบด้าน และรางวัลนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ทุ่มเททั้งความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้บริหาร ในการสร้างองค์กรที่เข้มแข็ง มีความสามารถในการแข่งขัน และมุ่งสู่ความยั่งยืนในระยะยาว”
สำหรับการมอบรางวัล “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025” จัดมอบรางวัลให้กับผู้บริหารสูงสุดขององค์กร จำนวน 10 ประเภทอุตสาหกรรม ดังนี้ 

1. อุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ได้แก่ คุณประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ

2. อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ ได้แก่ คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

3. อุตสาหกรรมการจัดจำหน่าย ได้แก่ คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท วายแอลจี กรุ๊ป จํากัด

4. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แก่ คุณสุภัค ลายเลิศ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แทนเจอรีน จำกัด

5. อุตสาหกรรมธนาคาร ได้แก่ คุณผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

6. อุตสาหกรรมธุรกิจความงาม ได้แก่ คุณลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน)

7. อุตสาหกรรมประกันชีวิต ได้แก่ คุณสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

8. อุตสาหกรรมประกันวินาศภัย ได้แก่ ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)

9. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)

10. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ คุณณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี)

ประเภท Rising Star จำนวน 5 รางวัล ได้แก่

11. คุณวุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท ยูเอชจี

12. คุณศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด

13. คุณรสรินทร์ ติยะวราพรรณ กรรมการบริหาร บริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด

14. คุณกัญญฉัชฌ์ เลิศธนไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมซัน รอเยล จำกัด

15. นายแพทย์ดิตถพงษ์ บุญอำพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล โรงพยาบาล เอส สไปน์ แอนด์ จอยท์

Share:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 095 469 4415
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก